ผู้เขียน หัวข้อ: ‘แก้วหน้าม้า’ ภาพสะท้อนสังคมไทย  (อ่าน 1607 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด




‘แก้วหน้าม้า’ ภาพสะท้อนสังคมไทย

     ปฏิเสธไม่ได้ว่า ละครพื้นบ้านเรื่อง ‘แก้วหน้าม้า’ ฉบับปี 2558 โดยบริษัท สามเศียร จำกัด นำแสดงโดยเอ - เอกราช กฤตสิริทิพย์และ เดียร์ - ดาริน ดารากานต์ ออกอากาศทางโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ทุกเช้าวันเสาร์และอาทิตย์เวลา 08.15 - 09.15 น. ได้รับความนิยมจากผู้ชมอย่างมากมายเป็นปรากฏการณ์ จากการจัดอันดับรายการโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดประจำสัปดาห์ของเอจีบี นีลเส็น รายงานว่า ละครพื้นบ้านเรื่อง ‘แก้วหน้าม้า’ ในช่วงที่ผ่านมา มีเรตติ้งสูงถึง 11.0 ถือเป็นอันดับต้น ๆ หลายสัปดาห์ติดต่อกัน และที่น่าทึ่งไปกว่านั้น ‘แก้วหน้าม้า’ เวอร์ชั่นนี้ ได้รับความนิยมจากคนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ คนวัยทำงาน แม้กระทั่งวัยรุ่นยุคใหม่ในโลกออนไลน์ เห็นได้จากมีการพูดถึงอย่างกว้างขวง และแฮชแท็ก #แก้วหน้าม้า ในสังคมทวิตเตอร์ (twitter) ก็ติดอันดับไทยเทรนด์ทุกสัปดาห์ในช่วงเวลาออกอากาศ

     ‘แก้วหน้าม้า’ เป็นพระนิพนธ์ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทินกร กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์ ซึ่งนิพนธ์มาตั้งแต่ครั้งสมัยรัชกาลที่ 3 ถูกนำมาสร้างเป็นละครออกอากาศทางโทรทัศน์หลายต่อหลายครั้ง ครั้งล่าสุดในปีนี้ เป็นการผลิตซ้ำครั้งที่ 4 และทุกครั้งที่นำ ‘แก้วหน้าม้า’ กลับมาสร้างใหม่ ก็เป็นที่นิยมของผู้ชมชาวไทยอยู่เสมอ ทั้ง ๆ ที่มีตัวละครชูโรงตัวเดิม โครงเรื่องเดิม นั่นแสดงว่า ละครพื้นบ้านเรื่องนี้ต้องมีอะไรบ้างอย่างที่ถูกจริตกับนิสัยคนไทย ‘ออล แม็กกาซีน’ ฉบับนี้ จึงบุกไปถึงกองถ่ายละครพื้นบ้านสุดฮอตเรื่องนี้ถึงโรงถ่ายลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี เพื่อพูดคุยกับคู่พระนางหน้าใหม่ของวงการ ‘เดียร์ – ดาริน ดารากานต์’ และ ‘เอ – เอกราช กฤตสิริทิพย์’ ที่รับบทเป็น ‘แก้วหน้าม้า – พระปิ่นทอง’ แห่งเมืองมิถิลา ฉบับปี 2558 มาพบกับเรื่องราวส่วนตัว มุมมองความคิด และความเป็นมาของละครพื้นบ้านสุดมหัศจรรย์เรื่องนี้กัน



‘แก้วหน้าม้า’ นำแสดงโดย เดียร์ - ดาริน ดารากานต์

all : แนะนำตัวให้ผู้อ่านได้รู้จักหน่อยค่ะ
เดียร์ ดาริน :  ชื่อ เดียร์ - ดาริน ดารากานต์ ค่ะ เป็นชื่อในวงการบันเทิง เดียร์มีชื่อจริงว่า ณิชกานต์ ทองมังกร เกิดวันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2537 เข้าวงการบันเทิงด้วยการถ่ายโฆษณาผลิตภัณฑ์เพิ่มความสูง ‘มิราคลาส’ ค่ะ จากนั้นก็มีโอกาสได้พบคุณลุงหรั่ง (ไพรัช สังวริบุตร) ก็เลยได้แสดงละครเรื่อง ‘มนต์นาคราช’ เป็นเรื่องแรกค่ะ

all : เล่นละครพื้นบ้านตั้งแต่เรื่องแรกเลยหรือคะ
เดียร์ ดาริน :  ค่ะ เดียร์เล่นเป็นนางเอกคู่กับพี่เอ – เอกราช ที่เล่นเป็นพระปิ่นทองนี่แหละค่ะ (ยิ้ม) ครั้งแรกที่เล่นก็กังวลเหมือนกันค่ะว่าจะทำได้หรือเปล่า เพราะตอนเด็ก ๆ คุณแม่เคยพาไปประกวดมิสทีนไทยแลนด์ พาไปเดินแบบ เดียร์ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ (ทำหน้าเบ้) ตอนนั้นยังเด็ก เลยไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้ แต่พอมาเล่นเรื่องแรกก็ได้เล่นเป็นฝาแฝด เลยลองเล่นดู พี่เลี้ยงช่วยสอน ก็เล่นได้ค่ะ (ยิ้มกว้าง) หลังจากนั้นก็ได้เล่นละครหลังข่าวเรื่อง ‘คาดเชือก’ และ ‘ใยกัลยา’

all :  ผ่านละครมาหลายเรื่อง พอมาเล่น ‘แก้วหน้าม้า’ ทำให้แสดงได้ง่ายขึ้นไหม
เดียร์ ดาริน :  เรื่องแก้วหน้าม้าจะเล่นยากกว่าค่ะ เพราะซีนหนึ่งมีหลายอารมณ์มาก ตั้งแต่แรกคือฉากที่เจอพระปิ่นทอง คือ รัก ชอบ พอโดนพระปิ่นทองต่อว่า ก็เกลียด โกรธ เดียร์ก็ต้องปรับเปลี่ยนอารมณ์ให้ทันกับฉากนั้น ๆ ด้วย ตอนแรก ๆ เดียร์ก็ยังเล่นไม่ค่อยได้ เล่นไปแบบอารมณ์เดียว เพราะยังงงอยู่ (หัวเราะ) ก็ได้พี่เลี้ยงมาช่วยบอก ช่วยแนะนำ ให้ทำความเข้าใจของบทใหม่ ให้เดียร์คิดนิดหนึ่งว่าสิ่งที่แก้วทำลงไป แก้วทำเพื่ออะไร ก็เริ่มรู้ทาง เลยเล่นได้ดีขึ้นค่ะ

all :  ตอนแรกที่ทราบว่าได้เล่นเป็น ‘แก้วหน้าม้า’ เดียร์รู้สึกยังไง
เดียร์ ดาริน :  ก็ดีใจและภูมิใจค่ะ เพราะแก้วหน้าม้าเวอร์ชั่นเก่า พี่ออย - สิริมา อภิรัตนพันธุ์ เขาเล่นไว้ดีมาก เดียร์ก็แอบกังวลนิดหนึ่ง กลัวจะเล่นไม่ได้ดีเท่าพี่เขา แต่สุดท้ายก็คิดได้ว่า เราก็เล่นในแบบของเรานี่แหละ (ยิ้ม) แต่ก็กดดันเหมือนกันนะคะ เพราะต้องเล่นเป็นสองคาแร็กเตอร์ คือ แก้วหน้าม้า และแก้วมณี คือแก้วสวย ซึ่งจะต่างจากมนต์นาคราช ที่เล่นเป็นฝาแฝด เป็นคนละคนกัน แต่แก้วหน้าม้าคือคนคนเดียวกัน ก็จะเป็นอารมณ์ของคนคนเดียว เพียงแต่แต่งหน้าแต่งตัวคนละแบบเท่านั้นเอง

all : รู้สึกยังไงที่แก้วหน้าม้าได้รับความนิยมและกล่าวขานถึงมากขนาดนี้
เดียร์ ดาริน : พอรู้ว่าละครที่เดียร์เล่นมีคนชอบ มีคนติดตามดูมาก ก็ดีใจและหายเหนื่อยค่ะ พี่ ๆ ทุกคนในกองถ่ายก็ดีใจเหมือนกัน เพราะเราทำงานกับแบบเต็มที่มาก แม้ว่าจะถ่ายทำไปออนแอร์ไป โดยส่วนตัวแล้ว หนูภูมิใจมากนะคะที่คนดูให้การต้อนรับ ทั้ง ๆ ที่เดียร์เพิ่งจะเข้าวงการมาได้แค่ก้าวที่สองเท่านั้นเอง ต้องขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ถ้าไม่ได้พี่ ๆ ช่วย เดียร์ก็คงทำไม่ได้ขนาดนี้ (ยิ้ม)

all :  แต่งหน้าเป็นแก้วหน้าม้าตลอด พอไม่ได้แต่งหน้า เวลาออกไปข้างนอกมีคนจำได้บ้างไหม
เดียร์ ดาริน : ก็มีนะคะ (หัวเราะขำ) พอจำได้ เขาก็จะทำท่าม้า แล้วก็ร้อง ฮี้ ๆ ๆ ใส่ บางคนก็ร้อง ปุเลง ๆ ๆ สนุกดีค่ะ

all :  เมื่อแก้วหน้าม้าประสบความสำเร็จสูงขนาดนี้ กดดันไหมสำหรับการเล่นละครเรื่องต่อไป
เดียร์ ดาริน : ถ้าไม่ใช่ละครจักร ๆ วงศ์ ๆ ก็คงกดดันค่ะ อย่างคาดเชือกกับใยกัลยา เดียร์ก็ยังไม่ค่อยชินนะคะ เพราะเดียร์ติดการพูดช้า ๆ เดินช้า ๆ อย่างในละครจักร ๆ วงศ์ ๆ อยู่ค่ะ (all : ส่วนตัวแล้วชอบเล่นละครจักร ๆ วงศ์ ๆ มากกว่าด้วยหรือเปล่า) ชอบค่ะ เพราะเวลาอยู่กับพี่ ๆ ในกองถ่ายเหมือนอยู่กับคนในครอบครัว เวลามาทำงานก็เหมือนมาเล่นในกอง ไม่ได้รู้สึกว่ามาทำงานเท่าไหร่ (ยิ้ม)

all : ชีวิตเปลี่ยนไปขนาดไหน หลังจากได้เล่นเป็นแก้วหน้าม้า
เดียร์ ดาริน : เปลี่ยนมากค่ะ อย่างเรื่องเรียน ตอนนี้เดียร์เรียนปี 3 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพค่ะ แต่ตอนนี้ เดียร์ดร็อปเรียนไว้ เพราะอยากทำงาน ต้องไปตามเก็บทีหลังค่ะ แต่ก็ไม่เป็นไร เดียร์มองว่าอายุเท่าไหร่ก็เรียนได้ ไม่มีอะไรสายเกินไป การมากองถ่ายก็เหมือนการได้เรียนรู้ศาสตร์ด้านนิเทศศาสตร์ไปในตัว เหมือนกับเดียร์ได้เรียนนอกห้องเรียน ได้ความรู้จากการทำงานจริงค่ะ อีกอย่าง เดียร์ก็ได้ทำงานเร็วกว่าเพื่อน ๆ ด้วย

all : ในฐานะนักแสดงนำ เคยคิดบ้างไหมว่าคนดูชอบอะไรในละครเรื่อง ‘แก้วหน้าม้า’ เวอร์ชั่นนี้
เดียร์ ดาริน : เดียร์มองว่า คนดูชอบภาพรวมของละคร ทั้งบท ทั้งนักแสดง ทั้งฉากและองค์ประกอบต่าง ๆ เดียร์ว่าแก้วหน้าม้าเวอร์ชั่นนี้สนุกนะคะ มีการปรับบทให้ทันสมัยขึ้น ไม่น่าเบื่อ ขนาดเดียร์เองยังลุ้นเลยว่า ตอนต่อไปจะเป็นยังไง ทำให้อยากตื่นมาดู เดียร์เคยไปนั่งทำผม ไปกินข้าวตอนแก้วหน้าม้าออกอากาศ หลายคนก็จำได้เรียก ‘อีแก้ว’ บางคนก็เข้ามาถามว่า ใช่ แก้วหน้าม้าหรือเปล่า ตอนเดียร์ไปออกรายการ ‘ที่นี่หมอชิต’ พี่เขาก็ให้เดียร์แต่งหน้าม้าไปขายมะม่วง ขายเงาะ คนก็มารุมขอถ่ายรูปกัน ผลคือขายไม่หมด มีแต่คนเข้ามาเล่นกับแก้ว ไม่ยอมซื้อ (หัวเราะขำ)

all : จริง ๆ ละครเรื่องแก้วหน้าม้า ก็รีเมคมา 4 – 5 รอบแล้ว ทำไมถึงฮิตทุกครั้งที่นำมารีเมค
เดียร์ ดาริน : เดียร์มองว่า นางเอกที่หน้าตาน่าเกลียดไม่ค่อยมี ส่วนใหญ่ เราจะเห็นแต่นางเอกจะสวย ๆ แต่เรื่องนี้ นางเอกน่าเกลียดมาก (ลากเสียง) คนก็อยากลุ้นต่อว่านางเอกจะทำยังไงให้ชนะใจพระเอกได้ มันสนุกตรงนี้ค่ะ คนดูจะช่วยติดตามและช่วยลุ้น ซึ่งเรื่องนี้คนเขียนบท (แก้วกัลยาณี) เก่งมากค่ะ เขียนบทได้อย่างมีสีสัน มีลูกล่อลูกชนตลอด ทำให้คนดูไม่สามารถเดาทางได้ ก็เลยต้องติดตามกันทุกตอน

all : แก้วหน้าม้าฉบับนี้ วัยรุ่นดูกันเยอะมาก น้องเดียร์รู้สึกยังไงที่วัยรุ่นกลับมาดูละครจักร ๆ วงศ์ ๆ อีกครั้ง
เดียร์ ดาริน : วัยรุ่นดูเยอะจริง ๆ ค่ะ เดียร์เล่นทวิตเตอร์ เจอแฮชแท็ก #แก้วหน้าม้า ขึ้นอันดับหนึ่งทุกสัปดาห์ มีการวิพากษ์วิจารณ์ละครเรื่องนี้ผ่านสื่อออนไลน์เยอะมาก เดียร์อ่านแล้วก็ขำดี สนุกดีค่ะ การได้อ่านคอมเม้นต์เหล่านี้ ทำให้เดียร์รู้ว่าคนดูชอบหรือไม่ชอบอะไร กลายเป็นช่องทางฟีคแบ็คให้เดียร์ได้ปรับปรุงการแสดงได้อย่างดีเลย

all : ในความคิดของน้องเดียร์ ละครเรื่องนี้ได้สะท้อนความเป็นไทยได้อย่างไรบ้าง
เดียร์ ดาริน : เดียร์มองว่า ตั้งแต่ฉากและอุปกรณ์ประกอบฉากทุกฉากมีความเป็นไทยสูงมาก รวมไปถึงคำพูดของนักแสดงทุกคนก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นไทย การแสดงในหลาย ๆ ฉากก็สื่อให้เห็นความเป็นไทย การสื่อสารออกไปแบบนี้ ทำให้เด็ก ๆ ดูแล้วได้ซาบซึ้งถึงวัฒนธรรมอันดีงามของคนไทยได้เป็นอย่างดี

all : คิดอย่างไรที่คนสมัยนี้ ชื่นชมคนที่รูปร่างหน้าตาดี มากกว่ามองคนที่คุณงามความดี
เดียร์ ดาริน : ละครเรื่องนี้สอนให้เดียร์รู้ว่า คนบางคนที่หน้าตาดี ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดีเสมอไป คนขี้เหร่ หน้าตาน่าเกลียด อาจเป็นคนดีอย่างที่เรานึกไม่ถึงก็ได้ สมัยนี้เวลาเราเดินไปเจอใคร ส่วนมากก็จะมองที่รูปร่างหน้าตาก่อน คนสมัยนี้จะมองเรื่องแบบนี้ก่อน แต่เราก็ไปห้ามเขาไม่ได้ สุดท้ายแล้ว เขาจะรู้เองว่าคนที่รูปร่างหน้าตาดี อาจไม่ใช่คนดีเสมอไป คนที่เคยมองว่าไม่สวยเท่า อาจจะดีกว่าก็ได้ วันเวลาจะพิสูจน์ทุกอย่างเองค่ะ (ยิ้ม)

all : อยากฝากอะไรถึงแฟน ๆ ละครแก้วหน้าม้าบ้างไหม
เดียร์ ดาริน : อยากขอบคุณผู้ชมทุกคนที่ติดตามชมค่ะ แล้วก็อยากฝากให้ทุกคนที่ดูละครให้คิดตามเวลาดูด้วย เพราะละครจักร ๆ วงศ์ ๆ จะสอดแทรกคำสอน คติต่าง ๆ ไว้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชีวิต เรื่องบาปกรรม เรื่องการทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว เวลาเด็ก ๆ ดูละครก็อยากให้คิดตามแล้วนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การที่เรามองคนคนหนึ่ง ก็ไม่ควรมองแต่ภายนอก อยากให้ดูที่นิสัย และใช้เวลาในการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน บางครั้งเราอาจจะได้ยินเรื่องไม่ดีของคนคนหนึ่งมา ซึ่งอาจจะเป็นจริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้ เราก็ควรพิสูจน์ก่อนที่จะเชื่อคำพูดของคนอื่น เราควรจะเปิดใจรับฟังคนที่โดนพูดถึงด้วย หรืออย่างเมื่อมีใครทำผิด ก็ควรมีการให้อภัยกันค่ะ



‘พระปิ่นทอง’ นำแสดงโดย เอ - เอกราช กฤตสิริทิพย์

all : แนะนำตัวให้ผู้อ่านได้รู้จักหน่อยค่ะ
เอ เอกราช : ชื่อจริงชื่อ เอกราช กฤตสิริทิพย์ ครับ ชื่อเล่นชื่อ เอ เกิดวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2535 ก่อนหน้านี้เอศึกษาอยู่ที่คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาภาพยนตร์ ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ แต่ตอนนี้ก็ดร็อปเรียนอยู่ เพราะกำลังจะย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อความสะดวกเวลาทำงานด้วยครับ แล้วเอก็อยากย้ายไปเรียนด้านเศรษฐศาสตร์ เผื่อว่าในอนาคตจะได้ใช้ความรู้ด้านนี้มาบริหารจัดการธุรกิจส่วนตัว ส่วนวิชานิเทศศาสตร์ก็อาศัยจากกองถ่ายเอาครับ

all : เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงได้อย่างไร
เอ เอกราช :  ผมไปแคสติ้ง (Casting - การคัดตัวนักแสดง) มาครับ ตอนนั้นทางช่องเปิดรับสมัครนักแสดงละครเรื่อง ‘เจ้าหญิงแตงอ่อน’ ผมก็ได้เป็นพระเอกเรื่องแรกเลย (ยิ้ม) แต่ก่อนหน้านั้น ก็ลำบากอยู่เหมือนกัน เคยทำงานเดินแบบ ถ่ายโฆษณา เล่นมิวสิควิดีโอ การเข้ามาในวงการไม่ได้สวยหรูอะไร ไม่มีใครแนะนำ ไม่มีใครชักชวน มีแต่ใจที่อยากเข้ามาทำงาน ผมไปแคสติ้งตามที่ต่าง ๆ มาโดยตลอด พอทางช่องเปิดโอกาสให้คัดตัวนักแสดงก็รีบสมัคร แล้วก็ได้เลยครับ

all : อยากทำงานวงการบันเทิงขนาดนี้ วินาทีแรกที่รู้ว่าได้แสดงละคร รู้สึกอย่างไร
เอ เอกราช :  ดีใจมากครับ ตอนทำงานใหม่ ๆ ก็มีพี่ ๆ ให้คำแนะนำเยอะมาก ทั้งในเรื่องการทำงาน การดูแลตัวเอง การเอ็นเตอร์เทนคนดู อะไรแบบนี้ ก็ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนตัวเอง เช่น วิธีการพูด ปกติผมก็ใช้ภาษาแบบวัยรุ่นทั่วไป แต่พอมาเล่นละครจักร ๆ วงศ์ ๆ ก็จะมีเรื่องการใช้คำราชาศัพท์ เรื่องจังหวะการพูด ผมก็ทำการบ้านอยู่ตลอดเวลา สนุกดีครับ เพราะงานในวงการบันเทิงเป็นความใฝ่ฝันของผมตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว (ยิ้ม) จำได้ว่า ตอนเด็ก ๆ นั่งดูละครจักร ๆ วงศ์ ๆ เห็นเขาต่อสู้กัน เห็นเขาใส่ชุดแบบนี้ (ชี้ชุดพระปิ่นทองที่สวมอยู่) ก็ชอบ ในความรู้สึกของผม ตัวละครเหล่านี้คือฮีโร่ พอเราได้มายืนอยู่ในจุดนี้ รู้สึกดีมากครับ

all : ทำไมถึงชอบละครพื้นบ้าน หรือละครจักร ๆ วงศ์ ๆ ล่ะคะ
เอ เอกราช :  ตอนเด็ก ๆ ผมไม่ค่อยได้มีโอกาสดูละครภาคค่ำ ผมเป็นคนนอนที่เร็ว แต่จะตื่นเช้า เพราะก๋งกับย่าทำขนมไทยขาย ผมต้องตื่นมาช่วยตั้งแต่ตี 5 กว่าจะเสร็จก็ประมาณ 8 โมง วันเสาร์อาทิตย์ไม่มีอะไรทำ เลยได้ดูละครจักร ๆ วงศ์ ๆ ของทางช่อง 7 ดูจบก็นอนต่อ อะไรแบบนี้ (ยิ้ม) ถือเป็นชีวิตประจำวันของผมเลยครับ ส่วนละครสมัยใหม่ เพิ่งได้มาดูตอนช่วงวัยรุ่นเองครับ

all : การเล่นละครจักร ๆ วงศ์ ๆ ไม่รู้สึกว่าเชยหรือล้าสมัยบ้างหรือ
เอ เอกราช : ไม่เลยครับ ไม่ได้รู้สึกว่าเชยเลย อย่างเรื่องแก้วหน้าม้าที่ผมเล่น คนดูเยอะมาก ดูกันทุกเพศทุกวัยด้วยนะครับ ไม่ใช่แค่คนสูงอายุอย่างที่รู้สึกกัน วัยรุ่นก็ดูเยอะนะครับ ผมว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีนะครับที่วัยรุ่นหันกลับมาดูละครพื้นบ้านกันเยอะขนาดนี้ น่าชื่นใจมาก ส่วนตัวผมประทับใจกับละครเรื่องนี้มาก ๆ เลยครับ

all : ยากไหมกับการทำงานในวงการบันเทิง โดยเฉพาะเป็นนักแสดงละครจักร ๆ วงศ์ ๆ
เอ เอกราช : แรก ๆ ก็ยากครับ เกร็งด้วย เพราะผมไม่เคยเล่นละครมาก่อนเลย มือใหม่มาก (หัวเราะ) พอผ่านเรื่องเจ้าหญิงแตงอ่อนไป ก็พอมีประสบการณ์เพื่อนำมาใช้กับเรื่องต่อไปบ้าง ผมพยายามทำการบ้านให้เยอะ ๆ ครับ ผมเป็นคนที่ชอบดูหนัง บางทีก็ไปหาหนังมาดู ก็ช่วยได้มากครับ ตอนผมได้รับบทเป็นนักข่าวในละครเรื่อง ‘ไม่สิ้นไร้ไฟสวาท’ ผมไปหาหนังสืบสวนสอบสวนมาดู จะได้รู้ว่า นักข่าวเขาทำยังไง ผมคิดว่า ผมไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์ ก็เลยต้องพยายามหาพรแสวงมาเพิ่มครับ

all :  ดีใจไหมเมื่อรู้ว่าได้รับบทเป็น ‘พระปิ่นทอง’ ใน ‘แก้วหน้าม้า’
เอ เอกราช : ดีใจมาก ๆ เลยครับ แล้วก็คิดว่าจะทำงานให้ดีที่สุด ผมไปหาละครแก้วหน้าม้าฉบับก่อน ๆ มาดู อยากรู้ว่าพี่เอ - ไชยา มิตรชัย เล่นเป็นพระปิ่นทองยังไง แต่ผมก็จะพยายามเล่นไม่ให้เหมือนพี่เขา สมัยที่พี่เขาเล่นก็เป็นเรื่องของตอนนั้น ส่วนที่ผมเล่นก็เป็นยุคสมัยของผม ฉบับนี้ ผู้กำกับและคนเขียนบทเก่งมาก เขียนบทได้ทันยุคทันสมัย เขียนให้คนดูเดาไม่ถูกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทำให้ต้องติดตามทุกตอน เลยกลายเป็นว่า แก้วหน้าม้าเวอร์ชั่นนี้ ทุกอย่างดีหมดครับ ทำให้ได้รับความนิยมสูงมาก

all : รู้สึกยังไงบ้างที่ละครเรื่องนี้ได้รับความนิยมสูงขนาดนี้
เอ เอกราช :  ตอนแรกก็มีแต่คนเกลียดพระปิ่นทองนะครับ เวลาผมไปเดินตลาด มีแต่คนเข้ามาต่อว่า หาว่าผมใจร้ายกับแก้วหน้าม้า บางคนก็ถามว่าเมื่อไหร่จะใจดีกับแก้วหน้าม้าเสียที ไปบอกเสด็จพ่อให้หน่อยว่า อย่าวางแผนเยอะนัก ผมตอบไปว่า ผมเล่นตามบทครับ (หัวเราะ) ตัวจริงผมใจดีนะครับ (ยิ้มหวาน) ตอนแรก ๆ คนดูก็เกลียดพระปิ่นทอง แต่พอตอนหลังเรื่องกลับตาลปัตร แก้วหน้าม้าเริ่มใจร้าย ให้พระปิ่นทองไปไถนา ไปผ่าฟืน คนดูก็หันมาสมน้ำหน้าพระปิ่นทองอีก ผมกลับมานั่งคิด ก็ชื่นใจนะที่คนดูอินไปกับบทที่เราเล่น ถือว่าประสบความสำเร็จมากครับ

all : เล่นเป็นพระเอกของละครฮอตขนาดนี้ ยากไหมเมื่อเทียบกับละครเรื่องอื่น ๆ
เอ เอกราช : พอประมาณครับ ไม่ยากเท่าไหร่ เพราะจริง ๆ แล้ว ผมชอบเล่นบทบู๊มากกว่า อย่างแอ๊คชั่นแฟนซี เตะ ต่อย ฟันดาบ อะไรแบบนี้ บทพระปิ่นทองไม่ค่อยมีบู๊ครับ ไม่เหมือนเรื่องมนต์นาคราช เรื่องนั้นได้ทำทุกอย่างเลย (หัวเราะ) จริง ๆ แล้ว ตัวพระปิ่นทองมีความสามารถมากนะครับ ไม่ว่าจะเป็นขี่ม้า ฟันดาบ เล่นดนตรี เรียกว่าครบรส ผมก็เลยได้ใช้สิ่งที่เรียนมา มาเล่นในเรื่องนี้หมดเลยครับ

all : เคยคิดไหมว่า ทำไมคนดูถึงชื่นชอบละครเรื่อง ‘แก้วหน้าม้า’ เวอร์ชั่นนี้ขนาดนี้
เอ เอกราช : ผมคิดว่าน่าจะเป็นคาแร็กเตอร์ของตัวละครหลาย ๆ ตัวครับ อย่างเช่น เสด็จพ่อก็จะไม่ค่อยยอมเสด็จแม่ เพราะเสด็จแม่สงสารแก้วหน้าม้า ส่วนเสด็จพ่อก็เข้าข้างลูกชาย โอ๋ลูกชาย พยายามหาเจ้าหญิงต่างเมืองมาให้ มีเรื่องราวสนุก ๆ พลิกไป พลิกมา ทำให้น่าติดตามครับ บางทีผมก็ใส่หมวกพรางตัวไปเดินตลาด เพื่อสำรวจเรตติ้ง จะเห็นแม่ค้าพ่อค้าเขานั่งลุ้นกัน เหมือนเชียร์มวยเลยครับ (หัวเราะ) ผมเห็นแล้วก็ชื่นใจ หายเหนื่อย มีบางครั้งเหมือนกันที่เขาจำได้ว่าเป็นผม เขาก็เรียกพระปิ่นทองกัน

all : จริง ๆ ละครเรื่องแก้วหน้าม้า ก็รีเมคมาหลายรอบแล้ว ทำไมถึงฮิตทุกครั้งที่นำมารีเมค
เอ เอกราช : ผมคิดว่า น่าจะเป็นที่ละครเรื่องนี้มีความแปลก เนื้อหาก็สอดแทรกอะไรไว้หลาย ๆ อย่าง เช่น เรื่องหน้าตา บางคนมีรูปลักษณ์ภายนอกไม่สวยงาม แต่กลับมีจิตใจงดงาม บางคนรูปร่างหน้าตาสวยมาก แต่กลับมีจิตใจมุ่งร้าย ริษยาอาฆาต แล้วก็มีเรื่องของกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วเข้ามาด้วย ทำให้ละครเรื่องนี้ครบรส ทำให้คนดูชอบทุกครั้งที่นำกลับมาสร้างใหม่ครับ

all : คิดว่าละครเรื่องนี้ให้อะไรกับคนดูบ้าง
เอ เอกราช : น่าจะเป็นข้อคิดนะครับ เช่น เราไม่ควรตัดสินคนที่ภายนอก ควรจะมองคนที่คุณค่าภายในจิตใจมากกว่า อย่างตัวผมเอง ไม่ได้สนใจเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกเท่าไหร่ แต่จะใช้วิธีศึกษาตัวตนของคนที่เข้ามามากกว่า มองให้เยอะ มองให้ลึก บางครั้งจิตใจของคนบางคนที่อยู่ข้างใน สวยกว่ารูปร่างหน้าตาที่อยู่ภายนอกเสียอีกนะครับ ผมจะมองลึกเข้าไปถึงจิตใจของคนคนนั้นมากกว่าครับ

all : อยากฝากอะไรถึงแฟน ๆ ละครแก้วหน้าม้าบ้างไหมคะ
เอ เอกราช : ผมต้องขอบคุณทุกคนที่ติดตามชมละครเรื่องนี้ ถือเป็นกำลังใจที่ดีมากสำหรับผมครับ บางคนติดตามดูทุกฉากทุกตอน เชียร์กันแบบสนุกสนานมาก ขอขอบคุณทุกคนมากจริง ๆ แล้วก็อยากจะฝากแก้วหน้าม้าและพระปิ่นทองไว้ในหัวใจด้วยครับ เพราะตอนนี้พระปิ่นทองน่าสงสารมาก โดนแก้วหน้าม้ากดขี่ข่มเหงสารพัด อย่าเพิ่งสมน้ำหน้ากันนะครับ (ยิ้ม)

      แม้จะเป็นนักแสดงหน้าใหม่ทั้งคู่ แต่ทั้ง ‘ดาริน ดารากานต์’ และ ‘เอกราช กฤตสิริทิพย์’ ก็ตั้งใจและทุ่มเทให้กับละคร ‘แก้วหน้าม้า’ อย่างเต็มที่ รวมถึงความตั้งใจจริงของทีมงานของบริษัท สามเศียร จำกัด และบริษัท ดีด้า วิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลงานดี ๆ สะท้อนความเป็นไทยผ่านละครพื้นบ้านอย่างเป็นเอกลักษณ์ตลอดมา

จาก http://www.all-magazine.com/ColumnDetail/allColumDetail/tabid/106/articleType/ArticleView/articleId/4939/--.aspx



<a href="https://www.youtube.com/v/ZX2BA6UJmXg" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/ZX2BA6UJmXg</a>
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...