คำนิยมปฏิบัติการแห่งความรัก
ปาฐกถาธรรมแนะนำท่านติช นัท ฮันห์
โดย พระไพศาล วิสาโลขอกราบคารวะท่านติช นัท ฮันห์ ตลอดจนพระเถรานุเถระ ภิกษุ ภิกษุณี และเจริญพรญาติโยมสาธุชนทุกท่าน
เมื่อกลางปี พ.ศ.๒๕๑๗ ได้มีบทความชิ้นหนึ่งปรากฏอยู่ในวารสารชื่อ “ปาจารยสาร” บทความนั้นชื่อ “ปฏิบัติการแห่งความรัก” ซึ่งมาจากบทความขนาดยาวชื่อ Love in action บทความนั้นเขียนโดยพระเวียดนามรูปหนึ่งชื่อติช นัท ฮันห์ นั่นคือ บทความชิ้นแรกของท่านติช นัท ฮันห์ ที่ปรากฏสู่บรรณพิภพและสังคมไทย และเป็นครั้งแรกที่คนไทยได้ทราบถึงขบวนการชาวพุทธในเวียดนามที่พยายามสร้างสันติภาพท่ามกลางสงครามเวียดนามที่กำลังลุกลามขยายตัว บทความชิ้นนั้นได้ถางทางไปสู่บทความอื่นๆ ของท่านติช นัท ฮันห์ ในภาคภาษาไทย ซึ่งทำให้เราได้เห็นถึงความเสียสละอย่างยิ่งของท่าน ตลอดจนคณะสงฆ์ และลูกศิษย์ลูกหาของท่าน เพราะเป็นเวลานานที่สงครามเวียดนามได้สร้างบรรยากาศแห่งความเกลียดกลัวทำลายล้าง และการเข่นฆ่าประหัตประหารกัน โดยมีสองฝ่ายที่ต่างจ้องทำลายกัน
ในครั้งนั้นท่านติช นัท ฮันห์ ได้เป็นผู้นำชาวพุทธที่เรียกร้องให้ชาวเวียดนามและชาวโลกหันมาเห็นภัยสงครามและร่วมกันสร้างสรรค์สันติภาพ สิ่งที่ท่านติช นัท ฮันห์ และขบวนการของท่านกระทำนั้นไม่ใช่เพียงแค่พูดและเทศนาสั่งสอน แต่ยังได้อุทิศตัวทั้งกายและใจ จนหลายท่านต้องเสียสละชีวิตเพราะถูกประหัตประหารด้วยความเข้าใจผิด หลายท่านไม่สามารถที่จะเปล่งเสียงร้องเพื่อสันติภาพมากไปกว่าการทำสิ่งซึ่งคนธรรมดาไม่ทำกันคือ การอุทิศตัวเป็นร่างในกองเพลิง เพื่อให้โลกตื่นตัวในสันติภาพ
ในช่วงเวลาเกือบ ๒๐ ปีที่สงครามเวียดนามได้ลุกลาม ท่านติช นัท ฮันห์ ได้ทำให้ผู้ใฝ่สันติภาพทั่วโลกได้รับรู้ถึงความโหดร้ายของสงคราม และตระหนักว่ายังมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่อุทิศตัวเพื่อสันติภาพโดยไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และถูกทำร้ายถูกประหัตประหาร อย่างไรก็ตามท่านติช นัท ฮันห์ และสานุศิษย์ของท่านหาได้แสดงความเกลียดชังหรืออาฆาตพยาบาทต่อผู้ประหัตประหารไม่ แต่พยายามสร้างความเข้าใจด้วยเมตตาและกรุณา และพยายามทำให้เกิดความรักต่อกันและกัน
เมื่อท่านติช นัท ฮันห์ ได้ไปเยือนประเทศอเมริกาเพื่อเรียกร้องสันติภาพ นั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้โลกได้ประจักษ์ถึงอานุภาพแห่งความรัก ซึ่งท่านได้ทำเป็นแบบอย่าง สิ่งที่ท่านและขบวนการของท่านได้ทำตลอด ๑๐ กว่าปี ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับขบวนการสันติภาพในประเทศตะวันตกมาก เพราะท่านได้ชี้ให้เห็นว่าการทำงานเพื่อสันติภาพต้องควบคู่กับการสร้างสันติภาวะในใจ คือ รักษาใจไม่ให้โกรธเกลียดแม้กระทั่งกับผู้ที่เข่นฆ่าเพื่อนร่วมขบวนการของเรา
สิ่งที่ท่านทำได้เป็นแรงบันดาลใจและความประทับใจแม้กับเพื่อนศาสนิกชาวคริสต์ในอเมริกา บาทหลวงแดเนียล เบอริแกน ได้กล่าวว่า ท่านติช นัท ฮันห์ เหมือนนักบุญเปาโล ซึ่งเป็นหนึ่งในอัครสาวกของพระเยซูเจ้า เพราะว่าท่านดำเนินชีวิตด้วยความรัก แม้จะต้องประสบกับสิ่งที่ทำให้ทุกข์ทรมานทางใจและกายเพียงใดก็ตาม มาร์ติน ลูเธอร์ คิง เป็นอีกผู้หนึ่งที่ประทับใจในสิ่งที่ท่านทำ จนเสนอชื่อให้ท่านได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ในช่วงทศวรรษ ๑๙๖๐ - ๑๙๗๐
เมื่อสงครามเวียดนามสงบ ท่านได้เป็นกำลังสำคัญที่นำเอาความสมานฉันท์กลับคืนมา ท่านได้เป็นสะพานเชื่อมระหว่างชาวเวียดนามและชาวอเมริกัน ทหารผ่านศึกชาวอเมริกันหลายคนซึ่งเกลียดชังชาวเวียดนาม แต่เมื่อได้มาสัมผัสกับความเมตตากรุณาของท่าน ก็ได้ฝากตัวเป็นศิษย์แทบเท้าท่าน ท่านยังได้เยียวยาผู้ที่ผ่านศึกสงคราม ไม่ว่าจะเป็นผู้ฆ่าหรือผู้ถูกทำร้าย ทำให้ชาวอเมริกันและชาวเวียดนามได้กลับมาเป็นมิตร มิใช่เพียงเป็นมิตรระหว่างกัน แต่เป็นมิตรกับตัวเอง คือเกิดสันติภาวะในตัวเอง
และเมื่อโลกลุกเป็นไฟจากการก่อการร้ายหลัง ๑๑ กันยายน ท่านเป็นบุคคลแรกๆ ที่ได้เตือนสติชาวอเมริกันและรัฐบาลอเมริกันให้ตระหนักว่า ความรุนแรงไม่ใช่คำตอบ คำตอบอยู่ที่การพินิจตัวเองอย่างลึกซึ้งเพื่อตระหนักว่าความโกรธเกลียดจากฝ่ายตรงข้ามก็เป็นความรับผิดชอบของเราด้วย ในยุคที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง อาฆาตพยาบาท ชีวิตและสันติภาวะของท่านติช นัท ฮันห์ ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับมโนธรรมสำนึกของผู้คน เพื่อระลึกว่า แม้จะต่างศาสนาต่างประสบการณ์ แม้จะต่างเพศต่างผิวพรรณ แต่สุดท้ายแล้วเราทุกคนเป็นพี่น้องกัน
ท่านได้บอกกับเราว่า ศัตรูของเรามาในชื่อของความเกลียดชัง ศัตรูของเรามาในชื่อของอุดมการณ์ ศัตรูของเรามาในชื่อของความทะยานอยาก ศัตรูของเรามิใช่มนุษย์ เพราะถ้าเราฆ่ามนุษย์แล้วเราจะอยู่กับใคร
สังคมไทยวันนี้โชคดีที่ท่านติช นัท ฮันห์ ได้มาเยี่ยมเยือนและเตือนสติให้แก่สังคมไทย เพื่อให้เราตระหนักถึงความรักความเมตตาที่มีอยู่แล้วในใจเรา และเพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการดึงเอาความรักออกมาจากใจเราเพื่อสร้างโลกที่งดงาม และค้นพบความสุขที่แท้จริงในใจเรา
เพราะฉะนั้นวันนี้ขอให้ทุกท่านได้สดับรับฟังธรรมะด้วยใจสงบ ให้เสียงธรรมของท่านติช นัท ฮันห์ ซึมซาบลงไปในใจเรา เพื่อดึงเอาความสงบสงัด และนำความรักความเมตตาออกมาสู่วิถีชีวิตที่ดีงาม วิถีชีวิตที่เปี่ยมด้วยความรักความเข้าใจ ปราศจากการแบ่งแยก ไม่ว่าจะแบ่งแยกมนุษย์หรือแบ่งแยกผู้คนออกจากกันก็ตาม
ในโอกาสนี้ขออาราธนาพระคุณเจ้าติช นัท ฮันห์ ได้กรุณาแสดงปาฐกถาเพื่อประโยชน์แก่สาธุชนและมนุษย์นิกรทั้งหลาย
จาก
http://www.visalo.org/article/person18NhatHanh3.htm