ผู้เขียน หัวข้อ: แม่ครัววัดตาย กลับชาติมาเกิดเป็นสุนัข  (อ่าน 1045 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


เรื่องของการเวียนว่าย คนกลับชาติมาเกิดเป็นสัตว์ สัตว์กลับชาติมาเกิดเป็นคน เรื่องของการระลึกชาติได้?.. อะไรทำนองนี้มีให้ได้ประจักษ์มากมายในโลก โดยเฉพาะคนไทยชาวพุทธที่มีความเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรมเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว จะพิจารณาเห็นความเป็นจริงนั้น ๆ แต่ก็ยังมีคนส่วนหนึ่งที่ปรามาทว่ามันเป็นความงมงายของคนที่ชอบทึกทักคล้อยตาม

แม่น้อย ก็ไปอยู่ประจำที่วัดจังหวัดอ่างทองทำหน้าที่ เป็นแม่ครัวใหญ่ เพราะแกมีฝีมือเรื่องอาหารเป็นอย่างดี อีกทั้งลูกหลานสมัยนี้ก็ไม่ค่อยยินดี ที่จะมีผู้ปกครองร่วมอยู่ในครอบครัวใหม่ของเขา อยู่วัดจึงสบายใจกว่า

วัดนี้เป็นวัดปฏิบัติกรรมฐาน ที่มีชื่อเสียงมากวัดหนึ่ง มีสาธุชนเข้ามาศึกษา ปฏิบัติวิปัสสนา

กรรมฐานกันมากทุกวันจนถึงเวลาค่ำ

เริ่มแรก แม่น้อย ก็ร่วมฝึกกับเขาด้วย แต่จิตไม่ว่างสุดท้าย ขอเอาดีทางครัวอย่างเดียว

วันหนึ่ง แม่น้อย สังเกตเห็นว่าหลายวันมานี้พวกกุ้งปลา อาหารเนื้อ ๆ มักจะถูกขโมยไปจึงซุ่มจับขโมยอยู่เงียบ ๆ และแล้วก็จับได้ว่า หมาน้อยตัวหนึ่งแอบมาคาบเนื้อคาบปลาไปเป็นประจำตามเวลา อันที่จริง แม่น้อย ไม่ใช่คนใจดำอำมหิตอย่างไร แต่วันนั้นอารมณ์เสียดายเนื้อสัตว์ที่ซื้อมา จนลืมคุณค่าของเนื้อสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่ตัวนั้น แม่น้อย ยกหม้อน้ำเดือด ๆ ทั้งหม้อสาดโครมไปที่เจ้าหมาน้อย เสียงร้องแสดงความเจ็บปวด และตกใจสุดขีดของมัน ทำให้คนรอบข้างต้องวิ่งออกมาดูกันหมด

แม่น้อย เองก็ตกใจในการกระทำของตัวเอง แต่ก็สายเสียแล้ว

แม่น้อย ใจสั่น เดินตามหมาน้อยตัวนั้นที่ค่อย ๆ ลากขาเซซังไปถึงหลังป่าช้า แม่น้อยเห็นมัน

หมดแรงล้มลงในที่นั้น แม่น้อย เห็นแม่หมาขาหลังพิการทั้งสองข้าง อีกทั้งกำลังตั้งท้องอยู่มันมองดู แม่น้อย และมองดูหมาน้อย ที่เจ็บปวดจนหมดสติล้มลงตรงหน้าด้วยสายตาหวาดผวาอย่างที่สุด

แม่น้อย น้ำตาไหลพรูรู้ได้ด้วยจิตสำนึกว่า หมาขโมยตัวนี้อาจเป็นลูกของแม่หมาพิการตัวนั้น

มันคงไปขโมยอาหารมาเลี้ยงแม่พิการของมัน เพื่อชดเชยความผิดบาปที่ก่อกรรมไว้กับหมาน้อยและแม่ของมัน แม่น้อย เอาอาหารเหลือจากพระฉันเพลแล้ว ไปเลี้ยงดูหมาทั้งสองทุกวัน ไม่กี่วันต่อมา หมาน้อยที่ถูกน้ำร้อนลวกก็ตาย เพราะทนพิษน้ำร้อนลวกไม่ไหว แม่หมาร้องโหยหวนอยู่หลายคืนติด ๆ กัน

จากนั้นเป็นต้นมา แม่น้อย ที่เป็นคนสนุกสนานชอบหยอกล้อใคร ๆ ก็กลายเป็นคนเงียบขรึม

ซึมเศร้า อีกไม่กี่วันต่อมา ทางวัดจัดงานฉลองรับต้นกฐิน เป็นวันที่ต้องทำอาหารเลี้ยงพระเลี้ยงคนมากมาย



แม่น้อย ต้องรับงานหนัก ตื่นแต่เช้าก่อไฟฟืนต้มน้ำหม้อใหญ่ไว้ ระยะนี้ แม่น้อย ใจคอไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว อยู่ ๆ ก็เหยียบพลาดหล่นจากชานครัวชั้นบน ลงมาที่พื้นครัวชั้นล่าง เคราะห์ดีที่ชานครัวชั้นบนไม่สูงมาก แต่อย่างกับเจาะจง แม่น้อย หล่นลงตรงหม้อน้ำต้มเดือดใบใหญ่ชั้นล่างพอดี

วินาทีนั้นถ้าหากไม่ใช่แม่ประคองหูไว ตาไว มือไว ผลักร่างของ แม่น้อย ให้ห่างออกไปก่อน

จะปะทะหม้อน้ำร้อนเพียงแค่คืบ แม่น้อย คงจะสุกอยู่ในหม้อน้ำใบใหญ่นั้นเสียแล้ว แต่ถึงกระนั้นขาของ แม่น้อย ก็ฟาดลงกับหม้อน้ำอย่างแรง มีผลทำให้หม้อน้ำเอียงคว่ำ น้ำเดือด ๆ ราดถูก แม่น้อย ไปครึ่งตัว

แม่น้อย ไปตายที่โรงพยาบาลในวันที่สามเพราะทนพิษบาดแผลน้ำร้อนลวกไม่ไหว


วันรุ่งขึ้น หลังจาก แม่น้อย ตาย แม่หมาพิการหลังป่าช้าออกลูกมาหกตัว ทุกตัวอ้วนท้วนน่ารัก พอลืมตาก็ออกมาหา กินเองได้ทันที

ลูกหมาตัวหนึ่งสีขาวจุดดำ ท่านเจ้าอาวาสบอกว่ามันคือ แม่น้อย กลับชาติมาเกิด ขอให้แม่ชี

ที่วัดเลี้ยงดูให้ดี ครั้งแรก ทุกคนยังไม่ปักใจเชื่อ คิดว่าหลวงพ่อล้อเล่น แต่พอเรียกมันว่า แม่น้อย มันก็รู้ตัว

พอโตขึ้นแม่น้อยรู้จักคาบปิ่นโตติดตามหลวงพ่อไปบิณฑบาต พอกลับถึงวัดมันจะถวายปิ่นโตอาหารลงบนผ้าที่หลวงพ่อรองรับ เหมือนสีกาที่ไม่กล้าแตะจีวรของหลวงพ่อ หลวงพ่อเองก็ไม่เคยแตะต้องหมาสีกาแม่น้อย

ยิ่งกว่านั้นหมาสีกา แม่น้อย ยังรู้จักหมอบกราบเฝ้าพระทำวัตร และฟังเทศน์ ฟังธรรมเป็นประจำ เช่นนี้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วว่า แม่น้อยกลับชาติมาเกิดใหม่




วันนั้น เมื่อเรามาเยี่ยม แม่น้อย เห็นรถ เจ๊ปุ๊ย แต่ไกลก็จำได้ เพราะ เจ๊ปุ๊ย มาเยี่ยมบ่อย แต่

ข้าพเจ้าเพิ่งจะมาเป็นครั้งแรก แม่น้อย แสดงอาการตื่นเต้นดีใจเหมือนรู้จักกันมาเก่าก่อน เธอยืนขึ้นใช้ขาหน้า สองขาเกาะบนหน้าขาของข้าพเจ้า มองดูข้าพเจ้าเหมือนจะพูดอะไร แล้วน้ำตาก็ไหลพราก ข้าพเจ้าเรียกได้คำเดียวว่า ?แม่น้อย? แล้วเราก็ร้องไห้ไปด้วยกัน

เจ๊ปุ๊ย รีบอุ้ม แม่น้อย ออกไปจากข้าพเจ้า ตัดบทว่า เราไปกราบหลวงพ่อกันเถอะ

หลวงพ่อเล่าเรื่องราวของ แม่น้อย ให้เราฟังอีกมากมาย อันเป็นประจักษ์หลักฐาน แม่น้อยเองซุกอยู่ข้าง เจ๊ปุ๊ย นิ่งฟังอยู่ตลอดเวลา

เจ๊ปุ๊ย แกะขนมจากใส่จานให้ แม่น้อย แต่ครั้งนี้ไม่รู้ทำไม เจ๊ปุ๊ย จะชวนชิมอย่างไร แม่น้อย

ก็ไม่ยอมกิน ข้าพเจ้าจึงพูดกับ แม่น้อย ว่า ? เมื่อก่อกรรมใดไว้ ก็ต้องชดใช้ผลกรรมนั้น ใครก็ไม่อาจชด ใช้แทนกัน แม้ชาตินี้จะต้องเกิดกายเป็นสุนัข แต่ก็ยังมีบุญได้อยู่วัดติดตามรับใช้หลวงพ่อ ขอให้จิต สำนึกดีของ แม่น้อย จงคงอยู่เรื่อยไปหมั่นฟังธรรมสำนึกขอขมา เป็นสุนัขก็กลับชาติเป็นคนได้อีกนะ แม่น้อย??

แม่น้อยเหมือนกับจะได้คิดจากคำพูดของข้าพเจ้าเธอจึงยอมกินขนมจากจนหมดจานสุดท้าย

เราพากันขึ้นรถกลับ แม่น้อย ยังยืนกระดิกหางส่งเราจนลับตา.           

ที่มา : http://www.missladyboys.com/webboard/index.php?showtopic=6682
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...