ผู้เขียน หัวข้อ: เพียง "ศีล5" ก็พาขึ้นสวรรค์ได้! หลวงปู่คำคะนิง ได้รับคำยืนยันจาก พระยายม !  (อ่าน 1107 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


เพียง"ศีล5" ก็พาขึ้นสวรรค์ได้! หลวงปู่คำคะนิง ได้รับคำยืนยันจาก พระยายม !

เราอาจเคยได้ยินมาว่า จะต้องบำเพ็ญทานบารมีเป็นหนักหนา เราจึงจะได้ไปเสวยทิพยสมบัติในสวรรค์ได้ แต่แท้จริงแล้ว เพียงปฏิบัติตนในศีล 5 อันได้แก่

ศีลข้อที 1 ปาณาติปาตาเวรมณี หมายถึง การละเว้นจากการฆ่าชีวิตสัตว์ทุกชนิด
ศีลข้อที่ 2 อทินนาทานาเวรมณี หมายถึง การเว้นจากการลักทรัพย์ หรือทรัพย์ที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้
ศีลข้อที่ 3 กาเมสุมิสฉาจาราเวรมณี หมายถึง การละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม การประพฤติผิดลูกผิดเมียคนอื่น (มีกิ๊ก มีชู้ก็ไม่ควร ยกเว้นแต่ จะมีการแต่งงาน และหรือมีการรับรู้รับเห็นด้วยจากผู้ปกครองของทั้งสองฝ่าย)
ศีลข้อที่ 4 มุสาวาทาเวรมณี หมายถึง การละเว้นจากการพูดปดงดเท็จ พูดจาโกหก พูดไม่อยู่กับร่องกับรอย
ศีลข้อที่ 5 สุราเมรยมัฌชปะมาทัตถานาเวรมณี หมายถึง การละเว้นจากการดื่มสุราเมรัยและเครื่องดองของมืนเมาทุกชนิด

เรื่องนี้ หลวงปู่คำคะนึง ได้เล่าไว้ในขณะที่หลวงปู่ได้ท่องเมืองนรก ท่านเห็นและได้สอบถามจากพระยายมโดย ตรง โดยมีเนื้อความดังต่อไปนี้


ความชั่วร้ายทั้งหลาย จ่ายมบาลอธิบายให้หลวงปู่คำคะนิงฟัง



ศีลห้าสู่สวรรค์

          หลวงปู่คำคะนิงท่องเที่ยวต่อไป ถึงทางแยกแห่งหนึ่ง จ่ายมบาลบอกว่า “ตรงนี้เป็นชุมทางไปสู่สวรรค์ชั้นต่างๆ เส้นทางเป็นสายรุ้งพุ่งจากพื้น เป็นวงโค้งขึ้นไปในอากาศนั้น เป็นเส้นทางสำหรับผู้เจริญวิปัสสนาได้บรรลุธรรมขั้นโสดาบัน เมื่อตายแล้ว ต้องขึ้นเส้นทางนี้ไปสู่สวรรค์เบื้องสูงสำหรับอริยบุคคลชั้นโสดาบัน ที่เป็นอู่ทอง อู่แก้วคล้ายบุษบก มีสายชักขึ้นและชักลงจากพื้นดินไปในอากาศนั้น เป็นอู่ยนต์สำหรับผู้ที่จะไปสวรรค์ ตามกำลังบุญวาสนา ที่สร้างไว้สมัยเป็นมนุษย์นั่นเอง!

          อู่ทอง อู่แก้ว อันสวยงามรุ่งเรืองนี้ ! เลื่อนขึ้นเลื่อนลงรับผู้มีวาสนาขึ้นสู่สวรรค์อยู่ตลอดเวลา แสดงว่า “แม้จะมีคนบาปหนาตกนรกมากจนมืดฟ้ามัวดิน ขณะเดียวกันก็มีคนดีๆ ขึ้นสวรรค์มากเหมือนกัน” นอกจากอู่ทองคำ อู่แก้วบุษบกแล้ว ยังมีบันไดเงินบันไดทอง และบันไดแก้ว แพรวพรายทอดขึ้นสู่ท้องฟ้าไปสรวงสวรรค์ เมื่อคนขึ้นไปแล้ว บันไดวิเศษเหล่านี้ก็จะลอยเลื่อนขึ้นไปจนสุดสายตาจ่ายมบาลบอกว่า “ผู้ที่จะขึ้นสวรรค์ได้ต้องตั้งใจถือศีลห้าเคร่งครัดเป็นอย่างน้อย มีจิตมั่นคงในพระรัตนตรัยไม่คลอนแคลน มีใจบุญสุนทรทานเมตตาต่อผู้อื่น ผู้คนผู้มีบุญวาสนาที่กำลังรอขึ้นสวรรค์ มีทั้งหญิงและชาย เป็นเด็กเล็กก็มี หนุ่มสาวก็มี คนเฒ่าคนแก่ก็มี คนเหล่านี้มีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส อิ่มเอิบเบิกบานสดใส แต่งกายสวยงามประณีต มีรัศมีออกจากกายรุ่งเรืองคล้ายหิ่งห้อยตัวใหญ่ พวกเขาล้วนได้ผ่านการพิพากษาตัดสินมาจากศาลาพันห้องแล้ว จึงมีสิทธิจะขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้าได้ เพื่อได้รับการมีอินทรีย์สวยงามผ่องใส”

          หลวงปู่คำคะนิงหยุดมองดูอย่างตะลึงตะลาน เพราะเส้นทางขึ้นสู่สวรรค์นั้น สวยงามอัศจรรย์สุดที่จะพรรณนา ! เห็นเป็นเส้นแสงสีต่างๆ เป็นเส้นโค้ง สวยงามยิ่งกว่าสายรุ้ง หลวงปู่อดแปลกใจไม่ได้ว่า “ในขณะที่ดวงวิญญาณของมนุษย์ทั้งหลายหลั่งไหลไปเมืองนรกนั้น ในเวลาเดียวกันก็มีดวงวิญญาณของมนุษย์ที่ทำดี มีบุญญาธิการหลั่งไหลไปสวรรค์อยู่มากเหมือนกัน แต่เทียบดูแล้วคนไปสวรรค์มีอยู่น้อยมาก ส่วนคนที่ไปนรกนั้นมีมากกว่า”

          จ่ายมบาลบอกว่า “ผู้ที่จะขึ้นสวรรค์ต้องยึดถือมั่นคงในการกระทำดี สวามิภักดิ์ต่อศาสนาที่ตนนับถืออย่างแน่นแฟ้น ถ้าเป็นพุทธศาสนิกชนจะต้องมีจิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม ๘ มีความอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่เป็นนิตย์ มีจิตใจนุ่มนวลงดงามยึดมั่นเคารพในพระรัตนตรัยจริงๆ จึงจะได้ขึ้นสู่สรวงสวรรค์ชั้นอมรอย่างแน่นอน”



จาก http://panyayan.tnews.co.th/contents/203135/
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...