เมื่อหลวงปู่จามพบกับนาคน้ำบำเพ็ญบารมี ทำให้รู้อดีตชาติที่ผ่าน และเข้าใจกรรมเมื่อหลวงปู่จามพบกับนาคน้ำบำเพ็ญบารมี ทำให้รู้อดีตชาติที่ผ่าน และเข้าใจกรรม
หลวงปู่จาม มหาปุญโญ เล่าว่า เมื่อย้อนกลับขึ้นไปภาวนาอยู่ถ้ำพระเมืองเชียงราย ริมน้ำตก
ไปอยู่แล้วสถานที่ก็ดีแต่ ภาวนาอย่างไรก็ไม่สงบ พิจารณาอะไรก็แล้ว ตรวจตราดูศีลดูวัตรของตนก็ไม่พร่องอะไรสักอันสักอย่าง เราก็ว่าไปตามประสาบ้าของเราว่า...
“ผีป่าผีเขา ผีถ้ำ ผีนาค ผีน้ำ ข้าพเจ้ามาอยู่นี้ตั้งใจมาเจริญภาวนาเสาะหาหนทางพ้นทุกข์ หวังให้สูเจ้าได้รับผลอานิสงส์ แต่จิตไม่ลงไม่สงบเป็นเพราะฤทธิ์อำนาจของผีเทวดาตนใด หรือเป็นเพราะความหยาบหนาภายในจิตใจของข้าพเจ้าเอง”
หลวงปู่ว่าแล้วก็เข้ากลดไหว้พระสวดมนต์เจริญภาวนาอยู่ ประมาณสัก ๑๐ นาที บริเวณข้างๆ ปากถ้ำมีหนองหลง
เวลาน้ำหลากจากลำกก ก็จะไหลเข้ามาในหนองหลงนี้ คนชาวบ้านไม่มีใครกล้าจับปลาในหนองน้ำนี้ ถ้ำพระก็ยังไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ หากไปก็ต้องไปกันหลายๆ คน เขาถือว่า ศักดิ์สิทธิ์ ผีขึด ผีเข็ด ผีขวง เรานั่งภาวนาไปสัก ๑๐ นาที มีเสียงดังบึกๆๆ อยู่กลางหนองน้ำ ผักตบลอยน้ำก็ก็หมุนวนเหมือนกับน้ำบิดคอไก่ เราก็นั่งมองอยู่มันเสียงอะไรกัน “ บึกๆๆ ”
ก็ลืมตามอง สักพัก งูใหญ่โผล่หัวลำคอขึ้นสูงประมาณ ๓ เมตร กลางหนองน้ำ ลำตัวมันใหญ่ขนาดกระบุง ข้าวเปลือกจุหมื่น หงอนแดง สีตัวมันเลื่อมเป็นพรายแสงยิบยับ เราก็ถามมัน...
หลวงปู่จาม “โยมเป็นนาคน้ำหรือ”...
เขาก็หันหัวมองหาเรา...“ ถูกแล้ว ท่านพระคุณเจ้าพญาธรรม ”
หลวงปู่จาม “มาธุระอันใด”...
นาคน้ำ : “ได้ยินเสียงลั่นท้องฟ้าบาดาลสนั่นหวั่นไหว เหมือนพิภพจะถล่มจมพินาศ แต่เมืองบาดาลไม่มีอะไร ก็เลยขึ้นมาดู เห็นพระคุณเจ้าพญาธรรมอยู่นี่พอดี”...
หลวงปู่จาม “แล้วอย่างใด”...
นาคน้ำ : “พระคุณเจ้าว่าภาวนาจิตไม่สงบ ไม่เกี่ยวกับผีน้ำ นาคป่าเขาแต่อย่างใด อยู่ที่จิตใจของเจ้าพญาธรรมที่เดียว”...
หลวงปู่จาม “เออ... ขออโหสิกรรมเน้อ อาตมาก็ว่าไปอย่างนั้นเอง นึกว่าจะไม่ไปกระทบใคร ถ้าหากรู้ว่าจะเบียดเบียนผู้อื่นก็จะไม่ว่าจาเด็ดขาด ขออภัยเถิด”...
นาคน้ำ : “พระคุณเจ้าผู้พญาธรรม มาอยู่บริเวณนี้ ผมรู้เห็นตั้งแต่ล่องแพมา ลงมาแล้วก็ได้แต่อนุโมทนาสาธุการยินดีพอใจในการบำเพ็ญสมณธรรมของเจ้าพญาธรรมมาโดยตลอด”...
หลวงปู่จาม “เอาล่ะ ดีละ ให้สุขเจริญต่อไปเถิด”...
ว่าแล้วเขาก็ค่อยๆ จมลงๆ น้ำก็นิ่งเงียบอย่างเดิม เราก็กำหนดภาวนาของตนต่อไป
ในนิมิต จึงรู้ได้ว่านาคน้ำตนนี้เป็นเจ้านายนาคแถบถิ่นนี้ บำเพ็ญบารมีของตนต้องการที่จะเป็นพระอสีติสาวกของพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคตข้างหน้า เขาเป็นนาคน้ำมาได้แต่ยุคศาสนาของพระพุทธเจ้ากกุสันโธ ๔ พุทธันดรมาแล้ว ในกาลภายหน้า ยุคพระศรีอาริยะเมตไตรโย มาตรัสรู้ เขาจึงจะได้เป็นมนุษย์เกิดตายบำเพ็ญบารมีอีกต่อไป
และระลึกเห็นอดีตชาติที่ผ่านมาของ “ถ้ำพระเมืองเชียงราย” แต่ก่อนเก่าโบราณในยุคสมัยของพระพุทธเจ้าโกนาคมโน หลวงปู่จาม พ่อขาวสง่า ดาบส ท่านอาจารย์ลี (ธมฺมธโร) กับเจ้ากาวิละเชียงใหม่ พากันบวชเป็นฤๅษีดาบสโกนผม นุ่งขาวห่มขาว รักษาศีล ๘ บำเพ็ญอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต มีอาจารย์ฤๅษีซานเหาะมาแต่เมืองยอร์น ภูเขาสูงสุดของเมืองยอร์นมาสอนกสิณให้ ฤๅษีตนนั้นมาเกิดเป็นท่านอาจารย์ชอบ ฐานสโม ชีวิตนั้นได้กสิณฌาน ออกเสาะหาขอบิณฑบาตมากินอย่างพระภิกษุในยุคสมัยนี้ ไปทิศใครทิศมัน ได้มาแล้วก็เอามาแบ่งกันกิน ท่านอาจารย์ลี (ธมฺมธโร) กับพ่อขาวดาบส รับหน้าที่สอนผู้คนชาวบ้านชาวเมือง เจ้ากาวิละไปปรนนิบัติรับใช้ฤๅษีผู้เป็นอาจารย์อยู่เมืองยอร์น
ส่วนหลวงปู่จาม รับหน้าที่สอนพวกนาคน้ำ พวกผี จึงเข้าใจเหตุที่ นาคตนนั้น เรียกว่า “เจ้าพญาธรรม”
เกิดตายว่ายเวียนอยู่ในโลกนี้ มันต้องมีเหตุปัจจัยให้ได้เกี่ยวข้องกัน จึงเรียกว่า กรรม กรรมของตน กรรมร่วมกับคนอื่น ยังปลดภาระของกรรมไม่ได้ ก็เกี่ยวพันกันไปตามบุพกรรมของเก่านั่นแหล่ะ
ภพชาติเกิดตาย ภพภูมิที่เกิดมาหากใครยังไม่เชื่อก็ช่างใจเขา มิใช่ใจเรา คนที่ยังไม่เชื่อนั่นหละทำชั่วได้สบายกว่าเรา แต่เราผู้เชื่อ ผู้รู้เห็นเกิดตายผ่านมา ก็เชื่อตนเอง เพราะมีเครื่องคอยตักเตือนตนอยู่เสมอ ความดีมาอย่างใด... ความชั่วมาอย่างใด ”....
ธรรมะประวัติองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม ตอนที่ ๖๓
(วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร ๑๔ กันยายน ๒๕๕๙จาก
http://panyayan.tnews.co.th/contents/204734/