ผู้เขียน หัวข้อ: พระมหากษัตริย์ผู้ไม่เคยเหน็ดเหนื่อย!! เรื่องเล่าครั้งเสด็จฯ เยี่ยมชาวไทยภูเขา...  (อ่าน 962 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


พระมหากษัตริย์ผู้ไม่เคยเหน็ดเหนื่อย!! เรื่องเล่าครั้งเสด็จฯ เยี่ยมชาวไทยภูเขา...นายทหารผู้ติดตามดินกันขาลากจนถึงขั้นอาเจียน!! แต่ในหลวงกลับไม่มีพระอาการเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย!!





             หลายปีมาแล้ว ผม (พล.ต.อ. วสิษฐ เดชกุญชร) ตามเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปบ้านแม่สาในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่  บ้านแม่สานั้นเดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็รู้จัก เพราะได้กลายเป็น "แม่สาวาเล่ย์" มีถนนชั้นหนึ่งเชื่อมกับโลกภายนอก และมีอาคารบ้านเรือน ตลอดจนรีสอร์ตหรือที่พักตากอากาศทันสมัยโผล่ขึ้นมามากมาย  แต่แม่สาในสมัยที่ผมตามเสด็จฯ เมื่อเกือบ ๒๐ ปีมาแล้ว เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา  เวลาเสด็จฯ เยี่ยม ต้องเสด็จฯ โดยเฮลิคอปเตอร์ไปลงตรงที่เขาเตรียมไว้ แล้วทรงพระราชดำเนินไปยังหมู่บ้านซึ่งอยู่บนไหล่เขาลูกถัดไป

               วันนั้นและปีนั้นมีรายการพิเศษคือ  นอกจากเสด็จฯ เยี่ยมชาวเขาเผ่าม้งที่บ้านแม่สาแล้ว ยังทรงพระราชดำเนินลงไปยังเขาเพื่อทอดพระเนตรการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตามพระราชดำริอีกด้วย  ผู้ที่ตามเสด็จฯ นอกจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องแล้วก็มีผม มีพลโทดำรง สิกขะมณฑล (รองสมุหราชองครักษ์ ขณะนั้นเป็นนายทหารราชองครักษ์ประจำ และดูเหมือนจะมียศเป็นพันโทอยู่) และพลโทเทียนชัย จั่นมุกดา หัวหน้าแผนกถวายความปลอดภัยของกรมราชองครักษ์ (ขณะนั้นก็ดูเหมือนจะมียศเป็นพันโทอยู่เหมือนกัน) ตามเสด็จฯ ตามหน้าที่ด้วย

          ผมเป็นนายตำรวจประจำราชสำนัก ฉะนั้นจึงเดินนำอยู่ข้างหน้า  เดินไปได้ครู่หนึ่ง ผมก็เห็นด้วยความวิตกว่า ทางเดินนั้นลาดลงไปตามไหล่เขาค่อนข้างชันและเป็นระยะทางไกลลิบ  ที่วิตกกันเพราะรู้ว่า เมื่อเสร็จพระราชกรณียกิจแล้วจะต้องทรงพระราชดำเนินกลับ  เป็นห่วงพระยุคลบาทก็ส่วนหนึ่ง  อีกส่วนหนึ่งนั้นเป็นห่วงตัวเองว่าจะตามเสด็จฯ ไหวหรือ!

          ขากลับก็ได้เรื่องจริง ๆ คือ  พอเดินกลับขึ้นไปได้ไม่ถึงครึ่งลูกเขา ผมกำลังหอบและลากขาอยู่ด้วยความเหนื่อยใจจะขาด  พระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จพระราชดำเนินผ่านขึ้นไป ทรงก้าวยาวเนิบ ๆ และสม่ำเสมอ  มีหม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ผู้อำนวยการโครงการในพระองค์ พระดำเนินตามไปอีกพระองค์หนึ่ง  ผมนั้นถอยลงไปหอบอยู่หลังพลโทเทียนชัยและพลโทดำรง  เราทั้งสามกัดฟันก้มหน้าและอ้าปากเดินต่อไปอีกไม่ไกลนักก็เจอนายตำรวจลาดตระเวนชายแดนผู้หนึ่ง (ซึ่งก่อนหน้านั้นเดินนำหน้าอยู่ต่อจากผมไปไกลลิบ) กำลังยืนตัวงออยู่ริมทาง  นายตำรวจผู้นั้นหน้าเขียวและกำลังโก่งคออาเจียนอยู่!!

          เราทั้งสามลากสังขารต่อไป จนกระทั่งแลเห็นยอดเขาอันเป็นที่ตั้งของบ้านแม่สาอยู่ข้างหน้าแล้ว แต่ก็สิ้นกำลังลงพร้อม ๆ กัน  พลโทเทียนชัยหันมาพยักหน้าเป็นเชิงให้พลโทดำรงตามขึ้นไปก่อน  พลโทดำรงส่ายหน้าแล้วหันมาพยักหน้าให้ผม  ผมส่ายหน้าและไม่ได้หันไปข้างหลัง เพราะรู้ว่าไม่มีใครอยู่ข้างหลังเนื่องจากผมรั้งท้ายอยู่แล้ว

            เรายืนอยู่กับที่ จนต่อมาอีกครู่หนึ่ง เมื่อรู้ว่ามีกำลังบ้างแล้วจึงกัดฟันออกเดินต่อไป  เมื่อไปถึงบ้านแม่สานั้นก็เห็นพระเจ้าอยู่หัวทรงยืนอยู่กับหม่อมเจ้าภีศเดชและผู้อื่นอีกหลายคน  ขณะที่เราผ่านไปยังได้ยินรับสั่งด้วย แต่ฟังพระราชกระแสไม่ถนัด (เพราะหูกำลังอื้อและตากำลังลายด้วย) และไม่มีใครกราบบังคมทูลตอบ

               สักครู่หนึ่งผมจึงได้ยินท้ายพระสุรเสียงว่า "ยังพูดภาษาราชการไม่ได้" ...





โดย พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร

จากหนังสือ สองธรรมราชา ในหลวงครองราชย์ สังฆราชครองธรรม




จาก http://panyayan.tnews.co.th/contents/211335/
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...