ผู้เขียน หัวข้อ: มีใครในโลกนี้ ที่ไม่อยากนั่งนอนสบาย!?! : หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)  (อ่าน 1929 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
<a href="https://www.youtube.com/v/E81p1ecZDyw" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/E81p1ecZDyw</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/nc3fjroqOPE" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/nc3fjroqOPE</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/V61W22euuJ4" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/V61W22euuJ4</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/fmssD0Rk_j8" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/fmssD0Rk_j8</a>

<a href="https://www.youtube.com/v/rFPV5-TObcw" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/rFPV5-TObcw</a>



มีใครในโลกนี้ที่ไม่อยากนั่งนอนสบาย

๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร
ทั้งที่พระองค์เป็นพระราชามหากษัตริย์ ยังทรงเสด็จนิวัตรออกจากพระบรมมหาราชวังอันแสนสุขสบาย
ทรงย่ำระบาทไปทั่วแคว้นแดนสยาม เสด็จไปทั่วเขตคามชนบท เพื่อไปพบปะประชาชนของพระองค์ ทรงสอบถามสารทุกข์สุขดิบเพื่อให้ทรงรับรู้ถึงต้นตอของปัญหาทุกข์ร้อนของประชาชนอย่างแท้จริง

ทั้งที่ทรงประทับอยู่ในพระตำหนักเพื่อรอรับฟังการรายงานสรุปด้วยเอกสารและคำเพ็ดทูลจากเจ้าหน้าที่ก็ได้ แต่พระผู้ดุจบิดาของแผ่นดินจักต้องทรงสัมผัสถึงปัญหานั้นๆ ด้วยพระองค์เอง

จนบางครั้งที่ทรงเสด็จไปตรวจงานเยี่ยมประชาชน เจ้าหน้าที่ได้ทำเอกสารและนำขึ้นทูลถวายรายงานพระองค์เป็นเวลาร่วมชั่วโมง
เมื่อจบแล้วพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสว่า

“เราเสียเวลาเดินทางมาถึงพื้นที่ มิใช่ต้องการจะมาดูเอกสารหรือรับฟังรายงานเท่านั้น แต่เราต้องการดูต้นตอของปัญหาในสถานการณ์จริง เพื่อจักแก้ไขให้ถูกจุด”
ที่ต้องยกเอาเหตุการณ์จริงที่ท่านผู้หญิงเกนหลง พระพี่เลี้ยงของพระองค์มาเล่าให้ฟังก็เพื่อชี้ให้ท่านทั้งหลายได้เห็นว่า

วิสัยของพระโพธิสัตว์ จักต้องมีปณิธานอันแน่วแน่ที่จะปลดเปลื้องความทุกข์ยากเดือดร้อนของสรรพสัตว์
วิสัยของพระโพธิสัตว์ จะต้องมากไปด้วยเมตตาบารมี
วิสัยของพระโพธิสัตว์ จะต้องตั้งมั่นอยู่ในวิริยะบารมีอย่างที่คนและสัตว์ธรรมดาจะคาดไม่ถึง
วิสัยของพระโพธิสัตว์ ไม่หลงไม่เชื่ออะไรง่ายๆ หากยังไม่ได้สัมผัสจับต้องและวิเคราะห์ด้วยสติปัญญาของตนเอง
วิสัยของพระโพธิสัตว์ จักต้องเห็นความทุกข์ยากเดือดร้อนของสรรพสัตว์เป็นใหญ่กว่าความทุกข์ยากเดือดร้อนของตนเอง

พระเจ้าอยู่หัวทรงได้กระทำวิสัยของพระโพธิสัตว์ให้พวกเราได้เห็นมาตลอด ๗๐ ปี อย่างต่อเนื่องตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ เพื่อประโยชน์สุขของสรรพสัตว์ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยแท้

ยิ่งทำให้พุทธะอิสระกล้าที่จะเสียสละชีวิตและเลือดเนื้อเพื่อเป็นพลีต่อพ่อผู้ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ ผู้เสียสละ สง่างาม เพื่อแสดงความไว้อาลัยในพระบารมี คุณงามความเป็นพระโพธิสัตว์ของพระองค์


แม้จะต้องทุกข์ยากลำบากตรากตรำ มีภาพลักษณ์ที่เลวระยำ ถ้าหากสามารถทดแทนพระเดชพระคุณของพ่อผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐยิ่งได้ พุทธะอิสระก็จะไม่หวั่นหวาด

ส่วนที่มีคอมเม้นท์มาว่า

--------------------------------------------------
Kanthaka Narangajavana อาหารใดที่ลูกศิษยฺทำไม่เป็นไม่อร่อย พระคุณเจ้าทำให้ดูเป็นการสอน ก็พอแล้ว ผมอยากนิมนต์ให้พระคุณเจ้านั่งปรกเช่นครูบาศรีวิชัย แล้วแผ่สมาธิปกป้องค้มครองประชาชนและเจ้าหน้าทีและราชวงศฺให้ปลอดภัยตลอดจนอุทิศบุญให้พ่อของพวกเรา ไม่ต้องปลงอาบัติปาจิตตีทุกวัน ดูงามทั้งโลกและธรรม มีประโยชน์มากกว่าครับพวกจับผิตจะต้องงันไป คนจะมีเมตตาต่อกันมากขึ้น พ่อก็ก็คงพอพระราชหฤทัย เทวดาจักอนุโมทนา
--------------------------------------------------

พุทธะอิสระต้องขอขอบคุณผู้ที่ใช้นามว่า Kanthaka Narangajavana ที่กรุณาเขียนมาเตือนฉันด้วยความห่วงใย ด้วยจิตที่หวังดีและเอ็นดูนั้น ฉันขอขอบคุณหลายๆ และน้อมรับฟัง

แต่ก็อยากให้คุณเข้าใจถึงสถานการณ์ สิ่งที่เกิดขึ้นในท้องสนามหลวงและเต็นท์หมายเลข ๙ บ้าง
หรือไม่คุณก็ลองเดินตามรอยเบื้องยุคลบาทของพ่อด้วยการออกมาจากบ้าน แล้วลองมาเดินดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในท้องสนามหลวงว่า

ทำไมพุทธะอิสระจักต้องลงมือไปปรุงอาหารเองทั้งที่ไม่สบาย
ทำไมพุทธะอิสระถึงต้องรีบวางช้อนทั้งที่พึ่งตักอาหารเข้าปากไปได้ไม่กี่คำ
ทำไมคนช่วยงานทั้งในโรงครัววัดและในเต็นท์หมายเลขเก้า จึงดูเปลี้ยหมดเรี่ยวแรง

และฉันเชื่อว่า หากคุณมาอยู่กับเรา มาทำเหมือนๆ เรา และได้เห็นคนมายืนรอเข้าแถวยาวเป็นร้อยๆ เมตรเพื่อจะรอรับอาหารจากพวกเรา
คุณจะยังคิดว่า ขอเอาตัวรอดนั่งนอนให้สบาย หรือทำไม่ได้เพราะไม่สบาย หรือไม่ก็กลัวอาบัติเช่นนี้

คนอื่นๆ อาจทำได้ แต่พุทธะอิสระไม่เคยทำ และทำไม่ได้ ที่มีชีวิตอยู่เพียงเพื่อเอาตัวรอด แล้วปล่อยให้แขกของพ่อมายืนรออาหาร ตากฝนตากแดดกันเป็นชั่วโมงอย่างที่ฉันเห็น

และฉันก็คิดว่า พ่อของคนไทยทั้งประเทศก็ทรงทนเห็นประชาชนของพระองค์ต้องทุกข์ยากเดือดร้อนไม่ได้ จึงต้องทรงตรากตรำทำงานหนักเพื่อให้ประชาชนของพระองค์พ้นจากความอดอยากทุกข์ยากเดือดร้อน

คนอื่นๆ เขาอาจจะรักพ่อแล้วกลัวเสียภาพ กลัวเสียทรัพย์ หรือกลัวเสียชีวิต

แต่คนอย่างพุทธะอิสระ เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่าพ่อเป็นคนที่ดีที่สุดในโลกในเวลานี้ และฉันก็รักพ่อคนนี้มากๆ

ฉันจึงสามารถทุ่มเททุกอย่างเพื่อทดแทนพระเดชพระคุณของพ่อ โดยไม่กลัวเสียภาพ ไม่กลัวเสียทรัพย์ และก็พร้อมที่จะสละชีวิตได้ทุกเมื่อ
การที่คุณ Kanthaka Narangajavana เตือนฉันมาเรื่องอาบัติปาจิตตีย์ เพราะการไปช่วยทำอาหารให้คนหิวกระหายได้กินนี้ ไม่ใช่ฉันไม่รู้สึกผิดบาปหรือละอายนะ ฉันรู้สึกละอายอยู่ตลอดเวลา

แต่จะทำอย่างไรได้เล่า เพราะนี่เป็นวิถีที่ฉันเลือก ฉันเลือกที่จะเดินตามรอยเท้าพ่อ เลือกที่จะช่วยคนอื่นให้รอดก่อน แล้วทุกคนก็จะอยู่รอดด้วยกัน เราก็จะรอดและปลอดภัยในที่สุด

เหมือนดังที่พ่อเคยสอนเคยบอกและเคยทำให้ฉันดูมาตลอด
การที่คุณเตือนฉันว่าจะเป็นอาบัติปาจิตตีย์เพราะทำอาหารเลี้ยงคน
อยากบอกคุณว่าอาบัติปาจิตตีย์ข้อนี้ฉันปลงอาบัติได้

แต่อาบัตินิคสัคคียปาจิตตีย์ที่ภิกษุเกือบทั้งประเทศยินดีในเงินและทอง สะสมเงินและทองนี่สิคุณ ทำไมคุณถึงไม่ห่วงบ้างว่า พระคุณท่านเหล่านั้นจะปลงอาบัติกันตกไหม

เพราะอาบัติที่สะสมเงินทองนี้ พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติว่าจะต้องสละเงินทองนั้นเสียก่อน แล้วจึงจะปลงอาบัติได้

คุณผู้ใช้นาม Kanthaka Narangajavana ลองไปสอบถามหลวงพี่หลวงพ่อทั้งหลายว่า ท่านปลงอาบัติอย่างไรทั้งที่ยังมีเงินฝากในธนาคารกันเป็นล้านๆ
ฉันเป็นอาบัติปาจิตตีย์เพราะทำอาหารเลี้ยงแขกของพ่อ อย่างดีก็ใช้เวลาแค่ปีเดียว ถ้าจะเป็นอาบัติก็ปลงได้ทุกวัน

แต่พวกที่บวชกันมาเป็นสิบๆ ปี สะสมทรัพย์สมบัติจนร่ำรวยเป็นอาเสี่ยเศรษฐีกันทั่วหน้า เขาจะปลงอาบัติกันอย่างไร คุณลองไปถามเขาดูบ้างสิจ๊ะ
กลับมาเรื่องทำกับข้าวอย่างที่จั่วหัวไว้ ไม่มีใครหรอกที่ไม่อยากนั่งนอนสบาย

หากทุกคนในโรงครัววัดอ้อน้อยและในเต็นท์เบอร์เก้าต่างแข็งแรง แต่โดยความเป็นจริงเวลานี้ ทุกคนอ่อนแรง เจ็บป่วย แต่ด้วยจิตกตัญญู พวกเขาต้องการทำเพื่อพ่อเพื่อครูบาอาจารย์

แม้เจ็บป่วยอ่อนละโหยโรยแรง พวกเขาก็ไม่หนีไม่ทิ้ง และคุณจะให้ฉันซึ่งเป็นผู้นำเป็นครูบาอาจารย์ของเขา เอาแต่นั่งชี้นิ้วสั่งการ เอาตัวรอดกลัวอาบัติที่แก้ไขได้ มันจะไม่เป็นการเลวร้ายเกินไปหรือ

ซึ่งในพระอริยวินัยก็บอกไว้ไว้ชัดว่า ภิกษุจับต้องกายสตรีไม่ได้ ต้องอาบัติตามไถยจิต แต่ถ้าเห็นสตรีตกน้ำกำลังจม แล้วกลัวอาบัติยืนดูเฉยๆ ไม่คิดจะช่วย ท่านปรับว่าชั่ว จิตไร้เมตตา

ฉันเอาแค่ผิด แต่ไม่อยากชั่ว ถ้าจะผิดก็ผิดที่ฉันกตัญญูต่อพ่อ ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ กตัญญูต่อแผ่นดินมากเกินไป จึงสมควรที่จะต้องอาบัติ
ที่อธิบายมาเสียยืดยาวก็เพราะอยากให้พวกคุณเข้าใจถึงจิตใจฉัน
และเข้าใจในสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นในเต็นท์หมายเลข ๙

พุทธะอิสระ




แขกของเต็นท์หมายเลข ๙

๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙

นอกจากมีบรรดาลูกไทยหลาน พี่น้องที่เดินทางมาจากทุกสารทิศเพื่อกราบพระศพของพ่อและแวะเวียนมากินอาหารของเต็นท์หมายเลข ๙ แล้ว

ยังมีแขกผู้คุ้นเคยกับฉันก็แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนที่เต็นท์หมายเลข ๙ อย่างไม่เคยขาดช่วง

เช่น พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ท่านผู้ว่ากรุงเทพขวัญเมือง ท่านผู้ว่ากรุงเทพมหานครคนใหม่

พล.ต.อ.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่ากรุงเทพมหานครคนใหม่
คุณไพบูลย์ นิติตะวัน และบรรดาอดีต สว.และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูป

คุณก่อศักดิ์ ก่อแสงเรือง และคณะ ก็เข้ามาสอบถามพูดคุยสารทุกข์สุขดิบ

คุณหมอรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ท่านเป็นห่วงฉัน เพราะเห็นฉันไปเจริญมนต์เป็นเพื่อนพระศพพ่อตั้งแต่วันที่ ๑๓ ตุลาคม จนถึงวันนี้ยังไม่เห็นฉันหยุดพัก หนำซ้ำยังล้มป่วยถึงกับนอนให้น้ำเกลือ ท่านจึงมาเยี่ยมถึงสองครั้ง

ตามด้วยคุณปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กับภรรยาพร้อมคณะ
พอเห็นหน้าคุณปิยสวัสดิ์ ประธานบริหารปตท.มาเยี่ยม พูดคุยกันพอเป็นเครื่องระลึกถึง

ฉันจึงบอกแก่คุณปิยสวัสดิ์ว่า ช่วงนี้ชาวนากำลังลำบาก ราคาข้าวตกต่ำ

ปตท.เป็นองค์กรมหาชน มีพนักงานหลายหมื่นคน มีปั๊มน้ำมันขยายสาขาไปทั่วประเทศ

น่าจะช่วยประกาศรับซื้อข้าวสารโดยตรงจากชาวนานำมาจำหน่ายให้แก่พนักงาน และวางจำหน่ายในร้านค้าของปตท.ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ ก็จักเป็นคุณแก่ชาวนายิ่ง

เหมือนเมื่อสมัยที่ฉันตั้งเวทีแจ้งวัฒนะ ฉันเปิดโรงสีแจ้งวัฒนะขึ้นเพื่อให้ชาวนาที่ขายข้าวเปลือกไม่ได้ นำข้าวเปลือกมาสีเป็นข้าวสาร โดยฉันได้ลงทุนจัดหาเครื่องสีข้าวขนาดเล็กมา ๔-๕ เครื่อง ทำการรับสีข้าวทั้งข้าวขาวและข้าวกล้อง แล้วบรรจุลงถุงขายกันตรงนั้น ปรากฏว่าขายดี ไม่พอที่จะขาย ชาวนาหลายจังหวัดได้วิชาสีข้าวไปจากโรงสีแจ้งวัฒนะ จึงไปทำโรงสีชุมชน แต่ยังไม่มีตลาด

ฉันคุยกับคุณปิยสวัสดิ์ในเช้าวันที่ ๑ พฤศจิกายน วันที่ ๓ พฤศจิกายน คุณปิยสวัสดิ์ได้กรุณาส่งหนังสือตอบมาว่าได้ดำเนินการประกาศรับซื้อข้าวสารโดยตรงจากชาวนาแล้ว

ช่างเป็นบุญของแผ่นดินนี้ที่มีพี่น้องไทยให้ความสนใจปัญหาของเพื่อนร่วมชาติและให้ความช่วยเหลือ

ขอบคุณคุณปิยสวัสดิ์และปตท.เป็นอย่างยิ่ง ที่ทำการช่วยเหลือชาวนา หากวันนี้มีพ่ออยู่ พ่อก็คงจะแนะนำอย่างนี้เช่นกัน คือให้ชาวนาสีข้าวขายเอง จะได้ไม่ต้องตกเป็นเครื่องมือของพ่อค้าคนกลางกดราคา

และวันนี้อีกเหมือนกันที่คุณไพบูลย์ นิติตะวัน และภรรยากรุณานำเอาขนมปังใส่ไส้มามอบให้ที่เต็นท์หมายเลข ๙ เพื่อแจกจ่ายให้กับพี่น้องที่เดินทางมากราบพระศพของพ่อ

ที่จริงยังมีแขกอีกมากหน้าหลายตาที่แวะเวียนมากราบ มาเยี่ยม มาถ่ายรูปด้วย แม้แต่เจ้าหมีดำ นักข่าวของนิวส์ทีวี ก็เดินแวะเวียนมายื่นหน้าถามฉันว่า หลวงปู่หายดีแล้วหรือครับ เห็นว่าไม่สบายต้องให้น้ำเกลือ พักผ่อนมากๆ นะครับ งานยังอยู่อีกยาวไกล

ฉันเห็นลูกหลานนักข่าวมันถามด้วยความเป็นห่วงก็เลยพูดแซวเล่นไปกับมันว่า หายแล้วจ๊ะ ขอบใจ แต่กูจะป่วยอีกแล้วก็เพราะเห็นหน้ามึงนี่แหละ

แล้วมันก็หัวเราะ ยกมือไหว้ แล้วเดินออกไป

มีผู้ชอบถามฉันว่า แต่ละวันทำอาหารอะไรมาเลี้ยงบ้าง

ตอบว่า วันนี้ช่วงเช้าพวกกลุ่มลูกหลานชาวแจ้งวัฒนะนำเอากาแฟคุกกี้ และแซนวิชมาแจกตอนช่วง ๖ โมง ถึง ๘ โมง

๙ โมงเช้าลูกหลานชาวจังหวัดเพชรบุรีนำเอาขนมจีนน้ำยาน้ำพริกมาเลี้ยงพร้อมมีลูกชิ้นปลาทอดอีก ๒ พันลูก และกล้วยทอด ตั้งแต่เช้าจรดเย็น

ส่วนอาหารคาว ๑๐ โมงฉันนำเอาก๋วยเตี๋ยวพะโล้น่องไก่มาเลี้ยงจนถึงบ่ายโมง พร้อมต่อด้วยข้าวผัดคะน้าไส้กรอก แถมด้วยกุนเชียงทอด

สลับกับฟักทองผัดไข่พร้อมกุนเชียงทอด

ตามด้วยผัดพริกกับหน่อไม้ดองหมู

สลับมาเป็นข้าวผัดอีกหม้อหนึ่ง ทุกอย่างหมดเกลี้ยงภายใน ๔ โมงเศษ

ตามด้วยก๋วยเตี๋ยวต้มยำหมู่ใส่ไข่ไส้กรอก

เหมือนจะปิดเกมเพราะคนเบาบางลง

แต่ก็กันเหนียวด้วยการเตรียมคะน้าและหน่อไม้ดอกเอาไว้อีก
เผื่อตอน ๒ ทุ่มจะมีคนที่หิวยังไม่ได้กินมากินกัน จะได้ไม่ขาดแคลน พอฉันถามลูกหลานที่ช่วยงานในเต็นท์ว่าเวลากี่โมงแล้ว พวกคนช่วยมันรีบบอกว่าทุ่มนึงแล้วนะครับ หากจะผัดข้าวอีกอาจจะเหลือ

ที่จริงก็เห็นใจพวกเขาเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน

พวกเขาก็อยากจะให้จบเร็วๆ กลับบ้านเร็วๆ หน่อย ไม่ดึกนัก

เพราะร่วมเดือนมาแล้วที่ทุกคนกลับบ้านดึกทุกวัน

ฉันจึงเตือนสติว่า ไหนจะทำดีเพื่อพ่อแล้ว ก็อย่าบ่นอย่าท้อ เหนื่อยนักพักหน่อยก็หาย ร้อนนักอาบน้ำก็สบาย แต่แขกของพ่อจะต้องไม่อดไม่กระหาย งานนี้ต้องไม่ขาดแคลน สรุปว่าต้องผัดข้าวคะน้ารอบ ๒ ทุ่มก็หมดอีกเช่นเคย

เป็นอันว่า วันนี้ตั้งแต่เช้าแจกอาหารไป ๒๗,๐๐๐ ถ้วย อิ่มกันไหมจ๊ะ

พุทธะอิสระ



ท่านครับมีข้าวไหมครับ เต็นท์ผมข้าวหมด ขอข้าวซัก ๑ หม้อ
ท่านครับช่วยหุงข้าวมาส่งให้เต็นท์ผมทุกวันๆ ละ ๖ หม้อได้ไหมครับ ผมจะนำข้าวสารมาให้

ท่านคะมีน้ำมันพืชไหม ที่เต็นท์ดิฉันผัดหมี่โคราช พอดีน้ำมันพืชหมด

ท่านคะมีหมี่ไหม พอดีที่เต็นท์เตรียมเครื่องหมี่ผัดซีอิ๊วเอาไว้ หมี่หมดพอดีค่ะ

ท่านครับมีซอสปรุงรสบ้างไหม ที่เต็นท์ทำไข่เจียว ซอสหมดพอดี
ท่านครับมีถ้วยกระดาษใส่อาหารไหม ที่เต็นท์ทำก๋วยเตี๋ยวน้ำ ถ้วยหมดพอดี ขอยืมซัก ๕๐๐ ใบ

ท่านครับมีช้อนมากไหม ขอยืมช้อนพลาสติกตักอาหารหน่อย ช้อนที่เตรียมมาหมดพอดีครับ

ท่านคะมีน้ำตาลทรายซัก ๕ กิโลไหม ทำฟักทองแกงบวช น้ำตาลทรายไม่พอ

ท่านครับมีไข่ไหม พอดีที่เต็นท์ผมทำไข่เจียวราดข้าว ข้าวยังมีเหลืออยู่ ๑ หม้อ แต่ไข่หมด ขอยืมไข่ซัก ๕ แผง

ท่านคะมีซีอิ๊วดำซักขวดไหม เต็นท์ดิฉันกำลังผัดซีอิ๊ว พอดีซีอิ๊วดำหมดพอดี

ท่านครับขอน้ำดื่มไปแจกที่เต็นท์ผมซักร้อยโหลนะครับ เต็นท์ผมไม่มีน้ำแจกให้คนที่มารับอาหารเลย

ท่านครับขอน้ำแข็ง ๒ กระสอบนะครับ เต็นท์ผมทำน้ำหวานแจก พอดีน้ำแข็งหมด

ท่านคะขอยืมกระเทียมซัก ๒ กิโล ที่เต็นท์จะผัดใบกระเพราพอดีกระเทียมไม่พอ มีใบกระเพราบ้างไหมคะ ใบกระเพราที่เต็นท์มีน้อย

ที่เขียนบรรยายมาให้ท่านทั้งหลายได้ทราบนี่ไม่ใช่มาทวงบุญคุณ หรือมาทวงของ

แต่เขียนมาให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของเต็นท์หมายเลข ๙ ว่า กลายเป็นคลังของท้องสนามหลวงไปโดยปริยายในงานของพ่อ

และไม่มีรายใดที่จะไม่ได้สิ่งที่เขาเข้ามาขอเลย

ต้องใช้คำว่าเขามาขอถึงจะถูก เพราะที่พวกเขาแต่ละเต็นท์มาพูดว่าขอยืม ฉันไม่เคยเห็นเขานำมาคืนเลย แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะนี่คืองานของพ่อ

ทุกคนมาทำดีเพื่อพ่อ ขาดนิดเหลือหน่อยต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เป็นบรรยากาศที่พ่ออยากเห็นมาตลอดชีวิตของพ่อ

ครอบครัวเต็นท์หมายเลข ๙ ของพวกเราจึงไม่เคยปฏิเสธในสิ่งที่พวกเรามีเลย

ยกเว้นเราไม่มีหรือมีไม่พอจะให้ เพราะเรากำลังต้องใช้อยู่เหมือนกัน แต่ก็น้อยมากที่พวกเราปฏิเสธไป

อย่างเช่นเมื่อวานมาขอยืมช้อน พอดีเจ้าหมูมันสั่งซื้อช้อนมาเท่ากับถ้วยกระดาษและเราก็กำลังใช้ใส่ข้าวต้ม หากเราให้ช้อนไป ถ้วยกระดาษของเราจะหาช้อนที่ไหนมาใช้ตักข้าวต้ม

เช่นนี้ฉันก็ต้องขออภัยต่อเขาและบอกว่า เราก็ต้องใช้อยู่เช่นกัน
ที่เต็นท์หมายเลข ๙ ของพวกเรามีทุกอย่างครบจนสามารถหยิบยื่นไปเจือจางกับเต็นท์อื่นๆ ได้ ก็เพราะฉันจะสั่งของเผื่อให้เหลือดีกว่าขาด

ยิ่งเห็นพี่น้องเต็นท์อื่นๆ เดินมาขอหยิบยืมของในเต็นท์เรา ฉันก็ยิ่งต้องตระเตรียมสิ่งของเพิ่มให้พร้อมที่จะให้บริการแก่พวกเขาตามกำลังและความจำเป็น

เห็นเต็นท์หมายเลข ๙ ของพวกเรากลายเป็นที่พึ่งของเต็นท์อื่นๆ และกองอำนวยการพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารที่มาทำงานในท้องสนามหลวงได้

ฉันกลับรู้สึกภูมิใจ มีความสุขที่ได้ให้ในงานของพ่อ เพราะฉันตั้งปณิธานเอาไว้ในคืนวันที่พ่อสวรรคตว่า งานพระศพของพ่อ แขกทุกคนที่มาจะต้องอิ่ม ไม่อดอยาก

รวมทั้งพี่น้องไทยทุกคนที่มาช่วยงานหากฉันสามารถเป็นที่พึ่งแก่พวกเขาได้ ฉันก็จะช่วยให้เต็มความสามารถ

ด้วยเหตุนี้เต็นท์หมายเลข ๙ ก็เลยกลายเป็นคลังของท้องสนามหลวงไปโดยปริยาย

พุทธะอิสระ

จาก https://www.facebook.com/buddha.isara/posts/10154619776008446:0

http://issaradhamtv.com/12053

https://www.youtube.com/user/natkij1/videos

https://www.youtube.com/channel/UCLTBlXCwiZ4aEi-nzevjaTw/videos

https://www.youtube.com/user/BuddhaFollowing/videos

   
หยิบมาเล่า การเเจกอาหารให้ประชาชนที่ท้องสนามหลวง (หลวงปู่พุทธะอิสระ) http://www.tairomdham.net/index.php/topic,12497.0.html

http://www.sookjai.com/index.php?topic=182053.0
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...