ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้ามีโอกาสเราต้อง “คืนกลับ” สู่สังคม บอย AF  (อ่าน 1016 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด



ถ้ามีโอกาสเราต้อง “คืนกลับ” สู่สังคม บอย AF

การก้าวไปข้างหน้าคือสิ่งที่ทุกคนใฝ่ฝัน ไม่ว่าก้าวนั้นจะหมายถึงหน้าที่การงาน  ฐานะทางการเงิน  ชื่อเสียง  หรืออะไรก็ตาม แต่เมื่อไรที่คุณก้าวไปข้างหน้าได้สำเร็จแล้ว  คุณควรต้องหันกลับมามองคนข้างหลังและ “คืนกลับ” สู่สังคมที่คุณเติบโตมาบ้าง…เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี

พิษณุ  นิ่มสกุล  หรือ บอย  เอเอฟ นักร้อง  นักแสดง  และพิธีกรหนุ่มอารมณ์ดีเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบหลักคิดเรื่อง “การคืนกลับสู่สังคม”  คล้าย ๆ การทำ CSR ที่องค์กรเอกชนนิยมทำกันทุกวันนี้  จะแตกต่างกันก็ตรงที่ CSR ของบอยไม่จำเป็นต้องมีหลักการใด ๆ มาผูกพัน  และไม่ต้องกำหนดงบประมาณให้วุ่นวาย

คนเราต้องเริ่มจากทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด  กตัญญูรู้คุณและไม่ลืมรากเหง้าของตัวเอง  จากนั้นเรายังต้องรู้จักคิดถึงคนอื่น ๆ ในสังคมบ้าง  เริ่มต้นง่าย ๆ ตั้งแต่ไม่เอาเปรียบใคร  ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน รู้จักแบ่งปัน  ช่วยเหลือกัน  เพราะพวกเราอยู่ในสังคมเดียวกัน ไม่ใช่คนอื่นคนไกล

ครั้งหนึ่งมีรายการประเภทช่วยเหลือสังคมมาติดต่อผมไปร่วมรายการ  ทางรายการเปิดโอกาสให้ผมเลือกว่า ผมอยากจะทำอะไร อยากไปที่ไหน  ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าคิดอะไรอยู่ในใจ  แต่จำได้ว่าผมตอบไปว่า“ถ้าได้ไปบ้านผู้พิการซ้ำซ้อนก็น่าจะดี เพราะผมยังไม่เคยไปมาก่อน”

ทางรายการจึงติดต่อสมาคมรวมปัญญาคนพิการย่านบางบัวทอง  จังหวัดนนทบุรีให้ผม  ในวันนั้นทีมงานเตรียมอาหารและขนมไปแจกน้อง ๆ  ส่วนผมก็ทำหน้าที่เอนเตอร์เทน  เล่นเกม  ร้องเพลง  ฯลฯทำทุกอย่างให้เขามีความสุข  วันนั้นกว่าจะทำกิจกรรมเสร็จก็เย็นแล้ว  แต่ถึงจะเหนื่อยแค่ไหนผมก็มีความรู้สึกว่า “ต้องหาโอกาสกลับมาอีกให้ได้”

ไม่ใช่ว่าอยากมาเพราะสงสารหรืออยากทำให้เขามีความสุขเท่านั้น  แต่ผมอยากมาอีกครั้งเพื่อเรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างจากเขามากกว่า  โดยเฉพาะ“หัวใจนักสู้” ที่น้อง ๆ ทุกคนมีทุกคนพยายามสู้  พยายามช่วยเหลือตัวเองทุกวิถีทางเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอด มันสุดยอดมาก ๆ

หลังจากนั้นไม่นานผมก็ได้ข่าวว่าพื้นที่ย่านบางบัวทองรวมถึงสมาคมนี้ถูกน้ำท่วมใหญ่  ผลจากน้ำท่วมทำให้สภาพความเป็นอยู่ของน้อง ๆ ในสมาคมที่ค่อนข้างลำบากอยู่แล้วยิ่งลำบากมากขึ้นไปอีก  ด้วยเหตุนี้ผมจึงตัดสินใจกลับไปที่สมาคมเร็วขึ้นกว่าที่คิดไว้  ไม่ต้องรอจนถึงวันเกิดของผมแล้ว

คราวนี้ผมเริ่มคิดว่า แค่เลี้ยงอาหารอย่างเดียวคงไม่พอ  เพราะตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ “เงิน”  เพื่อที่ว่าทางสมาคมจะได้นำไปฟื้นฟูความเสียหาย  แต่ลำพังผมคนเดียวคงไม่มีกำลังมากพอ ผมจึงตัดสินใจบอกบุญแฟนคลับดู  ซึ่งก็ได้ผล เพราะพอบรรดาแฟนคลับรู้  พวกเขาก็ช่วยกันระดมทุนเข้ามาไม่ขาดสาย  เชื่อไหมครับว่า  ในเวลาไม่ถึงเดือนผมรวบรวมเงินบริจาคได้เกือบแสนบาท!

สองสัปดาห์ต่อมา  ผมและแฟนคลับส่วนหนึ่งก็กลับไปที่สมาคมอีกครั้งเพื่อเลี้ยงอาหาร  ขนม และมอบเงินบริจาคที่รวบรวมมาได้  วันนั้นมีน้องคนหนึ่งซึ่งถึงเขาจะไม่สมบูรณ์ทั้งทางร่างกายและสมองแต่พอเห็นผม  น้องกลับจำผมได้  เขายิ้มดีใจออกท่าออกทางตีมือใหญ่เลย  เขาดีใจที่ผมกลับมาอีกครั้ง ผมยังจำภาพนั้นติดตามาจนวันนี้

นอกจากที่นี่แล้ว  ผมก็ยังมีโอกาสได้ไปทำบุญอีกหลายที่  เช่น  มูลนิธิบ้านเด็กอ่อน  บ้านคนที่ไร้ที่พึ่งพิง  ซึ่งแต่ละแห่งก็จะให้ความรู้สึกแตกต่างกันไป  แต่ถ้าสถานที่ที่กินใจผมมาก ๆ ก็คงเป็นบ้านพักคนชราบางแค  เพราะผมเป็นคนที่เซ้นสิทีฟกับคนแก่มากถึงมากที่สุด

คงเป็นเพราะสมัยเด็ก ๆ ผมเติบโตมากับยาย  เรียกว่าเป็นหลานคนโปรดของยายก็ว่าได้ ถึงผมจะแสบซนเอาเรื่องอยู่  แต่ผมก็เป็นหลานเพียงคนเดียวที่ยายจะเจียดเงินไปฝากธนาคารออมสินให้ทุกเดือน  เดือนละ 20 บาท  หรือเวลาที่แม่ซื้อของอะไรมาที่บ้าน ยายก็จะเป็นคนแบ่งสันปันส่วน  หรือถ้าจะให้ถูกก็ต้องเรียกว่า “กัน” (หัวเราะ) เสียมากกว่า  ยายจะบอกว่า “นี่ของบอยมันนะ” หลานคนอื่นจะได้ไม่กล้ามายุ่ง พอเก็บของให้บอยบ่อยครั้งเข้า  เชื่อไหมครับว่า  บางทียายก็จำไม่ได้ว่าเก็บอะไรไว้ที่ไหนบ้าง  เรียกว่าเก็บจนลืม

นอกจากนี้ยายยังเป็นคนแรกที่พาผมไปวัด  ไหว้พระ  ทำบุญ  สอนผมให้รู้จักการทำบุญ  ทำทาน  และการให้  ซึ่งนิสัยชอบทำบุญของผมก็ได้มาจากยายนี่แหละครับ

ด้วยความที่เป็นเด็ก  ผมก็เลยคิดแค่ว่า  ถ้าจะพายายไปกินอาหาร  ไปเที่ยว  หรือจะทำอะไรให้ยายก็ต้องมีเงิน  มีความพร้อมก่อน ผมจึงได้แต่รอเวลาอยู่อย่างนั้น  แต่พอวันที่ผมพร้อม  มีการมีงานทำจริง ๆ  ก็เป็นวันที่ยายจากผมไปแล้ว  นั่นทำให้รู้สึกว่าทำไมเราไม่ทำตั้งแต่ตอนนั้น  ทำเท่าที่มีก็ได้

สุดท้ายเมื่อย้อนอดีตกลับไปไม่ได้ผมจึงคิดว่า  “ถ้ามีโอกาสเมื่อไร  ผมจะต้องช่วยเหลือคนแก่”  นัยว่าเป็นการทดแทนที่ผมยังไม่ได้ตอบแทนยาย

ผมขอฝากถึงทุกคนว่า  ถ้าอยากทำความดี ไม่ต้องรอ “ความพร้อม”  ทำอะไรได้เมื่อไร  จงรีบทำ  เพราะเวลาไม่เคยรอใคร ไม่ว่าจะเวลาของเราเองหรือของคนที่เรารัก

เรื่อง วรลักษณ์ ผ่องสุขสวัสดิ์ ภาพ สรยุทธ พุ่มภักดี

จาก http://www.goodlifeupdate.com/40907/healthy-mind/helping/

<a href="https://www.youtube.com/v/Ye0NzFeA6qc" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/Ye0NzFeA6qc</a>


เพิ่มเติม โคก หนอง นา โมเดล https://www.youtube.com/playlist?list=PLdxHW6kl6LgDW111jgi2vlzM04cpt5zKI
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...