ผู้เขียน หัวข้อ: ประวัติพระดีน่าเลื่อมใส พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ  (อ่าน 2348 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
<a href="https://www.youtube.com/v/ar2AQRgtzgU" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v/ar2AQRgtzgU</a>

ประวัติย่อพระอาจารย์ สมภพ โชติปัญโญ


พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ ถือว่าเป็นนักปราชญ์แห่งภาคอีสาน ที่หลายท่านยังไม่รู้จัก จึงถือโอกาสเปิดกรุพระป่า พระนักปฏิบัติ พระนักเทศน์ พระนักปราชญ์แห่งภาคอีสานรูปหนึ่ง พระผู้เสียสละอุทิศตนทำงานเพื่อพระศาสนา รับกิจนิมนต์ไปแสดงธรรมในที่ต่างๆ ทั้งใกล้ทั้งไกลทั้งต่างประเทศ ชีวิตอยู่กับการเดินทางเป็นส่วนมาก การพักผ่อนไม่ค่อยจะพอ ประกอบกับสุขภาพไม่ค่อยจะดี จึงเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นในขณะนั่งแสดงธรรมอยู่นั้น ปรากฏว่าท่านสลบฟุบลงกับพื้น คณะศิษย์นำส่งโรงพยาบาล หมอตรวจเช็คร่างกายพบว่า เส้นเลือดฝอยในสมองแตก ทำให้เป็นอัมพาตระยะหนึ่ง

พอ พื้นขึ้นมาก็พูดไม่ได้ เพราะหลอดเสียงอักเสบ หูนั้นได้ยินคนพูดรู้เรื่องหมดแต่ท่านสื่อกับคนอื่นไม่ได้ เพราะร่างกายไหวติงส่วนแขนขาไม่ได้ หลังจากเวลาผ่านไปหลายวันมือเริ่มใช้งานได้ หมอก็เลยตรวจเช็คว่าท่านยังจำอะไรได้เป็นปกติหรือไม่ ก็เอาปากกากับกระดาษให้ท่าน ปรากฏว่าท่านเขียนได้ ทางด้านญาติโยมก็ดีใจที่พระอาจารย์พื้นขึ้นมาได้ เพราะปกติแล้วโอกาสที่จะฟื้นเป็นไปได้น้อยมาก

ปัจจุบันพระอาจารย์ พูดได้เหมือนเดิม แต่ก็นั่งรถเข็ญ ก็เดินได้บ้างแต่ใช้ไม้เท้า บทบาทที่เคยเดินทางไปแสดงธรรมตามกิจนิมนต์ก็ไม่มีมากเหมือนแต่ก่อน เพราะร่างกายไม่แข็งแรง ยังเหลือแต่ผลงานเก่าๆ ที่จัดทำเป็น ซีดี วีซีดี ซึ่งเป็นผลงานหลากหลาย แสดงธรรมทุกระดับทั้งโวหารและไหวพริบดีมาก ได้ฟังแล้วจะเห็นความแปลกใหม่อย่างน่าทึ่งมาก ท่านเป็นพหุสูตรจริงๆ

พระ พยอม กัลยาโณ แห่งวัดสวนแก้ว ยังเคยโทรศัพท์ไปนิมนต์ท่านให้ไปหาที่วัดสวนแก้ว พระพยอมบอกว่า ถ้าท่านไม่มาหาผมๆ จะเป็นฝ่ายไปหาท่าน เรื่องนี้ได้ยินในกลุ่มลูกศิษย์คุยกัน

ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ สิงห์ ขันตยาคโม ชึ่งเป็นศิษย์ผู้ใหญ่ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และหลวงพ่อชา สุภัทโท ชึ่งเป็นสายธรรมจากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจาย์สมภพ โชติปัญโญ อดีตท่านเคยเป็นโฆษกจัดรายการวิทยุ สถานีวิทยุ 909 สกลนคร ชื่อว่า รายการธรรมะเพื่อชีวิต ได้รับความนิยมอย่างมากในเขตนั้น

คำ สอนอันเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายของหลวงปู่จูม สุจิตฺโต ชึ่งเป็นพระอาจารย์ของพระอาจารย์สมภพ ( หลวงปู่จูม สุจิตฺโต ท่านเป็นศิษย์หลวงปู่มั่นอีกรูปหนึ่ง )

.....ที่สิ้นสุดของกายคือ สิ้นลมหายใจ ที่สิ้นสุดของจิตคือ ตัวเราไม่มี ของเราไม่มี

“เมื่อใด พรหมวิหารของเรายังไม่ครบสี่ เมื่อนั้นเรายังวุ่นวายอยู่ เพราะยังวางมันไม่ลง ปลงมันไม่ได้”
คนเราเป็นทุกข์อยู่กับธาตุสี่เพราะ ยังไม่เห็นธาตุรู้ รู้อย่างเดียว ไม่สุข ไม่ทุกข์ จิตนี้มันคือ (เหมือน) น้าม (น้ำ) น้ามมันชอลไหลลงสู่ทางต่ำ ถ้าคนสะหลาด (ฉลาด) กั้นมันไว้ มันก็จะไหลขึ้นที่สูง.....

นี้คือคำสอนหลวงปู่จูม สุจิตฺโต ได้เขียนไว้ก่อนสิ้นลมหายใจ ส.ค. พ.ศ.2539 ซึ่งค้นพบใต้หมอนหลังจากท่านมรณภาพ ซึ่งท่านได้บวชในวัยชราหาทางพ้นทุกข์ ไม่มุ่งสอนผู้อื่น เป็นคนพูดน้อยสันโดษ ซึ่งท่านเป็นพระลูกศิษย์หลวงพ่อชา สุภัทโท

จึงถือเป็นโอกาสเปิดกรุคำสอนของพระสองพ่อ-ลูก ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ หลวงปู่มรณภาพที่วัดนิพเพธพลาราม ต.บ้านแพด อ.คำตากล้า จ.สกลนคร อยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิดของพระอาจารย์สมภพ หลังจากฌาปนกิจศพแล้ว อัฐิของหลวงปู่มีสีขาวบริสุทธิ์ดุจปุยฝ้าย

ที่ดิน สร้างวัด 50 ไร่ ท่านซื้อด้วยเงินของท่านเองเมื่อครั้งเป็นโยม จัดทำเป็นที่พักสงฆ์นิมนต์พระมาพัก แต่การทำประโยชน์ก็ไม่มากเท่าที่ควร ท่านเลยตัดสินใจบวช พระอุปัชฌาย์ จึงให้ฉายานามว่า “โชติปัญโญ” แปลว่า ผู้มีปัญญาอันโชติช่วงประดุจดวงประทีป ต่อมาในภายหลังเมื่อมีผลงานทางการเผยแพร่ธรรมออกไปในวงกว้าง เจ้าคณะจังหวัดสกลนคร จะมอบยศสมณะศักดิ์ให้ แต่ท่านตอบปฏิเสธว่า “ผมไม่อยากได้ สิ่งที่ผมอยากได้ผมได้แล้ว”

ปัจจุบันพระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ จำพรรษาอยู่ที่วัดไตรสิกขาทลามลตาราม ต.บ้านแพด อ.คำตากล้า จ.สกลนคร ซึ่งท่านได้มาสร้างสำนักป่าแห่งใหม่ เพื่อปลูกป่าและอนุรักษ์ธรรมชาติ อยู่ไม่ไกลจากวัดนิเพธพลาราม (วัดเก่า) ห่างกันประมาณสัก 10 ก.ม. ท่านได้ศึกษาพระไตรปิฎกมา 11 ปี ก่อนที่จะมาบวชและฝึกกรรมฐานในสายหลวงปู่มั่นไปด้วย ท่านเป็นพระผู้รู้แตกฉานในพระไตรปิฎกรูปหนึ่ง สอนแนวอานาปานสติกรรมฐาน ระเบียบปฏิบัติ คือ ตี 2 สัญญาณระฆังให้ตื่น นั่งปฏิบัติธรรมถึงตี 4 แล้วสวดมนต์ทำวัตรเช้าต่อ ฉันอาหารมื้อเดียวประมาณ 9 โมงเช้า ช่วงบ่าย 15.00 น.-17.00 น. นั่งกรรมฐาน เดินจงกรม สรงน้ำแล้วทำวัตรเย็นต่อ แล้วเข้าทางเดินจงกรม จนถึงเวลา 4 ทุ่มจึงจำวัตร

งานเสขปฏิปทา เป็นงานปฏิบัติธรรมประจำปี จัดขึ้นทุกวันที่ 8-18 ม.ค. ของทุกปี ที่วัดไตรสิกขาทลามลตาราม มีทั้งพระภิกษุ พระนิสิต และฆาราวาส ไปร่วมปฏิบัติธรรมหลายพันชีวิต จึงถือว่าท่านเป็นศูนย์รวมให้กับพระและฆาราวาส ทั้งๆ ที่วัดของท่านอยู่ในเขา แล้วก็ค่อนข้างกันดาร แล้วท่านก็ป่วยร่างกายไม่สมบูรณ์ด้วย ซึ่งท่านมักพูดว่า “ต้องให้คนพิการมาสอนคนปกติดีๆ”

พระอาจารย์สมภพ ท่านมักกล่าวเสมอๆ ว่า “การศึกษาทางโลก ท่านจบ ป.4 การศึกษาทางธรรม ท่านไม่ได้จบอะไรเลย นักธรรมตรีก็ไม่จบ จะไปเป็นเจ้าอาวาสก็ไม่ได้ จะไปเป็นพระอุปัชฌาย์ก็ไม่ได้”


http://community.thaiware.com/index.php/topic/279109-adhcnuoadhiooaieaa-auona-aeiaaiaiuouei/

เพิ่มเติมเนื้อหา http://www.dhammathai.org/monk/sangha49.php

" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...