ผู้เขียน หัวข้อ: ชีวิตคือละคร  (อ่าน 957 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ 時々होशདང一རພຊຍ๛

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1011
  • พลังกัลยาณมิตร 1119
  • แสงทองส่องฟ้าคือชีวิต
    • ดูรายละเอียด
ชีวิตคือละคร
« เมื่อ: มิถุนายน 28, 2018, 10:20:06 pm »



ลุงเสรี หอมมาก อายุ 63 ปี หรือที่ชาวบ้านตลาดบ้านโป่ง อ. บ้านโป่ง จ. ราชบุรี รู้จักกันในชื่อลุงทิด หรือพี่ทิด และอีกหลายชื่อ ก็แล้วแต่ใครจะเรียก แต่ที่ทุกคนรู้จักเหมือนกันคือความไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนของลุงเสรี ลุงเสรีเป็นชาวบ้านโป่งโดยกำเนิด ในสมัยเด็กๆ ใช้ชีวิตอยู่ในแม่น้ำแม่กลอง เก็บเงินในเรือข้ามฟาก ในวัยเด็กได้เรียนหนังสือแค่ ป. 2 ต้องออกจากโรงเรียน ปัจจุบันแกอาศัยอยู่กับหลานสาว แต่ก็แยกส่วนอยู่อย่างสันโดษโดยอาศัยชั้นบนของบ้านที่เก่าทรุดโทรมที่แทบจะไม่มีใครได้ขึ้นไปเยี่ยมกรายเลย เพราะลุงเสรีประกาศเป็นเขตหวงห้ามเข้าได้เฉพาะตัวเองเท่านั้น ผู้คนในละแวกนั้นต่างก็

สงสัยในความลึกลับกับพฤติกรรมของแกแต่ก็ไม่มีใครกล้าย่ำกรายเข้าเฉียดใกล้ ลุงเสรีเป็นคนไม่มีอาชีพที่ตายตัว แต่ก็มีข้าวปลาอาหารให้กินอิ่มทุกมื้อ บนร่างกายไม่เคยมีเครื่องประดับแม้แต่ชิ้นเดียว ทุกวันแกไม่เคยมีเรื่องกลุ้มใจกับสิ่งใดเลย ลุงเสรีบอกว่า ไม่เคยมีเรื่องกลุ้มใจ ในชีวิตมีเพียงกางเกงตัวเดียว ก็อยู่ได้ และทุกคนไม่มีบุญหรอก มีแต่กรรมกันทุกคนเพียงแต่มีคนละแบบ แต่คนอื่นมีกรรมมากกว่าผม เพราะต้องกระเสียกกระสนทำมาหากิน แต่ลุงไม่ต้องกระเสียกกระสนอะไร ไม่อยากได้อะไร ให้มีกางเกงปิด มีข้าวกินก็พอ ลุงเสรีขึ้นชื่อว่าเป็นคนดังของบ้านโป่งก็ว่าได้ ไม่ว่าด้วยเอกลักษณ์การแต่งตัวด้วยกางเกงนักเรียนขาสั้นสีน้ำตาลเก่าๆ ไม่สวมเสื้อ แต่เอกลักษณ์ที่สำคัญคือการพูดที่ฟังดูอาจจะหยาบคายเสียจนคนอย่างเราๆ บางคนอาจทนฟังไม่ไหว ภาษาดอกไม้ไม่เคยได้มีโอกาสหลุดลอดออกจากปากลุงเสรีได้เลย แต่สำหรับชาวตลาดบ้านโป่งถือว่านี่คือเรื่องปกติ เพราะชาวบ้านโป่งตั้งแต่ลูกเล็กเด็กแดงจนอาเสี่ยอาเฮียแทบจะทุกคนก็ว่าได้ต่างก็รู้ซึ้งกับกิติศัพท์เรื่องภาษาพูดและกิริยาที่ดูจะหยาบช้าของแกเป็นอย่างดีไม่เว้นแม้กระทั่งพระ แกบอกว่า ตั้งแต่จำ

ความได้ก็พูดแบบนี้มาตลอด เคยโดนพ่อตบฟันร่วงก็ไม่เลิก สุดท้ายพ่อก็ต้องยอม แกก็ไม่เห็นว่าการพูดของแกจะทำให้ใครเดือดร้อนอะไร ทุกวันลุงเสรีจะไปช่วยงานบุญ งานศพ งานวัดไม่ว่าวัดไหนต้องการอะไรให้บอกลุงเสรี งานศพไหนต้องการอะไร วัดไหนต้องการผ้าป่า ต้องการสร้างอาคาร ให้บอกลุงเสรี บ่อยครั้งที่ลุงเสรีเดินลากรถสาลี่เก่าๆ ไปตามบ้าน ตามตลาดเพื่อขอเรี่ยไรธูปเทียน เครื่องสังข์ภัณฑ์เพื่อไปถวายวัด และที่สำคัญคือชาวบ้าน แม่ค้า เจ้าของร้านทอง ในตลาดบ้านโป่งต่างก็ยินดีที่จะช่วยทำบุญโดยไม่มีใครปฏิเสธและไม่สงสัยเลยว่าแกเอาไปทำจริงหรือเปล่า หรือไม่ต้องการอะไรที่เกี่ยวกับวัด แต่ลุงเสรีก็ไปช่วยล้างจาน เก็บกวาด หยิบโน่นหยิบนี่ ทุกอย่างที่แกทำแกไม่ต้องการค่าจ้างเป็นเงินสักบาทเดียว เพียงแต่แกจะกินข้าวจนอิ่มเสร็จงานก็จะกลับ ชีวิตของลุงเสรีคาบเกี่ยวอยู่กับพรมแดนความดี กับความบ้า ก้ำกึ่งระหว่างความขาดกับความเกิน มีทั้งหยาบช้ากับความน่านับถือ ที่มาอยู่รวมกันได้อย่างไม่น่าเชื่อในตัวของคนคนเดียว อย่างลุงเสรี

เรียกได้ว่าไม่มีคำว่าพอดีในชีวิตของคน ๆ นี้ตั้งแต่จำความได้มาจวบจนทุกวันนี้ แต่อย่างไรก็ตามนี่คือคนที่ชาวตลาดบ้านโป่งให้ความไว้เนื้อเชื่อใจและลงมติเป็นเอกฉันท์โดยไม่มีใครสงสัยว่าเขาเป็น เขาเป็นคนดี ทำไมคนที่มีคุณสมบัติแบบลุงเสรีถึงได้รับการยอมรับในความเป็นคนดี จากคนบ้านโป่งได้มากขนาดนี้ นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกและกิริยามารยาทที่ไม่ควรเข้าใกล้แล้ว การใช้ชีวิต ความคิด ความเชื่อ รวมทั้งบรรทัดฐานที่ใช้วัดความพึงพอใจในชีวิตของลุงเสรีที่แตกต่างจากบรรทัดฐานของคนส่วนใหญ่ยึดถือเป็นอย่างไร โลกของคนหกสลึงเป็นแบบไหน ทำไมลุงเสรีถึงคิดว่า ตัวเองถูกสาปให้มาเกิด และสิ่งที่ทำนั้น ทำเพื่ออะไร พบกับชีวิตและตัวตนของคนที่สวรรค์ไม่เอา นรกไม่ต้อนรับ ชีวิตถูกสาปไม่ให้เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือนของลุงเสรีได้


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 25, 2020, 03:09:39 pm โดย 時々होशདང一རພຊຍ๛ »
ชิเน กทริยํ ทาเนน