ผู้เขียน หัวข้อ: คิด วิเคราะห์ แยกแยะ กับ หัวโขน และ อำนาจ  (อ่าน 1401 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
.
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดำรงชีวิตส่วนตัว
.
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงาน
.
เรื่องที่เป็นอันดับ 1 ก็คือ การปฎิบัติตนตามหลักธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
.
ต้องเริ่ม คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ในการอ่านเรื่องราวต่างๆ
.
#อย่าไปบ้าอำนาจ  เพราะ #อำนาจไม่เคยจีรังยั่งยืนเลย
.
#อย่าไปหลงตำแหน่ง  เพราะ #ตำแหน่งก็คือหัวโขนที่มีคนมอบมาให้ใช้ในการทำงาน
.
#อย่าไปใช้อำนาจในตำแหน่งข่มขู่คนอื่น
.
ถ้าทำ  ให้ทำเลย  ทำมาเป็นลายลักษณ์อักษร  แล้วค่อยว่ากันในส่วนอื่นที่เกี่ยวข้อง
.
เรื่องที่เพิ่มเติมคือ ไปพิสูจน์เรื่องกฎแห่งกรรมด้วยตัวเอง  ว่า  สิ่งที่กระทำมานั้น ถูกต้องตามกฎแห่งกรรมหรือไม่
.
#ของจริงต้องพิสูจน์ได้ด้วยตนเองเท่านั้น
.
เคยมีเจ้าของกิจการที่มีอำนาจมากที่สุด และ ใหญ่ที่สุดในองค์กรนั้นๆ
.
ปัจจุบันคนนี้ได้เสียชีวิตไปนานแล้ว
.
อาจารย์ผมเคยถอดจิตไปนรก  ไปพบกับวิญญาณของคนๆนี้
อาจารย์ผมท่านบอกต่อไปว่า  วิญญาณตนนี้  ยังต้องรับผลกรรมที่กระทำไว้ในอดีต
กรรมส่วนหนึ่งที่กระทำไว้ก็คือ การใช้อำนาจที่ตนเองมีอยู่ ไปสร้างกรรมกับคนอีกเป็นจำนวนมาก
ถึงแม้ว่า พระศรีอาริยเมตตรัย มาประสูติ , ตรัสรู้ และ ปรินิพพานแล้ว
วิญญาณตนนี้ ยังไม่ขึ้นมาจากขุมนรกขุมนั้นเลย
.
ถ้าอ่านแล้ว  อย่าเชื่อ  ให้ทำไปเรื่อยๆ  ทำไปเยอะๆ  ทำไปมากๆ
แล้วไปพิสูจน์ว่า ผลที่กระทำนั้น จะได้รับผลอย่างไร
.
รวมทั้งไปพิสูจน์ว่า #ระยะเวลาในนรก  มีเวลาที่นานแค่ไหน
#ของจริงสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเองเท่านั้น
.
.
.-------------------------------------.
.
.
ว่าด้วยเรื่อง ระยะเวลาที่เรียกว่ากัป
.
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘
สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
.
๕. ปัพพตสูตร
.
             [๔๒๙] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งได้เข้าไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว ฯลฯ เมื่อภิกษุรูปนั้นนั่งเรียบร้อย
แล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กัปหนึ่ง นาน
เพียงไรหนอแล
.
            พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ กัปหนึ่งนานแล มิใช่ง่ายที่จะนับกัป
นั้นว่าเท่านี้ปี เท่านี้ ๑๐๐ ปี เท่านี้ ๑,๐๐๐ ปี หรือว่าเท่านี้ ๑๐๐,๐๐๐ ปี ฯ
.
            ภิ. ก็พระองค์อาจจะอุปมาได้ไหม พระเจ้าข้า ฯ
.
            [๔๓๐] พ. อาจอุปมาได้ ภิกษุ แล้วจึงตรัสต่อไปว่า ดูกรภิกษุ
เหมือนอย่างว่า ภูเขาหินลูกใหญ่ยาวโยชน์หนึ่ง กว้างโยชน์หนึ่ง สูงโยชน์หนึ่ง
ไม่มีช่อง ไม่มีโพรง เป็นแท่งทึบ บุรุษพึงเอาผ้าแคว้นกาสีมาแล้วปัดภูเขานั้น
๑๐๐ ปีต่อครั้ง ภูเขาหินลูกใหญ่นั้น พึงถึงการหมดไป สิ้นไป เพราะความ
พยายามนี้ ยังเร็วกว่าแล ส่วนกัปหนึ่งยังไม่ถึงการหมดไป สิ้นไป กัปนาน
อย่างนี้แล บรรดากัปที่นานอย่างนี้ พวกเธอท่องเที่ยวไปแล้ว มิใช่หนึ่งกัป มิใช่
ร้อยกัป มิใช่พันกัป มิใช่แสนกัป ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า สงสารนี้
กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้
พอทีเดียวเพื่อจะเบื่อหน่าย ในสังขารทั้งปวง พอเพื่อจะคลายกำหนัด พอเพื่อจะ
หลุดพ้น ดังนี้ ฯ
.
จบสูตรที่ ๕
.
ที่มา เว็บไซด์ 84000
.
.
.
.
.
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘
.
สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
.
๖. สาสปสูตร
.
             [๔๓๑] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ฯลฯ ครั้นภิกษุนั้นนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้ทูลถาม
พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กัปหนึ่งนานเพียงไรหนอแล ฯ
.
            พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ กัปหนึ่งนานแล มิใช่ง่ายที่จะนับกัป
นั้นว่า เท่านี้ปี ฯลฯ หรือว่าเท่านี้ ๑๐๐,๐๐๐ ปี ฯ
.
            ภิ. ก็พระองค์อาจจะอุปมาได้ไหม พระเจ้าข้า ฯ
.
            [๔๓๒] พ. อาจอุปมาได้ ภิกษุ แล้วจึงตรัสต่อไปว่า ดูกรภิกษุ
เหมือนอย่างว่า นครที่ทำด้วยเหล็ก ยาวโยชน์ ๑ กว้างโยชน์ ๑ สูงโยชน์ ๑
เต็มด้วยเมล็ดพันธุ์ผักกาด มีเมล็ดพันธุ์ผักกาดรวมกันเป็นกลุ่มก้อน บุรุษพึงหยิบ
เอาเมล็ดพันธุ์ผักกาดเมล็ดหนึ่งๆ ออกจากนครนั้นโดยล่วงไปหนึ่งร้อยปีต่อเมล็ด
เมล็ดพันธุ์ผักกาดกองใหญ่นั้น พึงถึงความสิ้นไป หมดไป เพราะความพยายาม
นี้ ยังเร็วกว่าแล ส่วนกัปหนึ่งยังไม่ถึงความสิ้นไป หมดไป กัปนานอย่างนี้แล
บรรดากัปที่นานอย่างนี้ พวกเธอท่องเที่ยวไปแล้วมิใช่หนึ่งกัป มิใช่ร้อยกัป มิใช่
พันกัป มิใช่แสนกัป ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้อง
ต้นเบื้องปลายไม่ได้ ฯลฯ พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้ ฯ
.
จบสูตรที่ ๖
.
ที่มา เว็บไซด์ 84000
.
.
.
.
.
#ไม่ว่าใหญ่แค่ไหน
#ไม่ว่ารวยล้นฟ้าเพียงใด
#ไม่มีใครหนีกรรมพ้น
#แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังหนีกรรมไม่พ้น
.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)