ผู้เขียน หัวข้อ: ARRIVAL ไม่มีต้น ไม่มีปลาย  (อ่าน 1231 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
ARRIVAL ไม่มีต้น ไม่มีปลาย
« เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2023, 04:43:43 pm »


ARRIVAL ไม่มีต้น ไม่มีปลาย

Arrival เป็นหนังไซไฟแบบชวนติดตามและชวนให้คิดต่ออย่างพิศวงงงงันว่าอะไรเป็นอะไรในมิติที่เลยพ้นไปจากความเข้าใจของมนุษย์โลกอย่างเราๆ

มนุษย์ต่างดาวที่มาเยือนโลกครั้งนี้ มากันด้วยยานสิบสองลำ มาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย จู่ๆ ก็โผล่ให้เห็นในสถานที่ต่างๆ ทุกทวีปทั่วโลกสิบสองแห่ง ทั้งในมอนตานาของอเมริกา รัสเซีย จีน อินเดีย อเมริกาใต้ ฯลฯ



ยูเอฟโอเหล่านี้มีรูปทรงแปลกพิสดารไม่เหมือนยานใดที่มนุษย์สร้าง เป็นรูปทรงรี และลงจอดในแนวตั้งโดยไม่มีล้อมีฐานใดๆ ทั้งสิ้น

ท่ามกลางความแตกตื่นตกใจของคนทั้งโลก ตลาดหุ้นดิ่งลงเหว ผู้คนกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภค มีการปล้นสะดมทั่วไปหมด

และหลายคนมองเห็นว่านี่อาจเป็นอวสานของโลกก็ได้

ขณะที่มหาอำนาจต่างๆ ทั่วโลกที่ประสบเหตุกำลังพยายามค้นหาจุดประสงค์ในการมาเยือนโลกของยานเหล่านี้



ลุยส์ แบงส์ (เอมี่ อาดัมส์) นักภาษาศาสตร์ชั้นนำของอเมริกา ได้รับการติดต่อจากกองทัพสหรัฐที่เข้าควบคุมสถานการณ์ โดยพันเอกวีเบอร์ (ฟอเรสต์ วิตเทเกอร์) มาติดต่อลุยส์ให้แปลเทปการติดต่อระหว่างทีมอเมริกันกับมนุษย์ต่างดาวในมอนตานา ลุยส์บอกว่าไม่รู้จักภาษานั้นเลย และต้องเจอหน้ากันถึงจะสร้างการสื่อสารด้วยภาษาร่วมกันได้

และนั่นคือสิ่งที่ทีมงานของสหรัฐและทีมงานของชาติต่างๆ ทั่วโลกพยายามทำเพื่อให้เข้าใจจุดประสงค์ในการที่มนุษย์ต่างดาวพวกนี้มาเยือนโลก

พวกเขาไม่มีทีท่าเป็นปฏิปักษ์หรือต้องการจะยึดครองโลก

หรือพวกเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ต้องการมาสังเกตการณ์หรือเก็บข้อมูล

หรือว่าเป็นแค่นักท่องเที่ยวอวกาศ

ทว่า เราจะไว้ใจได้ละหรือต่อสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าแบบที่เราไม่เข้าใจ

โลกทั้งโลกตกอยู่ในบรรยากาศของความตึงเครียดจากการไม่รู้ว่ามหาอำนาจแต่ละฝ่ายจะจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะเมื่อความร่วมมือประสานงานกันเพื่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวในทีแรกนั้น มวลมนุษย์โลกเองก็ไม่อาจไว้ใจกันได้เต็มที่ จึง “กั๊ก” ข้อมูลที่รู้ไว้เฉพาะตน




มนุษย์ต่างดาวพวกนี้รูปร่างหน้าตาแตกต่างไปจากมนุษย์โดยสิ้นเชิง พวกเขาดูเหมือนปลาหมึกที่มีหนวดเจ็ดเส้นเหมือนจะเป็นขา ดังนั้น จึงได้รับการขนานนามว่า “เฮ็ปตาพอด” ซึ่งแปลว่า “ขาเจ็ดขา” นอกจากนั้น ยังมีตารอบตัว

กว่าลุยส์จะเริ่มสื่อสารกันพอเข้าใจภาษาของพวกเขาได้ก็เหนื่อยพอดู และได้รู้ว่าภาษาพูดและภาษาเขียนของพวกเขาแทบจะเป็นคนละภาษากันเลย ที่พอจะสื่อสารเข้าใจกันง่ายกว่าคือภาษาเขียน

ลุยส์ทำงานร่วมกับ ดร.เอียน ดอนเนลลี (เจเรมี่ เรนเนอร์) นักฟิสิกส์เชิงทฤษฎี ซึ่งศึกษาฟิสิกส์ในจักรวาลประมาณเดียวกับไอน์สไตน์ หรือ สตีเฟน ฮอว์กิงส์ กระมัง

เมื่อออกเสียงภาษาเฮปตาพอดด้วยกล่องเสียงของมนุษย์โลกได้ยาก พวกเขาจึงตั้งชื่อให้เฮปตาพอดสองตัวที่มาลงจอดในมอนตานาว่า “แอบบ็อตต์” และ “คัสเตลโล” ซึ่งเป็นคู่หูคู่ฮาในรายการโทรทัศน์สมัยกลางศตวรรษที่ยี่สิบ หลายคนเรียกดาวตลกคู่นี้ว่า “สองเกลอหัวแข็ง”

สองเกลอหัวแข็งดูจะให้ความร่วมมือแก่ทีมทำงานของมนุษย์โลกอย่างดี จนกระทั่ง ดร.ลุยส์ แบงส์ สามารถสื่อสารด้วยพอเข้าใจได้ระดับหนึ่ง



แต่เมื่อพวกเขาตอบคำถามถึงจุดประสงค์ของการมาเยือนโลกว่า “เพื่อมอบอาวุธ” ให้

นั่นคือจุดปะทุของความไม่ไว้ใจของมหาอำนาจจีน ซึ่งประกาศกร้าวจะใช้กำลังอาวุธโจมตีสิ่งที่ดูเหมือนเป็นการรุกรานจากนอกโลก

ขณะที่ลุยส์พยายามอธิบายว่าคำว่า “อาวุธ” อาจหมายถึง “เครื่องมือ” หรือ “เทคโนโลยี” ก็ได้

เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเบื้องหลังเรื่องราวชีวิตส่วนตัวและความสัมพันธ์ของลุยส์กับลูกสาวที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นและเสียชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยโรคร้าย

คำตอบหนึ่งที่ได้จากเฮปตาพอดคือ พวกเขามาเยือนโลกเพื่อกอบกู้โลกไว้ เพื่อที่อีกสามพันปีข้างหน้าโลกจะได้ช่วยพวกเขาบ้าง นั่นคือ เฮปตาพอดมองเห็นอนาคตล่วงหน้าได้ทะลุปรุโปร่ง

มีทฤษฎีเกมแบบหนึ่งที่เรียกว่า เกมที่ไม่มีใครแพ้ไม่มีใครชนะ แต่ทุกฝ่ายเป็นผู้ชนะหมด ซึ่งเรียกในภาษาวิชาการว่า non-zero-sum game หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า win-win situation

ถ้าทุกคนร่วมมือร่วมใจกันช่วยกันหาทางออกแก่ปัญหาที่เผชิญอยู่ ทุกฝ่ายก็มีสิทธิที่จะเป็นผู้ชนะได้ ไม่ใช่ใน zero-sum game ซึ่งต้องลงท้ายด้วยการมีผู้ชนะและผู้แพ้

จุดสำคัญในเรื่องคือลุยส์จะเปลี่ยนใจนายพลชาง (จิ หม่า) ผู้นำจีนผู้แข็งกร้าวได้หรือเปล่า

และที่สุดของที่สุดแล้ว คำถาม (เชิงปรัชญา) ก็คือ เราจะเปลี่ยนอนาคตไหมถ้าเรารู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น และถ้าเราตัดสินใจเปลี่ยน อนาคตก็จะไม่เป็นสิ่งที่เรารู้ล่วงหน้าอีกต่อไป



ดังเรื่องราวในหนัง แม้จะรู้อนาคตล่วงหน้า บางคนก็ยังทำอย่างที่ทำอยู่ ในขณะที่บางคนรับอนาคตไม่ได้ และเลือกที่จะหลีกหนีไปเสียก่อน

 

นี่เป็นหนังที่ส่งบทบาทของ เอมี่ อาดัมส์ ให้โดดเด่นแทบจะคนเดียว เจเรมี่ เรนเนอร์ เป็นแค่บทประกอบที่เสริมแคแร็กเตอร์ของตัวเอก

เช่นเคย เมื่อดูหนังดีๆ ที่สร้างเรื่องราวจากหนังสือ ผู้เขียนก็อดไม่ได้ที่จะซื้อหนังสือมาอ่านตามหลังหนังในทันที Arrival สร้างจากเรื่องสั้นในชื่อว่า The Story of Your Life ของ Ted Chiang ซึ่งอยู่ในหนังสือรวมเรื่องสั้นชื่อเดียวกันนั้น

นอกจากให้ความกระจ่างในหลายจุดของเรื่องราวที่ชวนคิด (ไม่ออก) แล้ว ผู้เขียนยังได้อ่านเรื่องสั้นอื่นๆ ในเล่ม และพบเรื่องราวน่าสนใจและชวนคิดต่ออีกหลายเรื่อง

Arrival เป็นหนังดีมากนะคะ แต่ต้องขอเตือนว่าไม่ใช่หนังไซไฟอวกาศแบบที่มนุษย์ต่อสู้ฟาดฟันกับมนุษย์ต่างดาว เป็นหนังที่อาศัยเรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวเป็นฐานให้เราย้อนกลับมามองดูความเป็นไปและชีวิตของเราเอง

โดยเฉพาะในแง่ที่เกี่ยวกับปัจจุบันกาลและอนาคตกาล

จาก https://www.matichonweekly.com/column/article_22043


<a href="https://www.youtube.com/v//tFMo3UJ4B4g" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">https://www.youtube.com/v//tFMo3UJ4B4g</a>
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...