ไหว้พระจันทร์
คอลัมน์ รู้ไปโม้ด
น้าชาติ ประชาชื่น nachart@yahoo.com
ถึง น้าชาติ
จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว ที่บ้านหนูก็ไหว้เหมือนกัน แต่ไม่ทราบที่มาของเทศกาลนี้น่ะค่ะ
จาก หมวยอินเตอร์
ตอบ หมวยอินเตอร์
ปี นี้เทศกาลไหว้พระจันทร์ตรงกับวันที่ 22 ก.ย. เป็นธรรมเนียมของชาวจีนมาตั้งแต่โบราณว่าจะไหว้พระจันทร์ ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติจีน คนจีนเรียกว่า "จงชิวเจี๋ย" เพราะอยู่ในช่วงกลางของฤดูใบไม้ร่วง
ส่วนที่มาของขนมไหว้พระจันทร์นั้น มีเรื่องเล่ากันสืบมาแบ่งเป็น 2 เรื่องใหญ่ๆ เรื่องแรกเป็นตำนานสุดโรแมนติก
เมื่อ ครั้งที่โลกยังมีดวงอาทิตย์ล้อมรอบ 10 ดวง แต่ละดวงผลัดกันให้แสงสว่างแก่โลก เหล่าเซียนบนสรวงสวรรค์พากันอิจฉาโลกจึงฉุดรั้งให้ดวงอาทิตย์ทั้ง 10 ดวงสาดส่องแสงมายังโลกพร้อมกัน ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน "โฮ่วอี้" จึงยิงธนูเพื่อดับดวงอาทิตย์ไป 9 ดวง เหลือไว้ 1 ดวงเพื่อให้แสงสว่าง ชาวบ้านจึงยกย่องและแต่งตั้งให้เขาเป็นฮ่องเต้
แต่ ดวงอาทิตย์ดวงที่ 9 นั้นเป็นราชบุตรขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้ พระจักรพรรดิแห่งสวรรค์ พระองค์กริ้วและเสียพระทัยที่เสียราชบุตรสุดรักไป จึงสั่งให้นางกำนัลแห่งสวรรค์ ชื่อว่า "ฉางเอ๋อ" นำยาพิษไปให้โฮ่วอี้กินโดยหลอกว่าเป็นยาอายุวัฒนะ
เมื่อพบหน้า ทั้งคู่ต่างตกหลุมรักซึ่งกันและกัน นางมอบยาให้โฮ่วอี้ตามคำสั่งจริง แต่บอกว่ายานี้ ยังกินไม่ได้จนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ระหว่างนั้นนางใช้ชีวิตคู่ร่วมกับคนรักนาน 7 วันและหาทางช่วยคนรัก แต่ในที่สุด ฉางเอ๋อยังหาทางช่วยโฮ่วอี้ไม่ได้ จึงตัดสินใจกินยาพิษเสียเอง
ยา ดังกล่าวไม่ทำให้นางสิ้นชีพ แต่กลับทำให้นางตัวเบาหวิวและลอยขึ้นสู่ฟ้าจนถึงดวงจันทร์ นางตกใจมากเพราะเริ่มหายใจไม่ออกและไอ ทำให้ยาหลุดออกมาจากคอ จากนั้นนางก็บินไม่ได้อีกทำให้กลับมายังโลกไม่ได้และต้องอยู่บนดวงจันทร์ ตลอดไป
นางกลายเป็นจันทราเทวีที่ประพรมน้ำอมฤตลงมาบนพื้นโลกในฤดูกาล เพาะปลูก นำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองแก่ชาวไร่ชาวนา ชาวนาจึงทำขนมโก๋จากแป้งข้าวเจ้าเพื่อสักการะนางในคืนวันเพ็ญเดือน 8 เพื่อแสดงความกตัญญูต่อจันทราเทวี
ส่วนอีกเรื่องหนึ่งออกแนวบู๊ หนังสือ "ตึ่งหนั่งเกี้ย" โดย จิตรา ก่อนันทเกียรติ เล่าว่าในยุคที่มองโกลเรืองอำนาจและยึดครองจีน ชาวมองโกลริบอาวุธของคนจีน บ้าน 3 หลังมีมีดใช้หั่นผักเพียง 1 เล่มเท่านั้น ชาวจีนจึงออกอุบายในการปลดแอกโดยคิดงานไหว้พระ จันทร์ขึ้นและทำขนมเปี๊ยะก้อนใหญ่ไส้หนาเป็นพิเศษเพื่อซ่อนสารในขนมนั้น แล้วให้มีธรรมเนียมแลกขนมเปี๊ยะกันระหว่างญาติมิตร แผนนี้ตบตาพวกมองโกลได้อย่างแนบเนียน
ภายในสาร ระบุเวลากำจัดคนมองโกลว่าเที่ยงคืนของวันเพ็ญเดือน 8 ซึ่งเป็นคืนที่กำหนดให้มีงานไหว้พระจันทร์ ในคืนนั้นทุกบ้านพร้อมใจกันจัดงานไหว้พระจันทร์ ประดับโต๊ะไหว้ให้สวยงาม เพราะเป็นการไหว้เจ้าแม่กวนอิม อาหารที่ไหว้ใช้อาหารเจ มีผลไม้ และขนมไหว้พระจันทร์ พอเที่ยงคืนก็มีการตีเกราะเคาะไม้ส่งสัญญาณแก่กันว่าได้เวลาแล้ว ทุกครอบครัวก็พร้อมใจกันรุมฆ่าคนมองโกลด้วยมีดหั่นผักที่มีอยู่เล่มเดียว นั่นเอง
เมื่อได้เอกราชคืนมา ชาวจีนจึงยึดถือเอาวันเพ็ญเดือน 8 เป็นวันไหว้พระจันทร์สืบต่อมา เพื่อรำลึกถึงการกู้ชาติจากพวกมองโกล