บล็อก > บทความ (Blog)
ไดอารี่...จิตดวงหนึ่ง
lek:
ถ้ามันจะเป็นละครเรื่องหนึ่ง...
ก็คงเป็นตอนที่พระเอกกับนางเอก
ได้มอบความรักและสิ่งดีๆให้แก่กัน
เป็นช่วงเวลาที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
และเอ่อล้นไปด้วยพลังใจอย่างท่วมท้น
แต่ละครตอนนี้มันก็ต้องจบไปผ่านไป...
ความจริงของละครคือต้องเปลี่ยนบทไปเรื่อยๆ
ตัวละครก็ต้องตามแสดงบทที่ได้รับมา...
เป็นช่วงชีวิตที่มีจุดเริ่มต้นจนจุดสิ้นสุด...
ละครจบแล้ว...ชีวิตเราจบแล้ว...
ละครฉายซ้ำได้อีก...ชีวิตเราล่ะ...ซ้ำซากจำเจ
อีกนานแค่ไหน...ถึงจะพอ...
lek:
ฉันพยายามเหลือเกิน...
ที่จะทำดีกับคนที่ทำดีกับฉัน
เพื่อตอบแทนคืนกลับไปให้มากที่สุด
แต่ในขณะเดียวกัน...
ฉันลืมอะไรไปบางอย่าง...
ฉันลืมคนที่ทำดีกับฉันมาตลอดทั้งชีวิต
แต่ฉันกลับไปเห็นคนที่ทำดีกับฉัน
เพียงไม่นานว่าสำคัญกว่าคนที่ทำดีกับฉัน
มาตลอดเวลาตั้งแต่เกิดจน ณ เวลานี้...
หรือฉันคิดว่าคนที่ทำดีกับฉันมาทั้งชีวิต
ให้ฉันได้ไม่มากพอเท่ากับคนที่เพิ่งรู้จัก
ไม่กี่ปี...ทำไมเราจึงคิดแบบนี้ออกไปนะ
ไม่ยุติธรรมกับเขาหรือเปล่านะ...
ทำไมเราต้องแยกแยะความรู้สึกว่า...
แตกต่างกันไม่เหมือนกันนะ...
ทั้งๆที่มันก็เหมือนกันนั่นล่ะ...
แต่เราก็อดที่จะหลงตีค่าตีราคาออกไปหลากหลาย
จนมันไม่เหมือนกัน เป็นเพราะเราแต่งตั้งตัวตนเอง
จัดการแยกระบบความเหลื่อมล้ำพอใจของแต่ละสิ่ง
ที่มีผลกระทบกับความรู้สึกนึกคิดของเรา...
lek:
เวลาที่เราคิดว่าคนอื่นนั้นไม่ดี
แต่สุดท้ายแล้วมารู้ว่าคนนั้นกลับดีมาก
ทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ดีเลยที่คิดแบบนั้น
เป็นเพราะความไม่เชื่อใจความระแวงสงสัย
ความคิดมากวิตกจริตที่ฝังอยู่ในสันดาน
พอคิดว่าจะลองกลับมาคิดดีๆกับคนอื่น
ก็กลัวอีกว่าคนอื่นๆที่ว่านี้ไม่ใช่คนดีกันทุกคนได้หรอก
สรุปคือก็ยังคงระวังแต่จะระแวงน้อยลง :38:
lek:
ได้รับสิ่งดีๆจากผู้มีพระคุณ
รู้สึกเป็นสุขใจยิ่ง...นี่แหละเรียกว่าความสุข
แล้วความสุขที่แท้จริงล่ะ...
ถ้าแท้จริงคงไม่จางหายไป
มันจะคงอยู่เช่นนี้ตลอดไป...
แต่ถ้าความสุขที่เรารู้สึกว่ามันหายไป
นั่นแหละ...ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง
เราสร้างความสุขขึ้นมาหลอกตัวเองชั่วคราวเท่านั้นเอง
lek:
ความรู้สึกมันปรุงแต่งขึ้นมาแล้ว
สติเราก็เลอะเลือนไปเรื่อยๆ
เราปล่อยใจไปตามความรู้สึกนั้นๆ
จนเพลินไปกับเรื่องราวที่มีตัวตน
เป็นประโยชน์หรือโทษสุดแล้วแต่
สติปัญญาจะสั่งสมมาแค่ไหน...
ช้าเร็วก็ตามแต่กำลังที่ได้ฝึกปฏิบัติมา
เข้าใจได้แค่ไหนก็แล้วแต่...
ความเป็นมาและความเป็นไป...
ขณะที่กำลังคิดสร้างเรื่องราวเข้าข้างตัวเอง
ทำให้รู้สึกโหวงๆเชื่อมใจเป็นห้วงๆในใจ...
เหมือนมีแรงดึงดูดและผลักดันเวลาที่คิด
เป็นแรงโน้มถ่วงที่เป็นความแปลกมหัศจรรย์
จะว่าเป็นความทุกข์ก็ไม่เชิงสุขก็ไม่ใช่...
มันก้ำกึ่งระหว่างสองอย่างเหมือนอยู่ตรงกลาง
อย่างลังเลว่าจะเลือกไปฟากฝั่งไหนดี...
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version