แสงธรรมนำใจ > บิดามารดาบุพการี (พระอริยะในบ้าน)

24 ยอดกตัญญู ♥ คุณธรรมพันปี (二十四孝故事) ~ .. ('_^)b

(1/3) > >>

ดอกไม้ในที่ลับตา ~ ღ:
 
24 ยอดกตัญญู ... คุณธรรมพันปี (二十四孝故事)



    กระทู้นี้ปรารถนาที่จะแนะนำให้ทุกท่านได้อ่าน..  สัมผัสถึง ความหมายและผลอันยิ่งใหญ่ประมาณค่ามิได้ของ1ในคุณธรรมสูงสุด .. แห่ง  คำว่า "กตัญญู"  อีกทั้งร่วมสรรเสริญ ศึกษาเจริญรอยตาม เลียนแบบอย่าง (นำมาปรับใช้ให้เหมาะสมในท่ามกลางชีวิตประจำวันของแต่ละท่าน) ถึง.. บุคคลยอดกตัญญูของจีนในอดีต ซึ่งกล่าวถึงมากว่าพันปี และ จวบจนปัจจุบันนี้ ก็ยังคงมีการกล่าวขานกันถึงอยู่ไม่รู้จบค่ะ..เพราะ อันว่า ความกตัญญูนั้น ไม่วันตาย .. ลูกกตัญญูทั้งหลายไม่เคยมีใครตกอับ หรือ ไม่เจริญรุ่งเรืองซักคนเดียวค่ะ..อีกทั้ง พระพุทธองค์ท่านทรงสรรเสริญผู้กตัญญูรู้คุณ บิดา-มารดา .. ท่านพุทธทาส เคยแต่งหนังสือที่มีชื่อว่า "โลกรอดได้เพราะกตัญญู"  ..


.. การกตัญญูต่อบิดา-มารดา ตลอดจนการทำความดีกตัญญูรู้คุณต่อผู้อื่นที่มีพระคุณต่อเรา  เป็นสิ่งประเสริฐสุดโดยแท้ .. ขอเชิญทุกท่าน ร่วมสัมผัส ถึง ตำนานแห่งความกตัญญูทั้ง24รูปแบบนี้ได้เลยค่ะ.. ^^

 
   
 
 
 
หยีซุน.. กตัญญูจนได้บัลลังก์

หยีซุ่น แซ่เหยา กำพร้าแม่แต่เด็ก บิดาชื่อกู่โส่ว แม่เลี้ยงกับลูกมีจิตใจคับแคบ หยาบช้าเห็นแก่ตัว แม้ว่าซุ่นจะถูกแม่เลี้ยงกับลูกวางแผนเผาทั้งเป็นและกลบฝังในบ่อน้ำแต่ก็รอดมาได้ทั้งสองครั้ง โดยซุ่นมิได้ถือโทษโกรธเคืองแม้แต่น้อย

ซุ่นทำนาอยู่ที่เชิงเขาลิซัน มีช้างมาช่วยไถนา และมีฝูงนกมาช่วยกำจัดวัชพืชอย่างน่าอัศจรรย์ ความกตัญญูตกเวทีของซุ่น เมื่อพระเจ้าตี้เหยาทรงทราบ จึงส่งพระโอรสเก้าองค์ไปช่วยซุ่นทำนา และยกพระธิดาสององค์ให้เป็นภริยาของซุ่น

เมื่อพระเจ้าตี้เหยาทรงชรามากแล้ว ได้มอบราชบัลลังก์แต่ซุ่น ทรงพระนามว่า พระเจ้าซุ่นตี้

     


ฮั่นเหวินตี้ ชิมโอสถ..

สมัยราชวงศ์ฮั่น ฮั่นเหวินตี้ได้ขึ้นครองราชย์สืบต่อจากพระเจ้าฮั่นโกโจ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ฮั่น พระเจ้า เหวินตี้ เป็นผู้มีความกตัญญูเป็นเลิศ ทุกเช้าค่ำพระองค์จะต้องเสด็จไปเยี่ยมถามทุกข์สุขของพระมารดา

ครั้งหนึ่งพระมารดาเกิดล้มป่วยลง พระเจ้าเหวินตี้กระวนกระวายพระทัยมาก ทุกวันนอกจากการบริหารราชการแผ่นดินแล้ว พระองค์ไม่กล้าห่างกายพระมารดาแม้แต่ก้าวเดียว นอกจากนี้โอสถที่พระมารดาเสวยทุกชาม พระเจ้าเหวินตี้จะต้องลองชิมดูด้วยพระองค์เองก่อนทุกครั้ง ว่าจะร้อนไป ขมไป หรือยาแรงไปหรือไม่ แล้วพระองค์จึงค่อยป้อนพระมารดา พระมารดาป่วยอยู่ 3 ปี ที่สุดก็ค่อย ๆ หายเป็นปกติ ..




:
:
:


ดอกไม้ในที่ลับตา ~ ღ:
กัดนิ้วเรียกบุตร

สมัยราชวงศ์โจว เจิงเซินเป็นศิษย์ในสำนักขงจื๊อเป็นผู้มีความกตัญญูต่อผู้บังเกิดเกล้ายิ่ง
วันหนึ่งขณะที่เขากำลังตัดฟืนอยู่ในป่า มีแขกคนหนึ่งมาเยือนที่บ้าน เนื่องจากเจิงเซินไม่อยู่ อีกทั้งไม่มีเงินจะซื้ออาหารมาต้อนรับแขกตามธรรมเนียม มารดาร้อนใจที่รอแล้วรอเล่าบุตรก็ยังไม่กลับมา ที่สุดนางเกิดความคิดขึ้นว่าสายเลือดของแม่กับลูกนั้นมีความสัมพันธ์ต่อกัน จึงใช้ฟันกัดนิ้วของตนเองจนแตก ในบัดดลนั้นเอง เจิงเซินกำลังตัดฟืนอยู่ในป่าก็รู้สึกเจ็บเสียวในอก เขาสังหรณ์ใจว่า ทางบ้านคงเกิดเหตุอะไรขึ้น จึงรีบแบกฟืนกลับบ้านทันที!

          :


:

:แบกข้าวร้อยลี้

สมัยราชวงศ์โจว จื่อลู่เป็นศิษย์คนหนึ่งในสำนักขงจื๊อ ครอบครัวของเขายากจนมาก ต้องไปเก็บผักป่ามากินประทังชีวิต เพื่อเลี้ยงดูผู้บังเกิดเกล้า เขาต้องไปรับจ้างทำงานไกลบ้าน ครั้นได้เงินมาก็จะซื้อข้าวสาร แล้วแบกกลับบ้านเป็นระยะทางไกลนับร้อยลี้เป็นประจำ

เมื่อบิดามารดาเสียชีวิตแล้ว จื่อลู่เดินทางลงใต้ไปรับราชการที่แคว้นฉู่จนได้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ แม้ว่าบัดนี้ชีวิตความเป็นอยู่ของเขาจะสมบูรณ์พูนสุข แต่จิตใจเขาก็ยังคงรำลึกถึงพ่อแม่อยู่เสมอ เขามักจะรำพึงรำพันว่า “แม้ว่าบัดนี้เราจะมั่งมีศรีสุข แต่เมื่อพ่อแม่ไม่อยู่แล้ว การอยู่ดีกินดีจะมีความหมายอะไร ยังคิดอยากจะเหมือนเช่นแต่ก่อนที่กินผักป่าและแบกข้าวไกลร้อยลี้เพื่อเลี้ยงดูพ่อแม่ เสียดายที่วันเวลาเหล่านี้ไม่สามารถหวนกลับมาอีกแล้ว”   

     

      :


:

:

ดอกไม้ในที่ลับตา ~ ღ:
 แม่เลี้ยง ลูกเลี้ยง

สมัยราชวงศ์โจว จื่อเชียนกำพร้ามารดาแต่เด็ก บิดามีภรรยาใหม่ มีบุตรด้วยกัน 2 คน แม่เลี้ยงเกลียดชังจื่อเชียนมาก มักหาเรื่องดุด่าเฆี่ยนตีอยู่เสมอ

วันหนึ่งในฤดูหนาว บิดาใช้ให้จื่อเชียน เข็นรถม้าออกไปข้างนอกเพื่อจะไปธุระ ขณะที่จื่อเชียนกำลังเข็นรถม้าเชือกบังเหียนที่บังคับม้าหลุดจากมือ เมื่อบิดาตรวจดูเสื้อผ้าของจื่เชียน ก็รู้ว่าเลื้อกันหนาวของบุตรภายในบุด้วยนุ่นเทียม ครั้นไปตรวจดูเสื้อผ้าของลูกอีกสองคนปรากฎว่าภายในบุด้วยนุ่นอย่างดี บิดาโมโหสุดขีด คิดจะขับไล่นางไปจากบ้าน จื่อเชียนรีบคุกเข่า พูดว่า “พ่ออย่าไล่แม่ไปนะครับ ถ้าแม่อยู่ผมหนาวคนเดียวเท่านั้น ถ้าแม่ไปเราสามคนต้องลำบากไร้คนดูแล” นางได้ฟังคำของลูกเลี้ยง รู้สึกตื้นตันใจมาก ได้สำนึกผิด ตั้งแต่นั้นมานางก็รักเอ็นดูจื่อเชียนเสมอบุตรของตน



:


:

:

รีดนมกวาง

สมัยราชวงศ์โจว ถันจื่อเป็นผู้มีความกตัญญูเป็นเลิศ บิดามารดามีอายุมากแล้วและเป็นโรคตาทั้งคู่ มีคนบอกว่าน้ำนมกวางสามารถรักษาได้ จึงอยากจะกินน้ำนมกวาง ถันจื่อจึงไปหาซื้อหนังกวางมาคลุมตัว แล้วบุกเข้าไปในป่า แทรกตัวปะปนอยู่ในฝูงกวางโดยกวางไม่สงสัย เขาจึงรีดน้ำนมใส่กา

ขณะที่เขากำลังนำนมกวางกลับบ้าน มีนายพรานมาพบเข้า เขาเกือบจะถูกนายพรานยิงตายด้วยลูกธนู เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นกวาง เมื่อถันจื่อเล่าสาเหตุที่ต้องปลอมเป็นกวางให้ทราบ นายพรานยกย่องชมเชยในความกตัญญูของเขามาก เมื่อบิดามารดาได้ดื่มน้ำนมกวาง โรคตาก็หายวันหายคืนจนเป็นปกติ ..




:


:

:

ดอกไม้ในที่ลับตา ~ ღ:
 ความกตัญญูของคนแก่

สมัยราชวงศ์โจว เหล่าไหลจื่อเป็นคนกตัญญูต่อผู้บังเกิดเกล้าอย่างยิ่ง เขาอายุ 70 ปีแล้ว พ่อแม่ยังแข็งแรงดี เขารู้ว่า พ่อแม่อายุมากแล้ว ดังนั้นจึงเลือกสรรแต่อาหารดี ๆ ที่ท่านชอบมาเลี้ยงดู

และเพื่อให้พ่อแม่สำราญบันเทิงใจ บางครั้งเขาจะสวมเสื้อผ้าหลากสี แล้วร้องรำทำเพลงดังเช่นเด็กๆ หรือทำเป็นเด็กเล่นหาบน้ำ แสร้งลื่นหกล้ม แล้วทำเสียงร้องไห้เหมือนเด็กน้อย หรือออดอ้อนออเซาะเหมือนครั้งยังเด็ก ทำให้พ่อแม่เกิดอารมณ์ขำขันสำราญใจ ^^ ..




:


:

:

สะใภ้กตัญญู

สมัยราชวงศ์ฮั่น หลี่เสี้ยวฟู่แต่งงานเมื่ออายุ 16 ปี ยังไม่มีลูก สามีไปค้าขายยังต่างแดน ก่อนออกเดินทางได้กล่าวกับนางว่า ครอบครัวเรายากจนจึงจำต้องไปค้าขายยังแดนไกล ภายหน้าถ้าร่ำรวยกลับมาก็ดี หากไม่ได้กลับมาเจ้าจะยอมรับภาระเลี้ยงดูแม่ข้ามั้ย? นางรับปากโดยไม่ลังเลสามีนางดีใจมาก ได้ถามย้ำแล้วย้ำอีกจนแน่ใจแล้วจึงอำลาจากไป

ตั้งแต่นั้นมา สามีนางก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย ทุกวันนางต้องทอผ้าจนมือค่ำ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูแม่สามี พ่อแม่ของนางเห็นว่า ลูกสาวอายุยังน้อย จะให้นางแต่งงานใหม่ นางกล่าวว่า ก่อนสามีจะไปได้สั่งให้เลี้ยงดูแม่เขา ซึ่งก็ได้รับปากแล้ว หากฉันเสียสัจจะจะสู้หน้าฟ้าดินและสามีได้อย่างไร นางร่ำไห้จะฆ่าตัวตาย พ่อแม่นางจึงเลิกราไม่กล้าบังคับอีก เมื่อทางราชสำนักทราบเรื่องนี้ ได้พระราชทานทอง 200 ตำลึงและป้ายสะใภ้กตัญญูแก่นาง ..




:


:

:

ดอกไม้ในที่ลับตา ~ ღ:
 แกะสลักรูปพ่อแม่

สมัยราชวงศ์ฮั่น ชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อติงหลัน พ่อแม่ตายตั้งแต่เขายังเด็ก จึงไม่มีโอกาสปรนนิบัติเลี้ยงดูทดแทนพระคุณ เขาเฝ้าแต่ระลึกถึงพระคุณของท่านทุกวันคือจึงแกะสลักรูปบิดามารดาขึ้นประดิษฐานบนแท่นบูชาไว้กราบไหว้แทนตัว ทุกเช้าค่ำจะจัดอาหารเซ่นไหว้ปรนนิบัติดูแลเสมือนท่านทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ เมื่อนานวันเข้าภรรยาของเขาเกิดรำคาญและเบื่อหน่าย จึงเอาเข็มแทงเล่นที่นิ้วของรูปสลัก ทันใดนั้นก็มีเลือดไหลออกมา เมื่อติงหลันกลับมาเห็นรูปสลักมีน้ำตาไหล เกิดความสงสัย จึงสอบถามสาเหตุ ครั้นทราบว่าภรรยาใช้เข็มแทงนิ้วรูปพ่อแม่ จึงหย่าขาดจากภรรยา..

    :


:

:
แบกมารดาหนีภัย

สมัยราชวงศ์ฮั่น เจียงเกอเป็นลูกกตัญญูที่กำพร้าพ่อแต่เด็ก อยู่กับมารดาผู้ชราเพียงสองคน ตอนนั้นบ้านเมืองเกิดความไม่สงบ โจรผู้ชายชุกชุม เขาจึงแบกมารดาไว้บนหลังหนีภัยไปอยู่ตำบลอื่น ระหว่างทางเกิดเจอกับพวกโจรๆ จะจับเขาไปเป็นพวก เจียงเกออ้อนวอนหัวหน้าโจรว่า “ได้โปรดเถิด ผมยังมีแม่ที่ต้องเลี้ยงดู หากผมไปกับพวกท่าน แม่ผมก็จะไม่มีใครดูแล”

หัวหน้าโจรเห็นเขามีความกตัญญูเช่นนี้เกิดความประทับใจ จึงปล่อยแม่ลูกไป เขาหนีภัยไปอยู่ในตำบลหนึ่ง ยากจนเข็ญใจมากไม่มีเสื้อ ไม่มีรองเท้า ทุกวันต้องไปรับจ้างเขาทำงาน เมื่อได้เงินก็นำมาบำรุงเลี้ยงมารดาจำเป็นต้องกินต้องใช้ทุกวัน เขาจะซื้อหามาไม่ให้ขาด จะเห็นได้ว่าคนจนก็สามารถแสดงความกตัญญูได้  ..


   :


:

:

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

ตอบ

Go to full version