แสงธรรมนำใจ > วัชรยาน
ไตร่ ตรอง มอง หลัก…
ฐิตา:
ไตร่ ตรอง มอง หลัก…
โดย เขมานันทะ
บรรยายแก่ นักศึกษาระดับปริญญาโท สาขาศาสนาเปรียบเทียบ
มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา
สาระสำคัญแห่งวัชรยานตันตระ
หัวข้อที่กำหนดไว้คือสาระสำคัญแห่งวัชระยาน ที่จริงชื่อนี้เป็นชื่อที่คนไทยทั่วไปไม่ค่อยคุ้น ผมเองสนใจและผูกพันกับวัชรยานมานานแล้วและส่วนใหญ่ก็เป็นการคบกับบุคคลที่เป็นชาววัชรยาน โดยแท้จริงผมอ่านตำราน้อยมาก ดังนั้นการบรรยายของผมต้องถือเป็นการบรรยายโดยอัตนัยเป็นการบอกข่าวสารที่ตัวเองรับทราบและหลายเรื่องหลายตอนที่ผมเองก็ไม่สู้จะแน่ใจนัก เพราะตัวเองก็ไม่ใช่ชาวธิเบตที่เกิดในท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เรียกว่าวัชรยาน พูดเพื่อให้เห็นที่มาและที่ไปก่อน แม้ผมจะเป็นผู้บรรยายก็จริง โดยแท้จริงแล้วผมเป็นคนหนึ่งที่กำลังศึกษาอยู่
สิ่งแรกที่ผมจะกล่าวนำในที่นี้คือ เมื่อเราจะศึกษาสิ่งใดใหม่ จำเป็นมากที่เรา ต้องขยายฐานการสังเกตให้กว้างเข้าไว้ นั่นก็คือเราต้องทำใจกว้างไว้ก่อน จะโดยสมัครใจหรือหรือไม่ก็ตาม เมื่อเราเกิดในแผ่นดินนี้ เราจะรับทราบพุทธศาสนาในรูปใดรูปหนึ่งหรือส่วนใดส่วนหนึ่ง ดังนั้นทัศนคติของเราจะมีโดยพื้นฐาน ไม่ว่าเราจะไปบวชมาแล้วหรือไม่ได้บวช สังคมที่เราอาศัยอยู่เป็นเสมือนเบ้าหลอมทำให้เรารู้สึกโดยไม่รู้ตัว เช่นทัศนคติแบบเถรวาท เมื่อสมัยที่ ผมเป็นนักบวช ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่สังคมกำลังต้องการคำตอบจากพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก เห็นจะประมาณสัก 10 ปีที่แล้ว ผมเคยเสนอที่ประชุมสงฆ์ พูดเล่น ๆ เพื่อให้รู้สึกถึงความแปลกประหลาด
ผมเสนอให้พระสงฆ์มีเมียได้ ปรากฏว่าเกิดปฏิกิริยาขึ้นทั่วถึงในที่ประชุมนั้น เพราะถือว่าพระสงฆ์เป็นผู้บริสุทธิ์ จะแตะต้องแปดเปื้อนไม่ได้ ที่จริงการที่ผมเสนอเช่นนั้น ผมไม่ได้หมายถึงให้พระสงฆ์ไปมีภรรยาจริง ๆ ผมหมายเพียงแต่ว่า เราต้องขยายฐานของการปฏิบัติธรรมให้กว้าง เช่นให้มีคฤหัสถ์ที่ปฏิบัติธรรม พระที่บริสุทธิ์และมีคล้าย ๆ กับจะเป็นครึ่งพระครึ่งโยม ซึ่งมีลูกมีเมีย ที่จริงสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งใหม่ ที่ประเทศอินโดนีเซียและบาหลีนั้น พระสงฆ์เกิดจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่การบวช ประชาชนในถิ่นนั้นจะเลือกอุบาสกคนหนึ่งหรือกี่คนก็ได้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เลือกทั้งตระกูลขึ้นเป็นพระ เรียกพระปทันตาหรือเปมังกุ ผมรับทราบครั้งแรกงงๆ เพราะทัศนะเถรวาทเรานั้น พระสงฆ์ต้องเกิดจากการบวชหรือสมัครใจ
ฐิตา:
ในเบื้องต้นนี้ ผมใคร่ทำความเข้าใจว่า เราทำใจให้กว้างในการที่จะรับทราบ ในสิ่งที่เราอาจจะคิดไม่ถึงหรือไม่เชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัชรยานหรือเราไปเห็นท่วงท่าหรือการไหวเคลื่อนของเขาแล้ว เราอาจจะงง ไม่ว่าศิลปวัตถุ ประเพณีนิยมต่าง ๆ หรือธรรมเนียมที่สอนกันมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ เรื่องที่นำเอาสิ่งที่เถรวาทหรือนิกายอื่นถือว่าเป็นอุปสรรคมาเป็นเครื่องสนับสนุน พูดตรงๆ ก็คือว่า ฝ่ายเถรวาทเราถือว่ากิเลสเป็นเรื่องที่ต้องละให้ห่างไกล ฝ่ายวัชรยานหรือบางนิกายในอินเดียกลับถือว่าต้องเอากิเลสเป็นเครื่องผลักดัน เราต้องรับฟังด้วยใจกว้าง ๆ ก่อน คือ อย่าเพิ่งเชื่อและอย่าเพิ่งปฏิเสธ ควรก้าวไปสู่รายละเอียดอย่างมีระบบและด้วยการเห็นชัดเจนว่า เราจะใช้สิ่งที่เป็นอุปสรรคให้เป็นอุปการะได้อย่างไร ดังนั้นในการทำความเข้าใจสิ่งใหม่ เราต้องการรากฐานเพื่อที่ไต่ไปตามลำดับ
สมมติว่าเราได้ยินครั้งแรกว่า วัชรยานถือเอาพลังทางเพศเป็นเครื่องผลักดัน เราก็รับไม่ได้เพราะเราคุ้นกับฝ่ายเถรวาท และโดยทั่วไปนั้นวัชรยานถูกนำเสนอในประเทศนี้อย่างผิดพลาดตั้งแต่ต้นมือ ประมาณ 20ปีที่แล้วมีหนังสือกล่าวถึงวัชรยานอย่างไร้สติ ผมได้คุยกับรินโปเช่คนหนึ่งซึ่งเป็นผุ้ใกล้ชิดกับองค์ดาไลลามะถึงหนังสือเล่มนั้น ซึ่งเขียนโดยนักปราชญ์ของประเทศนี้ เป็นการเขียนที่ไร้สติและเต็มไปด้วยอคติ จึงทำให้เกิดความเสียหายแก่วัชรยาน เช่นถือเอาวัชรยานเป็นยานที่ใช้การร่วมเพศกัน โดยใช้มนตราเพื่อปลุกกระพือแรงราคะ เขียนเช่นนี้เพื่อให้พังพินาศ รินโปเช่ท่านนั้นได้แสดงความเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะว่าแท้จริงวัชรยานไม่ใช่สิ่งนี้ รินโปเช่คือตำแหน่งสหชาติของดาไลลามะ เมื่อเลือกองค์ดาไลลามะนั้น ดาไลลามะจะเลือกคนที่เกิดวันเดียวกันกับพระองค์มาเป็นสหชาติ คล้าย ๆ ตำแหน่งสมเด็จทางสงฆ์ในประเทศเราอะไรทำนองนั้น
ถ้าให้ผมพูดถึงสาระสำคัญของวัชรยานตามหัวข้อก็ตอบได้เลยและจบการบรรยาย นั่นคือสาระสำคัญของวัชรยาน ก็คือวัชรญาณ นั่นเองคือ ญาณสายฟ้า สายฟ้าแลบหรือญาณที่คมประดุจเพชร เครื่องตัดอวิชชาเป็นญาณที่เกิดอย่างฉับพลันทันใด และเปลี่ยนชีวิตคนได้ หากแต่สาระต้องประกอบด้วยเนื้อหาด้านอื่น ผมเองมีความเชื่อว่า รูปแบบและเนื้อหามาด้วยกัน
ดังนั้นเราต้องพิจารณาถึงฐานหรือฐานะที่มาของวัชรยานและประกอบกับฐานะที่เป็นจริงในโลกปัจจุบัน พูดถึงปัจจุบันเสียก่อนเพราะว่าง่ายและสั้น เดี๋ยวนี้ถ้าใครคิดจะสัมผัสแนวคิดหรือระบบของวัชรยานนั้นต้องมุ่งตรงไปที่สิกขิม ภูฐาน แต่เดิมนั้นเรามี ทิเบต แต่ว่าปัจจุบันเรารู้กันดีว่า จีนได้ฮุบแผ่นดินทิเบตรวมทั้งทำลายรากฐานทิเบตไปไม่ใช่น้อย แม้ปัจจุบันจีนจะประกาศให้ทิเบตกลับบ้านได้ แต่ต้องทำวีซ่าผ่านปักกิ่งเท่ากับเป็นการบังคับให้ชาวทิเบตเป็นชาวจีนโดยไม่มีทางต่อสู้
เมื่อผมพูดถึงวัชรยานย่อมกินความรวมไปถึงนิกายต่าง ๆ ทุกนิกายของทิเบตด้วย โดยแท้จริงแล้ววัชรยานไม่ใช่ชื่อของนิกายแต่เป็นชื่อของญาณ ฉะนั้นทุกนิกายของทิเบตจะมีความเชื่อหรือแนวโน้มเอียงที่จะเชื่อว่าตัวเองคือวัชรยาน นิกายของทิเบตนั้นก็มีหลายนิกาย เช่น ศากยะ เกลุกปะ กักยุกปะ และฌิงมา ผมเชื่อว่าทุกท่านได้รับการอธิบายไว้มากพอสมควรแล้ว
ในอินเดียครั้งกระโน้นหรือแม้เดี๋ยวนี้ เมื่อผมพูดว่าอินเดียครั้งกระนั้นก็ไม่ได้แตกต่างจากเดี๋ยวนี้มากนัก โดยแท้จริงแล้วอินเดียเป็นชาติที่เหมือนพิพิธภัณฑ์โบราณ นักบวชเปลือยยังเดินตามถนนในกัลกัตตา อินเดียยังเป็นอินเดีย เมื่อนักวิชาการฝรั่งเข้าไปช่วยพัฒนาก็เจอปัญหามาก เพราะว่าอินเดียไม่ได้เป็นไปตามหลักทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ โดยเฉพาะเนห์รูได้พูดว่า เขาจะไม่ยอมปรับอินเดียให้เหมือนนักคิดฝรั่ง เพราะว่าอะไรที่อินเดียเป็น อันนั้นก็คืออินเดีย
ฐิตา:
อินเดียนั้น เป็นแหล่งกำเนิดของความเชื่อทางศาสนาที่เหลือจะคาดคิดเอาได้ ดังที่เราได้อ่านจากเรื่อง กามนิต-วาสิฏฐี แล้วทุก ๆ ความเชื่อทุก ๆ กิจกรรมของชาวอินเดีย ทุก ๆ การกระทำถือเอาเป็นทาง เป็นมรรควิถี ( The Way of Life ) ทั้งสิ้น ดังนั้นการที่เขาเลือกเป็นโจรก็เป็นมรรคในพระสูตรของเถรวาทนี้พระพุทธเจ้าสอนโจรกลุ่มหนึ่ง เพราะโจรถามว่าทำอย่างไรก๊กโจรถึงจะตั้งมั่นได้ พระพุทธเจ้าทรงตรัสสนอง เราต้องรู้ต้องเข้าใจพระพุทธเจ้าว่า ท่านไม่ใช่นักจริยธรรมอย่างเดียว ท่านเป็นผู้รู้ รู้ทางเจริญทางเสื่อมของทุกสิ่ง สาวกของพระพุทธเจ้ามีหลายอาชีพ โจรก็มีโสเภณีก็มี เมื่อโจรถามพระพุทธเจ้าว่า ก๊กโจรจะตั้งมั่นได้ด้วยธรรมอย่างไร พระพุทธเจ้าสอนว่า ประการแรกอย่าปล้นราชทรัพย์ แล้วก็อย่าข่มขืนสตรีจะเสื่อมเสียก๊กโจร อย่าปล้นใกล้ถิ่น แล้วว่าท่านก็สอนไปเรื่อย แล้วก็มีข้อหนึ่ง ข้อสุดท้ายท่านสอนว่า เมื่อถึงเวลาอันควร ควรเลิกเป็นโจรเสีย ท่านสอนเพื่อให้เขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการและชี้ช่องทางที่ประเสริฐกว่าด้วย ในอินเดียการเป็นโสเภณีนั้นถือเป็นมรรควิถีหรือวิถีธรรมด้วยเช่นกัน
นางระบำคาบูกิในญี่ปุ่นเข้าถึงการตรัสรู้ในขณะที่รำฟ้อนอยู่ หรือเจ้าสำนักซามูไรอย่างมิยาโมโตะ มูซาซิ ตรัสรู้ในขณะที่กำลังจะฟาดฟันกับศัตรู
ดังนั้นเราต้องเข้าใจว่า ธรรมนั้นคือทาง แม้สิ่งที่เรียกว่ากามสุขัลลิกานุโยคนั้น ไม่ใช่อะไรอื่นเป็นแนวคิดที่ว่าด้วยการเสพกามนี้เพื่อให้ถึงการหลุดพ้น อย่าคิดว่ากามสุขัลลิกานุโยคคือ การเสพสุขสามัญ มันเป็นทางเป็นลัทธิ พระพุทธเจ้าจึงบอกปฏิเสธกามสุขและการทรมานตนเอง คือท่านปฏิเสธแนวคิดแนวทางสุดสวิง 2 แนวในอินเดียในครั้งกระนั้น แล้วท่านเสนอแนวทางใหม่ ชาวเถรวาทถือว่าทางสายกลางป็นทางใหม่ในเมื่อชาววัชรยานถือลักษณะข้างบวก ( Positive ) โอบอุ้มไว้ทุก ๆ นิกาย แต่วัชรยานไม่ใช่กามสุขัลลิกานุโยคโดยทั่วไป
เมื่อเราพูดถึงวัชรยานเรามักจะพูดรวม ๆ ถึง “ ตันตระ “ ที่จริงพอเราได้ยินตันตระ เราปฏิเสธทันที ถ้าเราเป็นเถรวาท นั่นเกินไป ตันตระไม่ใช่วัชรยาน ตันตระเป็นชื่อของยุคสมัยหนึ่งที่ทิศทางของมัน เนื้อหาสาระแผ่คลุมไปทุกลัทธิ ถ้าพูดให้ถูกเราต้องพูดว่าพุทธตันตระ หรือชินะตันตระหรือฮินดูตันตระจึงจะถูก
ดังนั้นถ้าเรามองผ่านสัญลักษณ์อันนี้จะพบว่า วัชรยานไม่ใช่ลัทธิตันตระธรรมดา แต่เป็นลักษณะของตันตระแบบพุทธ และดังนั้นหนังสือที่เขียนโจมตีอย่างมีอคติเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เป็นเรื่องเสียหายแก่วัชรยาน วัชรยานรับเอาตันตระมาด้วยวินัยชั้นสูง
ดังนั้นข้อสรุปอีกข้อหนึ่งในเบื้องต้นคือว่า วัชรยานนั้นเป็นวิธีปฏิบัติของผู้ที่พร้อมไปด้วยวินัยแล้ว คือสมบูรณ์พร้อมไปด้วยพลังของสติ พลังของมนสิการอย่างพอเพียงและดังนั้นพลังอันนี้จะเปลี่ยนกิเลสให้เป็นโพธิ์ได้ พูดง่าย ๆ เมื่อกิเลสปรากฎและเห็นมันด้วยพลังของสติ พลังของมนสิการอย่างพอเพียง และดังนั้นพลังอันนี้จะเปลี่ยนกิเลสให้เป็นโพธิได้ พูดง่าย ๆ เมื่อกิเลสปรากฏและเห็นมันด้วยพลังของสติสมาธิ เมื่อนั้นกลับกลายเป็นปัญญาเกิดความสว่างไสวทางปัญญา ปราศจากกิเลสก็ไม่มีปัญญา กิเลสนั่นเองทำให้ได้ปัญญา
ฐิตา:
ถ้าผมปูรากฐานแล้วก็พอฟังได้ แต่ประโยคนี้ถ้าไปพูดในวัด ถ้าไม่ปูรากฐานแล้วบอกว่า กิเลสนี่คือปัญญาคงลำบาก พระสงฆ์จะเข้าใจไม่ได้ด้วย แล้วชาวบ้านก็เข้าใจไม่ได้ว่ากิเลสมันเป็นปัญญาอย่างไร ผมกลัวว่ารากฐานจะยังไม่พอ
ความคิดของชาวจีนในครั้งโบราณนั้นมีความเชื่อต่อพลังชีวิต ( Chi ) ซึ่งเป็นที่มาของหนังจีนกำลังภายใน ชาวจีนนี่ตัดสินทุกสิ่งทุกอย่างจากพลังชีวิต พัฒนาทุกสิ่งจากพลังชีวิต เชื่อกันว่าผู้หญิงก็ได้ผู้ชายก็ได้สามารถสะสมพลังได้มาก และกลับกลายเป็นคนพิเศษถึงระดับเซียน เซียนก็คือเทพ ถึงระดับเทพ คนคนหนึ่งสู้คนเป็นร้อยได้ มีแนวคิดเบื้องหลัง เป็นการมองทุกสิ่ง การเปลี่ยนแปลงความตาย โดยผ่านทางชิ – พลังชีวิต และพลังชีวิตนั่นเองสามารถเปลี่ยนผุ้คนจากคนธรรมดาให้กลายเป็นเซียนได้ และความเชื่ออันนี้สอดคล้องกับแนวคิดของตันตระ ที่เรียกว่าทฤษฎีกุณฑลินีที่กำหนดระดับชีวิตจิตใจที่ตำแหน่งในร่างกาย เรียกจักรา คือศูนย์หรือฐานพลังภายใน คนจีนเชื่อว่าที่ตำแหน่งใต้สะดือมีเตาปฏิกรณ์พลังชีวิตเรียกว่าตันเถียน ซึ่งมนุษย์สามารถดึงพลังชีวิตขั้นตามศูนย์ต่าง ๆ แล้วแต่นิกายไหนจะบัญญัติศูนย์กี่ศูนย์ จนกระทั่งว่าพลังชีวิตนั้นขึ้นมาสู่หน้าผากหรือหลุดออกไปทางกระหม่อม ก็บรรลุถึงความเป็นเซียน และก็จะทำทุกอย่างได้ เหาะเหินเดินอากาศได้
อย่าเพิ่งถามผมว่าจริงหรือไม่จริง เชื่อหรือไม่เชื่อนั้นเอาไว้ก่อนแต่ว่าโครงสร้างของแนวคิดนี้สำคัญนัก เชื่อว่าคนสามารถเปลี่ยนได้ จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเป็นขบวนการอัลเคมีของตะวันออก คือขบวนการเล่นแร่แปรธาตุ แต่ว่าเป็นขบวนการธาตุในภายใน คือเมื่อสามารถเปลี่ยนธาตุในภายในแล้ว คนคนนั้นก็สามารถลอยตัว ที่เรียกว่าวิชาตัวเบา คนสามารถเปลี่ยนได้จากธรรมดาเป็นเซียนได้โดยเคลื่อนย้ายพลังชีวิตจากฐานเบื้องบน
โยคะทั้งหลาย วิธีปฏิบัติโยคะทั้งหมดก็เพื่อที่จะเปิดท่อธารของพลังชีวิตให้เคลื่อนขึ้นสู่เบื้องบน จากจุดนี้เราจะเข้าใจพลังทางเพศได้ ถ้าเราศึกษาศาสนาอินเดีย จะรับทราบแนวคิดเรื่องการเคลื่อนย้ายจุดที่เรียกว่าจักรา จักราแปลว่าศูนย์ คล้าย ๆ เนบิวล่า ซึ่งเป็นพลังเคลื่อนอยู่ในรูปของวงแหวน ดังนั้นเขาถือกันว่าคนสามารถเคลื่อนพลังชีวิตขึ้นไปสู่จักร แล้วก็จะบรรลุถึงศิริ หมายความว่าเมื่อเคลื่อนพลังชีวิตมาถึงจักรอันใดก็จะบรรลุถึงศิรินั้น คือได้บรรลุถึงภูมิที่จะเห็นความงาม บรรลุถึงกฤษณจิตมหรือกฤษณมนัส เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วจะสามารถเห็นองค์พระเจ้า ทั้งได้รับการประสาทพรอภิเษก ทั้งบริบูรณ์ทางปัญญาและเข้าถึงสุนทรียภาพที่เป็นทิพย์
โครงสร้างเหล่านี้เป็นโครงสร้างที่เราจะเข้าใจวัชรยานได้ เพราะว่าวัชรยานนั้นใช้ภาพ ถังก้า ( Thanga ) คือภาพวาดของเทพต่าง ๆ เป็นเครื่องเพ่ง เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว ก็จะสามารถบรรลุถึงความงามได้ ความงามไม่ใช่เป็นสิ่งที่เห็นได้ด้วยตา แต่เป็นการบรรลุถึงด้วยระดับของพลังชีวิตเป็นสภาวธรรมหรือภูมิแห่งชีวิต
ที่นี้ก็โยงเข้าสู่ทฤษฎีสุนทรียภาพ สุนทรียภาพที่เรารู้จักนั้นเป็นเรื่องของทางตะวันตกทั้งสิ้น ถ้าทางตะวันออกแล้ว ความงามเป็นเรื่องที่เราจะต้องเข้าถึง ดังนั้นภูมิที่เห็นความงามนั้นเป็นภูมิที่สร้างสรรค์ศิลปศาสตร์นั่นหมายความว่าฐานของพลังนี้เคลื่อนถึงจุดหนึ่งนั้น บุคคลจะกลายเป็นศิลปินหรือกวี โดยไม่ต้องผ่านสถาบันการศึกษาใดๆ ก็ได้ ความเชื่อเช่นนี้นับว่าเราไม่ค่อยคุ้นมากนัก ความเชื่อเหล่านี้เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ยุคไบเซนไทน์ ในยุโรป สมัยไบเซนไทน์เชื่อกันว่าศิลปิน ศิลปะเป็นเรื่องของพรสวรรค์ พระผุ้เป็นเจ้าบันดาลให้เขากลายเป็นศิลปิน หรือนักกฎหมายหรือผุ้นำ ในแวดวงศิลปะนั้น ศิลปะเป็นเพียงของขวัญหรือพรจากพระเจ้าหรือเรียกว่า พรสวรรค์ แต่ว่าเมื่อถึงยุค Renaissance สามยักษ์ใหญ่ ลีโอนาโด ดาวินชี , ราฟาเอล และไม่เคิล แองเจโล ได้ทำให้ศิลปะ , ศิลปินกลายเป็นเรื่องของสถาบัน เป็นการเรียนผ่านทางระบบ และเป็นเป็นพลังความสามารถแสวงหาเอาได้ด้วยตัณหา มานะ และความทะยานอยาก คือเขาเชื่อว่าเขาจะฝึกคนให้เป็นศิลปินได้ สองช่วงนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในยุโรป ในแวดวงของศิลปะและศิลปิน ส่วนทางตะวันออกมีความเชื่อเช่นเดียวกับสมัยไบเซนไทน์ ดังนั้นผุ้คนที่เข้าถึงความเป็นศิลปินต้องภาวนา เพื่อให้พลังชีวิตเคลื่อนถึงภูมิหนึ่งที่บรรละถึงภูมิแห่งการเห็นความงาม ที่จริงในพระไตรปิฎกฝ่ายเถรวาทก็มีครบ พระสูตรนี้ชื่อว่าอภิภายตนะ ว่าด้วยการครอบงำอายตนะเพื่อเข้าถึงวิโมกข์ เมื่อบุคคลสามารถครอบงำอายตนะแล้วสามารถเห็นความงามได้ หมวดนี้เรียกว่าหมวดวิโมกข์ การหลุดออกจากอันหนึ่งโดยสร้างสถานการณ์ใหม่ขึ้นข่ม
ฐิตา:
เมื่อได้เข้าใจที่มาภูมิหลังวัชรยาน สัญลักษณ์ต่าง ๆ ทฤษฎีกุณฑลินี ตันเถียน ผมเชื่อว่าสิ่งนี้จะโยงไปถึงวิชาอัลเคมีในอียิปต์ด้วย เราพบว่ากุณฑลินีนั้นมีความเชื่อซึ่งแสดงด้วยสัญลักษณ์ว่า ในร่างกายของคนที่เบื้องล่างสุดของกระดูกสันหลังมีงูอยู่ตัวหนึ่งที่ชื่อว่ากุณฑลินี งูตัวนั้นนิ่งอยู่ งูตัวนั้นเป็นสัญลักษณ์ของพลังจักรวาล เมื่อใดทำถูกวิธีเข้า งูตัวนั้นจะแผ่พังพานผงาดขึ้นเบื้องบน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการบานขึ้น เป็นรหัสแห่งการรู้แจ้งแทงตลอดสภาวะ ผมเชื่อว่าจะโยงถึงอียิปต์โบราณ เพราะว่าอียิปต์ก็มีความเชื่อเช่นนี้อยู่ด้วย งูสองตัวที่พันคบเพลิงเป็นสัญลักษณ์ของกรมการแพทย์นั้น เป็นพ่อลูกกัน ชื่อนินาซูกับนินิซิดา เกี่ยวพันกันมากกับการรักษาโรค จีนเชื่อว่าโรคเกิดจากพลังชีวิตอับเฉา คนที่ป่วยเพราะพลังชีวิตนี้อ่อนแอ การฟื้นฟูพลังชีวิตคือการบำบัด
ถ้าเราเพ่งมองมาที่นี่ เรารู้ว่าการบรรลุภูมิธรรมนั้นไม่ใช่เรื่องทางจริยธรรม โปรดตราสิ่งนี้ไว้ด้วย การบรรลุธรรมเป็นการเปลี่ยนแปลงขบวนการเคมีชีวภาพ ไม่ใช่การบรรลุถึงความคิดทางจริยธรรม เช่นว่า คนเป็นคนดี เช่นความกตัญญูรู้คุณคนก็เชื่อกันว่าเป็นคุณธรรม ความกตัญญูนั้นไม่เป็นหนึ่งในบารมี นั่นหมายความว่า เอาความกตัญญูมาปฏิบัติโลกุตรธรรมไม่ได้ แต่ว่าความกตัญญูเป็นสิ่งที่ดีในทางจริยธรรม บารมีนั้นเป็นเรื่องกระทำให้ถึงฝั่งและเป็นองค์คุณใหญ่หลวง การเปลี่ยนแปลงที่บารมีเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มูลฐานของชีวิต
ดังนั้นในพระสูตรของเถรวาทจึงบอกไว้ว่า เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงนั้น ความร้อนในกายจะลดลง ระบบหายใจจะเปลี่ยนไป อันนี้ผมชี้ให้เห็นข้อต่างระหว่างการเปลี่ยนแปลงทางจริยธรรมกับการบรรลุธรรม เช่น แต่ก่อนเคยเป็นเด็กขี้เกียจ เป็นคนอกตัญญู เดี๋ยวนี้กตัญญูรู้คุณคนขึ้นเป็นคนเรียบร้อย สุภาพ รู้ที่สูงที่ต่ำ อันนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงทางจริยธรรมซึ่งเรียนกันได้ และก็สอนกันได้ด้วย สอนให้เป็นเด็กดีก็ดี ดีเท่าที่จะดีได้และทั้งสามารถเสแสร้งทำท่าทีเป็นคนดีคนซื่อเพื่อหลอกลวงกันได้ด้วย แต่ว่าเรื่องของสัจธรรมหรือโลกุตรธรรมนี้ไม่ใช่อันนี้ เรื่องโลกุตรธรรมนั้นเป็นเรื่องกระทำจำเพาะเนื่องด้วยสิ่งที่เรียกว่บารมี บารมีเป็นองค์คุณใหญ่เพื่ออนุเคราะห์โลก เป็นกิจกรรมจำเพาะเพื่อสิ่งนั้น ๆ
หลักของวัชรยานต่อการวินิจฉัยโลกทั้งหมดนั้น ที่จริงคือหลักอุปนิษัทที่ว่าโลก ปรากฏการณ์ชีวิตทั้งหมดเป็นดุจห้วงของความฝัน ขันธ์ 5 เป็นดุจมายาและความฝัน ตัวสภาวะของชีวิตเป็นช่วงที่เรียกว่า Dreamtime ถือว่าชีวิตเป็น Dreamtime ที่จริงสอดคล้องกันมากกับคำสอนของพระพุทธเจ้าและหลักอุปนิษัทที่ว่า ชีวิตเป็นห้วงแห่งความฝัน ขันธ์ 5 นั้นเป็นห้วงแห่งความฝัน ทีนี้เมื่อจะปฏิบัติธรรมมันก็เลยฝันซ้อนฝัน มีประการเดียวเท่านั้นคือต้องตื่นอะไรก็ได้ที่ช่วยให้ตื่น นั่นคือความรับผิดชอบ
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
Go to full version