แสงธรรมนำใจ > ดอกบัวโพธิสัตว์

มิลินทปัญหา

<< < (27/78) > >>

ฐิตา:

อุปมาด้วยการจุดประทีป
   
   " ขอถวายพระพร เหมือนอย่างมีผู้เอาประทีปมาจุดต่อกัน เปลวประทีปดวงเก่าก้าวไปสู่ประทีปดวงใหม่หรืออย่างไร ประทีปทั้งสองนั้น มีขึ้นเองไม่มีผู้กระทำอย่างนั้นหรือ? "
   
   " ไม่ใช่อย่างนั้น พระผู้เป็นเจ้า "
   
   " ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร ขันธ์ ๕ นี้ไม่ได้ไปสู่โลกอื่น ขันธ์ ๕ นี้ไม่ใช่เกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งใดทำให้เกิดขึ้น"
   
   " ข้าแต่พระนาคเสน เวทนาขันธ์ ไปสู่โลกอื่นหรือ ?"
   
   " ขอถวายพระพร ถ้าเวทนาขันธ์ไปสู่โลกอื่น ผู้ที่ไปเกิดในโลกอื่น ก็คือเวทนาขันธ์อย่างนั้นซิ ? "
   
   " ไม่ใช่อย่างนั้น พระผู้เป็นเจ้า "
   
   " ขอถวายพระพร เพราะเหตุนั้นแหละมหาบพิตรจงเข้าพระทัยเถิดว่า เวทนาขันธ์ในอัตภาพนี้ไม่ได้ ไปสู่โลกอื่น "
   
   " ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า สัญญาขันธ์ ไปสู่โลกอื่นหรือ? "
   
   " ขอถวายพระพร ถ้าสัญญาขันธ์ไปสู่โลกอื่น ผู้มีมือด้วนเท้าด้วนในอัตภาพนี้ ไปสู่โลกอื่น ผู้มีมือด้วนเท้าด้วนในอัตภาพนี้ ไปสู่โลกอื่นแล้ว ก็จะต้องมีมือด้วนเท้าด้วนอีกหรืออย่างไร ? "   
   " ไม่ใช่อย่างนั้น พระผู้เป็นเจ้า "
   
   " เพราะเหตุนั้นแหละ มหาบพิตรจงเข้าพระทัยเถิดว่า สัญญาขันธ์ในอัตภาพนี้ ไม่ได้ไปสู่โลกอื่น "
   
   " ขอนิมนต์อุปมาให้ยิ่งขึ้นไปอีก "   

ฐิตา:


อุปมาด้วยกระจก
   
   " ขอถวายพระพร มหาบพิตรจงทรงหยิบเอากระจกส่องพระพักตร์หรือไม่? "
   
   " มี พระผู้เป็นเจ้า "
   
   " ขอถวายพระพร มหาบพิตรจงทรงหยิบเอากระจกมาวางไว้ตรงพระพักตร์มหาบพิตร"
   
   " โยมหยิบมาตั้งไว้แล้ว "
   
   " ขอถวายพระพร ดวงพระเนตร พระกรรณ พระนาสิก พระทนต์ ของมหาบพิตรปรากฏอยู่ในกระจกนี้เอง หรือว่ามหาบพิตรทรงกระทำให้ปรากฏ? "
   
   " ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ดวงตา หู จมูก ฟัน ของโยมปรากฏอยู่ในวงกระจกนี้ ด้วยโยมกระทำขึ้น "
   
   " ขอถวายพระพร ถ้าอย่างนั้นเป็นอันว่ามหาบพิตรได้ควักเอาพระเนตร ตัดเอาพระกรรณ พระนาสิก และถอนเอาพระทนต์ของมหาบพิตร เข้าไปไว้ในกระจกแล้ว มหาบพิตรก็เป็นคนตาบอด ไม่มีพระนาสิกและพระทนต์อย่างนั้นซิ? "
   
   " ไม่ใช่อย่างนั้น พระผู้เป็นเจ้า เงาปรากฏในกระจก เพราะอาศัยโยมกระทำขึ้น ไม่ใช่ว่าเพราะโยมไม่ได้กระทำขึ้น"
   
   " ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร ไม่ใช่ว่าขันธ์ ๕ นี้ไปสู่โลกอื่น ทั้งไม่ใช่ว่าขันธ์ ๕ ไม่มีสิ่งกระทำ เป็นของเกิดขึ้นเอง สัตว์ถือกำเนิดในครรภ์มารดาด้วยกุศลกรรม อกุศลกรรม ที่ตนกระทำไว้ เพราะอาศัยขันธ์ ๕ นี้แหละ จึงเหมือนเงาปรากฏในกระจก เพราะอาศัยการกระทำของมหาบพิตรฉะนั้น "
   
   " ถูกต้องดีแล้ว พระนาคเสน "

   

ฐิตา:

 ปัญหาที่ ๗ ถามเรื่องถือกำเนิดในครรภ์มารดา
   
   " ข้าแต่พระนาคเสน เมื่อสัตว์จะเข้าถือกำเนิดในท้องมารดา เข้าไปทางทวารไหน ? "
   
   " ขอถวายพระพร ไม่ปรากฏว่าเข้าไปทางทวารไหน "
   
   " ขอนิมนต์อุปมาด้วย "
   
   " ขอถวายพระพร หีบแก้วของมหาบพิตรมีอยู่หรือ ? "   
   " มีอยู่ พระผู้เป็นเจ้า "
   
   " ขอถวายพระพร ขอจงนึกเข้าไปในหีบแก้วดูซิ "
   
   " โยมนึกเข้าไปแล้ว "
   
   " ขอถวายพระพร จิตของมหาบพิตรที่นึกเข้าไปในหีบแก้วนั้น เข้าไปทางไหน ? "
   
   " ข้าแต่พระนาคเสน จิตของโยมไม่ปรากฏว่านึกเข้าไปทางไหน"
   
   " ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร สัตว์ที่เข้าไปถือกำเนิดในท้องมารดา ก็ไม่ปรากฏว่าเข้าไปทางไหนฉะนั้น "
   
   " ข้าแต่พระนาคเสน การที่พระผู้เป็นเจ้าแก้ปัญหาปฏิภาณอันวิจิตรยิ่งนี้ได้เป็นอัศจรรย์นักหนา
   ถ้าพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่คงจะประทานอนุโมทนาสาธุการเป็นแน่แท้"

ฐิตา:

  ปัญหาที่ ๘ ถามเรื่องโพชฌงค์ ๗
   
   " ข้าแต่พระนาคเสน โพชฌงค์ มีเท่าไร ? "
   " ขอถวายพระพร มี ๗ ประการ "

   " ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า บุคคลตรัสรู้ด้วยโพชฌงค์เท่าไร? "
   " ขอถวายพระพร บุคคลตรัสรู้ด้วยโพชฌงค์ข้อเดียว "

   " คือข้อไหน พระผู้เป็นเจ้า ? "
   " ขอถวายพระพร คือข้อ ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ "

   " ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ถ้าอย่างนั้น พระพุทธองค์ทรงแสดงโพชฌงค์ ๗ ไว้ทำไม ? "

   " ขอถวายพระพร พระองค์จะเข้าพระทัยความข้อนี้อย่างไร...
     คือดาบที่บุคคลสวมไว้ในฝัก
     บุคคลไม่ได้ชักออกจากฝัก อาจตัดสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ขาดได้หรือ ? "

   " ไม่ได้ พระผู้เป็นเจ้า "

   " ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร คือบุคคลปราศจาก ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์
      แล้วตรัสรู้ด้วยโพชฌงค์ ๖ ไม่ได้"

   " ถูกแล้ว พระนาคเสน "

ฐิตา:


  ปัญหาที่ ๙ ถามถึงความมากกว่ากันแห่งบาปและบุญ
   
   " ข้าแต่พระนาคเสน บุญและบาปข้างไหนมากกว่ากัน ? "   
   " ขอถวายพระพร บุญมากกว่าบาป บาปน้อยกว่า "
   
   " ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ทำไมจึงว่าบุญมากกว่า บาปน้อยกว่า? "
   
   " ขอถวายพร บุคคลทำบาปแล้วย่อมร้อนใจในภายหลังว่า เราได้ทำบาปไว้แล้วเพราะเหตุนั้นบาปก็ไม่ได้มากขึ้น ส่วนบุญเมื่อบุคคลทำเข้าแล้วไม่เดือดร้อนในภายหลัง มีแต่เกิดปราโมทย์ ปีติ ใจสงบมีความสุข จิตเป็นสมาธิ เพราะฉะนั้น บุญจึงมากขึ้น ดังมีบุรุษผู้มีมือมีเท้าขาดแล้ว ได้บูชาพระด้วยดอกบัวเพียงกำเดียว ก็จักได้เสวยผลถึง ๙๑ กัปด้วยเหตุนี้แหละ จึงว่าบุญมากกว่า ขอถวายพระพร"
   
   " ชอบแล้ว พระผู้เป็นเจ้า "


นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version