แสงธรรมนำใจ > ดอกบัวโพธิสัตว์
มิลินทปัญหา
ฐิตา:
อุปมาด้วยการจุดประทีป
" ขอถวายพระพร เหมือนอย่างมีผู้เอาประทีปมาจุดต่อกัน เปลวประทีปดวงเก่าก้าวไปสู่ประทีปดวงใหม่หรืออย่างไร ประทีปทั้งสองนั้น มีขึ้นเองไม่มีผู้กระทำอย่างนั้นหรือ? "
" ไม่ใช่อย่างนั้น พระผู้เป็นเจ้า "
" ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร ขันธ์ ๕ นี้ไม่ได้ไปสู่โลกอื่น ขันธ์ ๕ นี้ไม่ใช่เกิดขึ้นเองโดยไม่มีสิ่งใดทำให้เกิดขึ้น"
" ข้าแต่พระนาคเสน เวทนาขันธ์ ไปสู่โลกอื่นหรือ ?"
" ขอถวายพระพร ถ้าเวทนาขันธ์ไปสู่โลกอื่น ผู้ที่ไปเกิดในโลกอื่น ก็คือเวทนาขันธ์อย่างนั้นซิ ? "
" ไม่ใช่อย่างนั้น พระผู้เป็นเจ้า "
" ขอถวายพระพร เพราะเหตุนั้นแหละมหาบพิตรจงเข้าพระทัยเถิดว่า เวทนาขันธ์ในอัตภาพนี้ไม่ได้ ไปสู่โลกอื่น "
" ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า สัญญาขันธ์ ไปสู่โลกอื่นหรือ? "
" ขอถวายพระพร ถ้าสัญญาขันธ์ไปสู่โลกอื่น ผู้มีมือด้วนเท้าด้วนในอัตภาพนี้ ไปสู่โลกอื่น ผู้มีมือด้วนเท้าด้วนในอัตภาพนี้ ไปสู่โลกอื่นแล้ว ก็จะต้องมีมือด้วนเท้าด้วนอีกหรืออย่างไร ? "
" ไม่ใช่อย่างนั้น พระผู้เป็นเจ้า "
" เพราะเหตุนั้นแหละ มหาบพิตรจงเข้าพระทัยเถิดว่า สัญญาขันธ์ในอัตภาพนี้ ไม่ได้ไปสู่โลกอื่น "
" ขอนิมนต์อุปมาให้ยิ่งขึ้นไปอีก "
ฐิตา:
อุปมาด้วยกระจก
" ขอถวายพระพร มหาบพิตรจงทรงหยิบเอากระจกส่องพระพักตร์หรือไม่? "
" มี พระผู้เป็นเจ้า "
" ขอถวายพระพร มหาบพิตรจงทรงหยิบเอากระจกมาวางไว้ตรงพระพักตร์มหาบพิตร"
" โยมหยิบมาตั้งไว้แล้ว "
" ขอถวายพระพร ดวงพระเนตร พระกรรณ พระนาสิก พระทนต์ ของมหาบพิตรปรากฏอยู่ในกระจกนี้เอง หรือว่ามหาบพิตรทรงกระทำให้ปรากฏ? "
" ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ดวงตา หู จมูก ฟัน ของโยมปรากฏอยู่ในวงกระจกนี้ ด้วยโยมกระทำขึ้น "
" ขอถวายพระพร ถ้าอย่างนั้นเป็นอันว่ามหาบพิตรได้ควักเอาพระเนตร ตัดเอาพระกรรณ พระนาสิก และถอนเอาพระทนต์ของมหาบพิตร เข้าไปไว้ในกระจกแล้ว มหาบพิตรก็เป็นคนตาบอด ไม่มีพระนาสิกและพระทนต์อย่างนั้นซิ? "
" ไม่ใช่อย่างนั้น พระผู้เป็นเจ้า เงาปรากฏในกระจก เพราะอาศัยโยมกระทำขึ้น ไม่ใช่ว่าเพราะโยมไม่ได้กระทำขึ้น"
" ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร ไม่ใช่ว่าขันธ์ ๕ นี้ไปสู่โลกอื่น ทั้งไม่ใช่ว่าขันธ์ ๕ ไม่มีสิ่งกระทำ เป็นของเกิดขึ้นเอง สัตว์ถือกำเนิดในครรภ์มารดาด้วยกุศลกรรม อกุศลกรรม ที่ตนกระทำไว้ เพราะอาศัยขันธ์ ๕ นี้แหละ จึงเหมือนเงาปรากฏในกระจก เพราะอาศัยการกระทำของมหาบพิตรฉะนั้น "
" ถูกต้องดีแล้ว พระนาคเสน "
ฐิตา:
ปัญหาที่ ๗ ถามเรื่องถือกำเนิดในครรภ์มารดา
" ข้าแต่พระนาคเสน เมื่อสัตว์จะเข้าถือกำเนิดในท้องมารดา เข้าไปทางทวารไหน ? "
" ขอถวายพระพร ไม่ปรากฏว่าเข้าไปทางทวารไหน "
" ขอนิมนต์อุปมาด้วย "
" ขอถวายพระพร หีบแก้วของมหาบพิตรมีอยู่หรือ ? "
" มีอยู่ พระผู้เป็นเจ้า "
" ขอถวายพระพร ขอจงนึกเข้าไปในหีบแก้วดูซิ "
" โยมนึกเข้าไปแล้ว "
" ขอถวายพระพร จิตของมหาบพิตรที่นึกเข้าไปในหีบแก้วนั้น เข้าไปทางไหน ? "
" ข้าแต่พระนาคเสน จิตของโยมไม่ปรากฏว่านึกเข้าไปทางไหน"
" ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร สัตว์ที่เข้าไปถือกำเนิดในท้องมารดา ก็ไม่ปรากฏว่าเข้าไปทางไหนฉะนั้น "
" ข้าแต่พระนาคเสน การที่พระผู้เป็นเจ้าแก้ปัญหาปฏิภาณอันวิจิตรยิ่งนี้ได้เป็นอัศจรรย์นักหนา
ถ้าพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่คงจะประทานอนุโมทนาสาธุการเป็นแน่แท้"
ฐิตา:
ปัญหาที่ ๘ ถามเรื่องโพชฌงค์ ๗
" ข้าแต่พระนาคเสน โพชฌงค์ มีเท่าไร ? "
" ขอถวายพระพร มี ๗ ประการ "
" ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า บุคคลตรัสรู้ด้วยโพชฌงค์เท่าไร? "
" ขอถวายพระพร บุคคลตรัสรู้ด้วยโพชฌงค์ข้อเดียว "
" คือข้อไหน พระผู้เป็นเจ้า ? "
" ขอถวายพระพร คือข้อ ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ "
" ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ถ้าอย่างนั้น พระพุทธองค์ทรงแสดงโพชฌงค์ ๗ ไว้ทำไม ? "
" ขอถวายพระพร พระองค์จะเข้าพระทัยความข้อนี้อย่างไร...
คือดาบที่บุคคลสวมไว้ในฝัก
บุคคลไม่ได้ชักออกจากฝัก อาจตัดสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ขาดได้หรือ ? "
" ไม่ได้ พระผู้เป็นเจ้า "
" ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร คือบุคคลปราศจาก ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์
แล้วตรัสรู้ด้วยโพชฌงค์ ๖ ไม่ได้"
" ถูกแล้ว พระนาคเสน "
ฐิตา:
ปัญหาที่ ๙ ถามถึงความมากกว่ากันแห่งบาปและบุญ
" ข้าแต่พระนาคเสน บุญและบาปข้างไหนมากกว่ากัน ? "
" ขอถวายพระพร บุญมากกว่าบาป บาปน้อยกว่า "
" ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ทำไมจึงว่าบุญมากกว่า บาปน้อยกว่า? "
" ขอถวายพร บุคคลทำบาปแล้วย่อมร้อนใจในภายหลังว่า เราได้ทำบาปไว้แล้วเพราะเหตุนั้นบาปก็ไม่ได้มากขึ้น ส่วนบุญเมื่อบุคคลทำเข้าแล้วไม่เดือดร้อนในภายหลัง มีแต่เกิดปราโมทย์ ปีติ ใจสงบมีความสุข จิตเป็นสมาธิ เพราะฉะนั้น บุญจึงมากขึ้น ดังมีบุรุษผู้มีมือมีเท้าขาดแล้ว ได้บูชาพระด้วยดอกบัวเพียงกำเดียว ก็จักได้เสวยผลถึง ๙๑ กัปด้วยเหตุนี้แหละ จึงว่าบุญมากกว่า ขอถวายพระพร"
" ชอบแล้ว พระผู้เป็นเจ้า "
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version