อริยะสงฆ์ผู้ปฏิบัติธรรมอันดี > พระอริยบุคคล
คำสอนท่านก.เขาสวนหลวง (นิสัยเถื่อน)
lek:
นิสัยเถื่อน (คำสอนท่านก.เขาสวนหลวง)
จิตไม่สงบเพราะมันคุ้นกับการที่จะไปตามอารมณ์ ตามความคิดปรุงแต่งของมัน
การฝึกหัดใจ คล้ายกับการฝึกหัดสัตว์ ที่เริ่มต้นนั้นยังป่าเถื่อน ต้องค่อยๆ ฝึก
เพราะความไม่รู้ที่เรียกว่า อวิชชา ตัณหา ความทะยานอยาก
และอุปาทานความยึดมั่นถือมั่น ฯลฯ มันยังมีมาก เต็มอัตราศึก
มันก็จะไปตามกำลังเถื่อนของมัน
สัตว์ป่าเมื่อมันถูกผูกติดอยู่ มันก็จะดิ้นรน พยศจนสุดกำลัง
จิตเมื่อถูกจับฝึกก็เช่นกัน มันก็จะขัดขืนสุดๆ เช่นกัน
อยู่ธรรมดาเราดูเหมือนไม่เดือดร้อนอะไร พอจะหัดทำใจให้สงบ
โดยการลองภาวนาอะไรดูบ้าง มันไม่เป็นดังคิดมันดีดดิ้นออกไป
นึกถึงอย่างอื่นตามชอบของมัน
เราจะต้องพิจารณาให้มาก จึงจะละนิสัย ละความเถื่อนตามกิเลส
หรือความขุ่นมัว หลงใหลที่เคยมาแต่กาลก่อนลงได้
ต้องมองทะลุออกไปว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรเป็นของเที่ยงแท้ถาวร
ว่างจากตัวตน และหมดความหมายไปในตัว
ขอบพระคุณคุณนริศรา
lek:
ควรหมั่นทำ (คำสอนท่านก.เขาสวนหลวง)
ทุกข์โทษของกิเลสตัณหานั้น มันมีหนักทับอยู่ในใจ
จะมาคอยแก้ไขที่ข้างนอกอย่างเดี่ยวจึงไม่ถูก
ต้องคอยหมั่นสังเกต หมั่นสำนึกตัวเองให้พร้อม
ตัวเองจะต้องคอยหัดขัดเกลา ตัณหา อุทาทานต่างๆ
ให้มันเกลี้ยงเกลาลง
ถ้าไม่ทำอย่างนี้ก็ไม่มีทางจะพ้นทุกข์
จะถูกกิเลสมันเผาย่างเล่นต่อไป ไม่มีวันสิ้นสุดหยุดได้
แม้นนานแสนนานชั่วกับปป์ ชั่วกัลป์ ชั่วพุทธันดร
จะยอมถูกกิเลสเผาอยู่ข้างเดี่ยวไปทำไม
เราก็ต้องเล่นงานมันกลับบ้าง
เล่นงานมันด้วยการขัดขืนกระด้างกระเดื่องต่อสู้มัน
อะไรที่ไม่สมควรก็อย่างปล่อยตามใจ ขัดขวางมันไว้
เป็นการทรมานกิเลสมันให้เร่าร้อน การชนะอยู่ในจิตนั้น
มีค่าสูงสุดเหลือเกิน
ด้วยการไม่ตามใจตัว นี้เป็นวิธีการหนึ่งที่จะตัดกำลังของกิเลสลงได้
หมั่นทำ ไม่ตามใจตัวเองได้อย่างแยบยลแล้ว
กิเลสมันจะอ่อนกำลังลง และจะไม่มีเหลือได้ในที่สุด
ขอบพระคุณ คุณนริศรา
lek:
คนจน (คำสอนท่านก.เขาสวนหลวง)
ปุถุชนนั้นเอาแต่ได้ เห็นข้าวของเงินทอง ลาภยศ เป็นสิ่งสำคัญ
จึงต้องตกทุกข์ยาก มากมายอย่างที่เห็น
เคยคิดไหมว่าทรัพย์ภายนอกเป็นของกลาง ตายไปแล้วก็กลายเป็นของคนอื่น
จะมีคุณค่าอยู่บ้างก็เมื่อเรายังมีชีวิต ต้องรุ้จักพิจารณาใช้ให้ดีจึงจะเกิดมีกำไร
การนำทรัพย์ใช้จ่ายให้เป็นบุญกุศล ให้กำไรกับชีวิตมาก
เกื้อกูลทั้งตัวเองและสรรพสัตว์
ทางธรรมถือว่าทรัพย์สิน ไม่ใช่เครื่องแสดงฐานะที่สำคัญของบุคคล
คนมีศีลพร้อมต่างหาก ที่ธรรมะถือว่าเป็นคนมั่งมี
การไม่มีศีลถือเป็นการขาดทุนสูญกำไรของชีวิตอย่างยิ่ง
เป็นคนทุศีล ก็คือ เป็นคนสิ่นเนื้อประดาตัวที่สุดอยุ่ในตัวเอง
ถึงจะมีทรัพย์มากมาย ในทางธรรมก็ถือว่ายากจนที่สุด
อย่างที่เรียกว่า จนในใจ ใจมันหิว ใจมันอยาก
ซึ่งเป็นเรื่องเสียหายมาก เพราะคนจนศีล จนธรรม
ก็พาก่อกรรมไม่สิ้นสุด เกิดมาก็มีแต่เพิ่มทุกข์ เพิ่มโทษให้กับตัวเอง
หาความร่มเย็นได้ยาก แม้ยังไม่ตาย ก็เหมือนมีเปลวไฟนรกแลบเลียอยู่ให้เห็นแล้ว
ขอบพระคุณ คุณนริศรา
lek:
รู้ตัวไหม? คำสอนท่านก.เขาสวนหลวง
พวกเราล้วนถูกกิเลสหลอกมานานแล้ว เราหลงเชื่อมันมานานแล้ว
ไม่เห็นได้ดีอะไรขึ้น ก็เห็นมีแต่ทุกข์อยู่อย่างนั้น
อยากให้คนเขาชม ให้เขานับถือ หรือให้คนเขารุ้จักยกย่อง มันคืออะไร
ถ้าไม่ใช่การชูหัว ชูคอ ของกิเลส
หวังจะได้ หวังจะมี พอได้พอมีแล้วแทนที่จะเป็นสุขพอใจ
ก็ไม่เห็นเป็นสุขกันสักที กลับเห็นมีแต่โลภะจะเอาอีก เอาอีก และเอาอีก
ก็เลยมีแต่โง่หนัก จมปลักดัดดานยิ่งขึ้น
ลองทำงานด้วยความรุ้สึกที่ว่างลง จะเห็นว่าต่างกับที่ทำงานด้วยความอยาก
ที่ทั้งเหนื่อย ทั้งหนัก ทั้งวุ่น ร้อนเร่าไปหมด ยิ่งมีการแก่งแย่ง
มีผลประโยชน์รุนแรงเท่าไร ก็ยิ่งเร่าร้อนจัดจ้านขึ้นเท่านั้น
ทำงานตามหน้าที่ของตน ไม่หวังบุญคุณกับใครให้ยุ่งยากใจ
ทำงานเพื่อให้สังคมเจริญตามกำลังความสามารถของตน
ใครไม่ชอบก็ชั่ง ใครชังก็เฉย กลับทำให้ใจนั้นโปร่ง
เบาและชุ่มเย็น สุข สันติ
การไม่หวังอะไร อาจจะดูเหมือนจะทำให้หัวใจแห้งแล้งแต่พอลองทำได้
สัมผัสได้เข้าจริงๆ ก็จะกลับรู้สึกสงบ เย็นเป็นความมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง
ถ้ามัวแต่ยินดีในคำสอพลอ อยากได้แต่คำสรรเสริญชื่นชม
แล้วจะได้อะไร รู้ตัวไหมว่า ตัวเองกำลังโง่มากขึ้น โง่อย่างไร้เทียมทาน!
ขอบพระคุณ คุณนริศรา
แก้วจ๋าหน้าร้อน:
:13: อนุโมทนาครับพี่เล็ก^^
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
Go to full version