อริยะสงฆ์ผู้ปฏิบัติธรรมอันดี > พระอริยบุคคล
คำสอนท่านก.เขาสวนหลวง (นิสัยเถื่อน)
lek:
ไม่ง่ายเหมือนปากพูด (คำสอนท่านก.เขาสวนหลวง)
การรู้โดยการฟัง การอ่าน เป็นเรื่องง่าย
มรรคมีองค์แปดนั้นใครๆ ก็ท่องได้
แต่พอไปสอบผลทางจิตใจ
มันไม่ใช่เรื่องของการไปนั่งท่อง
ไม่ใช่เป็นผลของการไปบอกกันแต่ปากว่า
ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ชัดแจ้งในปัญญา
ก็ปล่อยวางไม่ได้ คงได้แต่ยึดถือเข้ามา
เพราะมันถนัดมาแต่อย่างนั้น
ทำได้โดยไม่ต้องสอน
สิ่งที่นอนเนื่องกันมายาวนานในสันดานนั้น
ต้องรู้จักกับมันให้ดีโดยแยบคายก่อน
คือต้องรู้จักใช้โยนิโสมนสิการ (การพิจารณาโดยแยบคาย)
เมื่อมีความแยบคายแล้วมันจะค่อยๆ ตัดได้
ปล่อยได้ไปทีละเล็กทีละน้อย
ไม่ใช่รู้แล้วจะสามารถไปปล่อยวางได้ทั้งหมดเลยทีเดียว
มันไม่ใช่ของง่ายเหมือนปากพูด
ต้องอบรมให้มาก คิดพิจารณาให้มากให้ยิ่ง
ให้แยบคายอยู่เสมอ ถึงจะเห็นผล
และก็เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา แต่ก็ได้ผลคุ้มค่า
ขอให้มองในทางที่ว่างจากตัวตนให้ได้ทุกๆ ขณะเถิด
ขอบพระคุณ คุณนริศรา
lek:
น่าคิด (คำสอนท่านก.เขาสวนหลวง)
ที่จะเอาอะไรตามใจของตัวเอง
ใจมันพาเราไปตกหล่มจมปลักกันอยู่หรือเปล่า?
เห็นแก่ตัวของตัวอยู่ฝ่ายเดียว
ไม่นึกถึงเพื่อนร่วมทุกข์เกิด แก่ เจ็บ ตาย
คิดเอาแต่ได้ประโยชน์ส่วนตน
ใครเป็นอย่างไรไม่ว่า ข้าเอาของข้าไว้ก่อน
จะเสียหายแก่ส่วนรวม ไม่นึกถึง
ตกลงนั่นก็คือ ความเห็นแก่ตัวจัดนั่นเอง
จะคิดถึงประโยชน์ส่วนกลางสักหน่อยจะได้ไหม
จะกอดสมบัติ อัตกรรมทำเวรใส่ตน
ขนบาปใส่ใจไปใช้ในชาติหน้ากันหรืออย่างไร?
โง่แกมหยิ่งนี้รุ้สึกตัวยากแท้
มันก็ล้วนแต่โง่เง่าหาเรื่องเผาตัวเอง
จะเอา จะเป็นทั้งนั้น
งมงายไปจนหมดอายุ
ยิ่งแก่ ยิ่งหลง อยากได้หนักขึ้น กิเลสหนาหนักเข้า
วันเวลาของชีวิตเหลือน้อยเข้าไป
วันเวลาแห่งความตายใกล้เข้ามา
น่าสังเวชเหลือเกิน สุขที่เคยคิดอยากได้เก็บไว้นั้น
มันกำลังจะกลับกลายเป็นทุกข์ไปทั้งสิ้น
ขอบพระคุณ คุณนริศรา
lek:
ทางแก้ คำสอนท่านก.เขาสวนหลวง
พึงเข้าใจว่า ตัวเรานี่เองที่เป็นต้นเหตุ
ก่อทุกข์อะไรต่างๆ เข้ามาสุมเผาใจตัวเอง
ห้เศร้าหมองอยู่ตลอดวันเวลา แต่กลับไม่รู้ตัวกัน
มองไม่ออกว่า ตัวเรานี่แหละเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ของเรา
ก็ทุกข์เพราะเราไปยึดมั่นติดในตัวเรา
วางไม่ลง ปลงไม่ตก หวงแหน ปกป้องตัวเราสุดชีวิต
และดูเหมือนว่าการยึดเข้ามาจะง่ายกว่าที่จะปล่อยออกไปเสียอีก
ยึดติดตัวเรา จึงกอบโกยเพื่อตัวเรา
กอบโกยกิเลสเก็บไว้แล้วกิเลสมันก็ทับถมตัวเรา
บางวันกิเลสก็กลายเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาเผาตน
และก็เป็นปรกติที่ยังมีการเที่ยวระบายพิษ
ไปเผาไหม้คนอื่นด้วยเผื่อแผ่กันไป
กลัวว่าคนอื่นเขายังทุกข์ร้อนอยู่ไม่พอ
ไม่เคยหลาบจำ ทำจนชิน ก่อกรรม ก่อเวรภัย
คิดเอาแต่ได้ ว่าถูก ว่าดี ก็ไอ้ตัวถูก
ตัวดีของเรานี่แหละที่มันเป็นตัวหลอกที่สำคัญ
หลอกว่าตัวเองเก่ง ว่าดี หลอกให้ทะนงตัว
ที่แท้ก็คือ โง่เขลาบริสุทธิ์ งมงายทุกข์หนัก
ดักดาน หวังสิ่งไม่ควรหวัง หวงสิ่งไม่ควรหวง
เชื่อไหมว่า ถ้าวางตัวให้ว่างจากตัวเราแล้ว
ทุกข์จะห่างหายจากไปเอง แล้วความสุขที่ไม่เคยได้พบ
ก็จะมาปรากฏให้เห็น ให้รู้จัก
ขอบพระคุณ คุณนริศรา
lek:
อย่านึกว่าจะพูดอะไรก็ได้
วจีกรรม คำพูดบริสุทธิ์พร้อมดีหรือยัง
ไม่พูดเท็จ ไม่ส่อเสียด ไม่กล่าวคำหยาบ
ไม่เพ้อเจ้อโปรยประโยชน์ เราเข้าใจกันไหม คำโปรยประโยชน์?
การพูดความจริง บางครั้งก็ไม่สมควรพูด
เช่น เมื่อเราได้ยิน คนนั้นนินทาคนโน้น
แล้วเรานำเรื่องนั้นไปเล่าให้คนโน้นฟัง
การพูดความจริงเช่นนี้ เป็นการส่อเสียด
จะกลายเป็นทุศีลโดยตัวเองไม่กลัว
ฉลาดแต่คิดไปภายนอก ถนัดแต่จำเอามาคิด
แต่ไม่เคยพิจารณาให้รู้เห็นเลย
เชื่อตามกิเลสเรื่อยไป ใช้แต่สติปัญญาของกิเลส
มีแต่การส่งเสริมการเอามาเพื่อตัวกู
ทำผิดคำสอนพระพุทธเจ้าแล้ว
การกระทำนั้นจะพร้อมบริบูรณ์ไปได้อย่างไร?
การกระทำทุกสิ่งต้องใคร่ครวญ โดยแยบคาย
คำประชดประชัน ถือเป็นคำหยาบ เช่น การประชดว่าแม่มหาจำเริญ
แต่ใจมันโกรธจึงได้ประชดว่าอย่างนั้น
อย่างนี้ถือว่าเป็นวาจาหยาบอย่านึกว่าจะพุดอะไรก็ได้
..................................
ต้องทุศีลต่อไป
ทำอะไรชอบแอบๆ ปิดๆ บังๆ กลัวใครเขาจะรู้
อย่านึกว่าไม่มีใครเห็นแล้วไม่เป็นไร นั่นแหละจะมีเวรภัย
และก็ทุกข์อยุ่ในตัว ชอบทำตัวเหมือนหนามแหลม
ต้องทิ่มแทงคนอื่นให้เจ็บปวด ไม่ชอบตรวจตัวเอง
เอาแต่จะสนใจภายนอกว่า ที่โน่นมีอย่างนั้น
ที่นั่นมีอย่างงี้ มีแต่สติปัญญาที่จะจ้องเอาอะไรต่ออะไร
เข้ามาเป็นของตน มีแต่ปัญญาของกิเลส
ส่วนปัญญาที่จะใช้ดับทุกข์ได้นั้นไม่มี
แทนที่ยิ่งอยุ่นาน จะมีความรุ้ตัวให้ดีขึ้น
มีการสลัดอะไรทิ้งไป ไม่ทำ รุ้งแววทางธรรมแม้แต่ขั้นหยาบๆ
จะปรารภกันให้เห็น ให้ได้ยินนั้นแสนยาก
สติปัญญาดับทุกข์เงียบกริบ ดับอะไรได้นิดได้หน่อย
ก็ทำเป็นอวดดี ก็เห็นมีแต่อวดดีอยู่ในวงล้อมกิเลส
ชอบปฏิบัติด้วยความประมาท แล้วจะเอาตัวรอดได้อย่างไร
ต้องรู้ว่าสิ่งที่ยังต้องรู้นั้นยังมีอีกมาก เรื่องอย่างนี้คนเห็นแก่ได้
มักง่ายอยู่ก็ต้องทุศีลต่อไป
ขอบพระคุณ คุณนริศรา
lek:
กำไรสูง (คำสอนท่านก.เขาสวนหลวง)
เราจะต้องคอยดัดสันดานตนเองสารพัด
ต้องหัดทำใจได้มีสติอยู่เสมอ ที่เรียกว่า มีสติสังวร
ต้องมีกติกากับตนเอง และก็จะต้องเคร่งครัด
ถ้าใครยังมัวเล่นๆ อยู่ ก็ให้รู้ว่าจะเสียเวลา
มาสร้างกรรมกันเล่นอยู่เปล่าๆ
และบางครั้งก็อาจจะทำให้คนอื่นเขาต้องมาพลอยเดือดร้อน
เพราะการกระทำของเราด้วย
วันคืนก็ล่วงไป ล่วงไป มีชีวิตอยู่เพื่ออะไรกันแน่
ถ้าเพื่อกินๆ นอนๆ และคอยกอบโกยเอาอะไรต่างๆ อยู่
จิตใจก็จะวุ่นวาย ล้วนแต่เป็นทุกข์อยู่ในตัวทั้งนั้น
จะคอยแก้เฉพาะแต่ปัญหาจากข้างนอก เป็นไม่สำเร็จแน่
จะต้องแก้ปัญหาจากภายใน ต้องหมั่นพิจารณา
ต้องหมั่นสำนึกตัวให้มากว่า มีชีวิตอยู่เพื่ออะไรกันแน่
เพื่อจะหัดปฏิบัติขัดเกลาหรือเพื่อจะเพิ่มทุกข์
เพิ่มโทษให้แก่ตัวเอง หมั่นสำนึก
ก็จะสามารถระงับดับสันดานดิบลงได้
ทำงานตามฐานะ ทำงานตามหน้าที่
ทำงานเพื่อประโยชน์เกื้อกุลแก่ผู้ร่วมทุกข์ทั้งหลาย
ผลที่ได้รับจะกำไรสูงมากเหลือ เพราะเราไม่คิดจะเอา
ขอบพระคุณ คุณนริศรา
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version