เหตุปะทะระหว่างชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงดีเคบีเอ(DKBA) กับทหารรัฐบาลพม่า ยืดเยื้อมาหลายวัน นับตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2553
ชายแดนแม่สอด สายวันที่ 11 พฤศจิกายน...เงียบสงบไม่ได้ยินเสียงปืน...หรือ...เสียงระเบิดแล้ว แต่กับบริเวณจุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ที่ 9 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี...ดูเหมือนยังตรงกันข้าม
วันแรก "บ้านพระเจดีย์สามองค์" ...เริ่มด้วยการยิงอาวุธหนักใส่กันทั้งเอ็ม 79 ปืน ค. 61 ปืน ค. 81...รุนแรง และลุกลามบานปลายขยายพื้นที่ไปในวงกว้าง เกิดผลเสียหายมหาศาล...สร้างความหวาดกลัวต่อประชาชนชาวพม่าที่อาศัยอยู่ในเมืองพญาตองซูไม่น้อยกว่าครึ่งหมื่นชีวิต
ชาวพม่าในเมืองพญาตองซูต้องปิดบ้าน ร้านค้า...ตลาดในตัวเมืองต้องปิดกิจการ มีการเผาทำลายสถานที่ราชการของพม่าหลายแห่ง และมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น
ชาวพม่าที่ไม่มั่นใจในสถานการณ์ จึงเก็บข้าวของที่จำเป็นออกเดินทางหนีภัยสงครามมุ่งหน้าสู่ด่านเจดีย์สามองค์ ฝั่งไทย
พลตรี ตะวัน เรืองศรี ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ ผู้รับผิดชอบ...ดูแลเรื่องความมั่นคงตามแนวชายแดนด้านจังหวัดกาญจนบุรี สั่งการเต็มกำลังเพื่อช่วยเหลือดูแลผู้อพยพ เตรียมอาหาร น้ำดื่ม แพทย์ พยาบาล รวมถึงยารักษาโรคต่างๆ
ผ่านคืนวันแรกไปได้ รุ่งขึ้นเหมือนเหตุการณ์จะสงบ แต่สายวันนั้นก็ยังมีเสียงปืนดังขึ้นอีก กระตุ้นให้ผู้อพยพไม่กลับฝั่งพม่า...จนกระทั่งเย็นวันที่ 10 พ.ย. 2553 มีการเจรจาและรับรองแข็งขันจากทหารพม่าว่าควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ผู้อพยพจึงพากันกลับ
นับจากกระสุนดังนัดแรก อีกผลกระทบหนึ่งที่ยังกู่ไม่กลับคือ...การค้าชายแดนทั้งฝั่งไทยและพม่าที่หยุดชะงักลงไป
บัญชา จินตสมิทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 บ้านพระเจดีย์สามองค์ บอกว่า เมื่อมีการสู้รบ ร้านค้าในตลาดบ้านพระเจดีย์สามองค์ต้องหยุดกิจการ ชาวบ้านต่างปิดบ้าน บางคนก็ออกนอกพื้นที่ ไปอยู่ในที่ปลอดภัย
ที่ผ่านมา...การค้าในตลาดเจดีย์สามองค์มีเงินสะพัดวันละเป็น 10 ล้านบาท สินค้าส่งออก อาทิ ข้าวสาร อาหารแห้ง อาหารสดต่างๆ แล้ว...พอหยุดค้าขาย สินค้านำเข้า เช่น ผ้าทอพื้นเมือง ผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์จากไม้ก็ไม่สามารถนำเข้าได้...เสียหายกันไปหมด
น้ำเสียงผู้ใหญ่บ้าน บ้านพระเจดีย์สามองค์กล่าวอย่างห่อเหี่ยวกับทีมข่าวสกู๊ปหน้า 1 และก็บอกต่อไปอีกว่า
...ให้นึกย้อนไปถึงวันวาน ตอนที่เกิดเรื่องทำนองนี้ ตอนที่หลวงพ่ออุตตมะท่านยังมีชีวิตอยู่
"เรา...ไปหาหลวงพ่อฯ ท่านก็จะเรียกหัวหน้ากลุ่มต่างๆมาพูดคุยกัน การสู้รบ...ก็ไม่เกิด หรือถึงจะเกิดแต่ก็น้อยมาก มองความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในวันนี้ พวกเรานึกถึงหลวงพ่ออุตตมะที่สุด"ความเสียหายทางการค้าและทางใจเป็นเช่นนี้ ธีรชัย ชุติมันต์ ประธานหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี เสริมว่า ที่ด่านเจดีย์สามองค์เป็นจุดผ่อนปรนชั่วคราวทางการค้าที่มีการนำเข้าส่งออกสินค้ามูลค่ามากพอสมควร เป็นตลาดการค้าส่งออกที่สำคัญของจังหวัด
"ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์สู้รบในพม่า มักจะเกิดผลกระทบทันทีกับการค้าชายแดนที่ด่านเจดีย์สามองค์"
ในครั้งนี้ก็เหมือนทุกครั้ง มีความเสียหายที่ตีเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจในระยะสั้น...เงินที่ค้าขายสะพัดทุกวัน วันละ 10 ล้านบาทก็สะดุดไป ส่วนความเสียหายอื่น...หากการสู้รบยืดเยื้อ ก็จะมีความเสียหายทวีคูณมากขึ้น
ช่องทางด่านเจดีย์สามองค์ เป็นเส้นทางนำเข้าสินค้าเศรษฐกิจหลายอย่าง อาทิ ไม้คิ้วบัว มูลค่าเดือนหนึ่งก็ประมาณ 50 ล้านบาท ถัดมาก็การขนส่งนำเข้าแร่หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่นๆ รวมๆกันแล้วมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าเดือนละ 100 ล้านบาท
ส่วนเรื่องที่สำคัญ...ธีรชัย บอกว่า คือภาพลักษณ์ของกาญจนบุรีที่เป็นเมืองท่องเที่ยว เนื่องจากข่าวออกไปทางสื่อต่างๆว่า มีการสู้รบตามแนวชายแดน จนมีผู้อพยพเข้ามาเกือบครึ่งหมื่น
"แบบนี้นักท่องเที่ยวที่ไหนเขาจะมาเที่ยว...เมืองที่มีการประกาศเขตภัยพิบัติจากสงคราม นักท่องเที่ยวไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้ว ด่านเจดีย์สามองค์อยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรีตั้ง 200 กิโลเมตร...
และ...กาญจนบุรี ก็มีความปลอดภัยจากการสู้รบในครั้งนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์"
ผ่านไปไม่กี่วัน...ก็เริ่มเกิดผลกระทบมากแล้ว ยิ่งกาญจนบุรีจะจัดงานท่องเที่ยวใหญ่ประจำปี "งานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว" ที่จะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนนี้ ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2553 จนถึงวันที่ 7 ธันวาคม 2553...ก็น่ากังวล
งานนี้ถือเป็นงานใหญ่ที่นักท่องเที่ยวจำนวนมากจะมาเที่ยว เจอสถานการณ์ร้อนแนวชายแดนแบบนี้เข้าไป ไม่รู้ว่าปีนี้จะออกหัว...หรือ...ก้อย
ณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ให้ทรรศนะว่า สถานการณ์สู้รบแนวชายแดนไทยพม่าครั้งนี้เป็นเรื่องภายในของพม่า แต่...ส่งผลกระทบกับเราในฐานะพื้นที่ติดกัน
"สิ่งที่ทำได้...เราพยายามเจรจา ประสานงานให้เกิดปัญหากับเราน้อยที่สุด เรื่องผู้อพยพเราก็รองรับดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน ส่วนเรื่องการประสานงาน เราเชื่อว่าการสู้รบคงสงบเร็วที่สุด"
ส่วนความเสียหายทางธุรกิจ...การค้า ณฐพลษ์ บอกว่า ที่กระทบมากคือการค้ารายวัน แต่การนำเข้าส่งออกสินค้าสามารถรอได้
ดังนั้น หากการสู้รบเกิดเร็ว...จบเร็ว ความเสียหายก็น้อย
พระราชวิสุทธิเมธี เจ้าอาวาสวัดไชยชุมพลชนะสงคราม รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี หนึ่งในลูกศิษย์หลวงพ่ออุตตมะ บอกว่า วันนี้...เป็นโลกแห่งความรุนแรง มีการสู้รบระหว่างเผ่าพันธุ์ สงสารชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเกิดเหตุการณ์รุนแรงที่สังขละบุรี
สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทำให้ทุกคนต่างนึกถึงพระเกจิอาจารย์อริยสงฆ์รูปหนึ่งที่เคยเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจแก่ชนทุกหมู่เหล่า คือ...หลวงพ่ออุตตมะ หรือ พระราชอุดมมงคล แห่งวัดวังก์วิเวการาม
หลวงพ่ออุตตมะ เป็นพระเชื้อสายมอญที่มีเมตตาจิตสูงส่ง และเป็นที่เคารพนับถือของชาวไทย ชาวมอญ ชาวกะเหรี่ยง และชาวพม่า...ตลอดแนวชายแดน
หากหลวงพ่ออุตตมะยังอยู่ ประชาชนก็มีที่พึ่ง ความรุนแรงการขัดแย้งในเรื่องชนเผ่าก็จะเบาบางลงมาก เพราะหลวงพ่อท่านช่วยในการทำความเข้าใจ ไกล่เกลี่ย
"เสียดายที่หลวงพ่ออุตตมะมรณภาพไปตั้งแต่ 18 ก.ย. 2549 ทำให้สังขละบุรีขาดศูนย์รวมจิตใจ
ในอดีต...มีหลวงพ่ออุตตมะอยู่ ใครมีข้อขัดแย้งใด หรือชนกลุ่มไหนจะทะเลาะกัน หลวงพ่ออุตตมะจะเป็นผู้ไกล่เกลี่ยจนเรื่องต่างๆบรรเทาลง"
รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจน์ ว่า
นับจากเวลา แปดโมงเช้าวันที่ 11 พ.ย. 2553 ที่ผู้อพยพกลุ่มสุดท้ายได้กลับไปยังแดนพม่า...จำรัส กังน้อย นายอำเภอสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี บอกว่า ถือว่าเหตุการณ์สงบเร็วกว่าที่คาดไว้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกให้สังคมรับรู้.....
"ที่ใดที่มีแต่ความขัดแย้ง ที่นั่นก็จะไม่เกิดความสุข...ยิ่งที่ใดมีการต่อสู้ โดยใช้อาวุธรุนแรง ผลกระทบต่อเพื่อนมนุษย์ก็จะมากมายทวีคูณ"
จำรัส ย้ำว่า หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง อยากให้ช่วยดลบันดาลให้สังคมเกิดความสามัคคี จะได้เกิดความสงบสุข...ทุกข์ของประชาชนแค่เรื่องทำมาหากิน เรื่องทำมาค้าขายก็มีการแข่งขันที่มากพอสมควรแล้ว ดังนั้นจึงอยากให้ทุกท่านตั้งสติ
"คนสังขละบุรีต่างนึกถึงคำสอนของหลวงพ่ออุตตมะที่สั่งสอนพวกเขาว่าให้พวกเขารักกันเพื่อความสงบสุขของสังคม" นายอำเภอสังขละบุรีกล่าว
หลากหลายมุมมองที่มีต่อเหตุการณ์สู้รบที่เมืองพญาตองซู ตรงข้ามด่านเจดีย์สามองค์ สะท้อนว่าประเทศไทยจะต้องตระหนัก วางแผนแก้ปัญหาชายแดนอย่างจริงจัง
เพราะในอนาคต...ปมร้อนเหล่านี้ จะทำให้เกิดผลกระทบใหญ่ตามมาอีกมาก
จังหวัดกาญจนบุรีจะเป็นดินแดนที่เชื่อมต่อประตูการค้าระหว่างชาติมหาอำนาจ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก ริมฝั่งทะเลเมืองทวาย
มีการเชื่อมต่อตัดถนนจากเมืองทวายมาสู่บ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเกา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี...เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและระบบเศรษฐกิจเอเชีย...และโลก
เมื่อปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลพม่ากับกองกำลังชนกลุ่มน้อย ยังเป็นอยู่เช่นวันนี้...การเติบโต ขยายตัวทางเศรษฐกิจก็ทำได้ยาก.
http://www.thairath.co.th/column/pol/page1scoop/126382