ฉันอาจพูดถึงอะไรต่ออะไรได้อีกมากเหลือเกิน แต่ก็รู้สึกรั้งรอที่จะกล่าว มากเกินไปเพราะว่าหลาย ๆ คนในพวกเธออาจไม่เคยได้รับพิธีอภิเษกทาง วัชรยานมาก่อนเลย อย่างไรก็ตามฉันจะกล่าวถึงในบางเรื่องที่ทำให้สับสน บ่อย ๆ ผู้ที่ไม่ใช่วัชรยานจะฉงนฉงายอยู่บ่อยเวลาเข้ามาวัดของวัชรยาน และพบตัวเองถูกห้องล้อมไปด้วยตัวแทนของสัตว์เหล่านี้ทั้งหลายทั้งปวง บนผนัง พวกเขามักถามว่า " อันนี้มันเกี่ยวกับศาสนาพุทธอย่างไรหรือ " ภาพหลายภาพนั้นเป็นรูปเปล่าเปลือย จำนวนไม่น้อยที่ดูเหนื่อยยาก ทุกข์ และแค้นเหมือนปีศาจ บางร่างก็มีแม้ให้เห็นใน
ท่าร่วมสังวาส แต่ภาพพระ ฉายนี้ไม่ได้ประหลาดพันลึกหรือซับซ้อนแบบที่มันดูเป็นอย่างนั้นในครั้ง แรก
ภาพของเทพต่าง ๆ นั้นเป็นตัวแทนแสดงถึงระดับพื้นฐาน ๓ ประการ ของอารมณ์ไม่อันใดก็อันหนึ่ง
อารมณ์แรกก็คือสงบเย็น จะมีสัญลักษณ์ เป็นรูปอย่างเช่น
พระอวโลกิเตศวรผู้เป็นพระโพธิสัตว์แห่งความกรุณา พระมัญชุศรี พระโพธิสัตว์แห่งปัญญาญาณ และพระนางตารา ผู้ช่วยให้ พ้นภัย ทั้งหมดแสดงให้เห็นในลักษณะที่งียบสงบและแย้มพระสรวลเล็ก น้อย คนปกติไม่มีปัญหาใด ๆ กับพระรูปเหล่านี้แม้บางครั้งอาจจะมีปัญหา กับเรื่องพระนางตาราเขียว บางรูปอื่น ๆ เหตุใดจึงเป็นสีน้ำเงิน แต่โดย พื้น ๆ แล้วก็ไม่มีปัญหาใด เพราะว่า
เทพเจ้าเหล่านี้ดูงดงามและเป็นมิตร ประหนึ่งว่าพวกเขาอยู่ฝ่ายเดียวกับเรา
ทีนี้ก็มีระดับที่ ๒ ซึ่งเรียกว่า
ชิมาโทร ในภาษาธิเบต หมายความว่า
" ไม่ใช่สงบเงียบหรือโกรธ " พวกนี้จะเป็น
เทพยาดาที่ห้าวหาญ รู้จักกัน ในรูป
เหรุกะ และ
ฑาคินี พวกเขาเป็น
ตัวแทนของพลังที่มุ่งสู่การตรัสรู้ คุณสมบัติเฉพาะของพวกเขาคือมีความรู้สึกเร่าร้อน ทีนี้รูปแบบของ พุทธศาสนาในยุคแรก ๆ นั้นมองว่าตัณหาหรือความอยากเป็นอุปสรรค สำคัญต่อการหลุดพ้น แต่ในฝ่ายมหายานโดยเฉพาะในฝ่ายวัชรยานนั้น เป็นที่เข้าใจว่าอารมณ์เช่นความปรารถนาอย่างแรงกล้าและความโกรธนั้น เมื่อสาวไปถึงแหล่งกำเนิดของมันแล้ว จะพบว่าเป็นขุมของพลังมากมาย มหาศาล ณ จุดหนึ่งพลังนี้ได้บิดเบือนไปเป็นพลังเชิงลบ แต่อย่างไรก็ ตามพลังนี้โดยตัวของมันเองแล้ว
ใสกระจ่างรอบรู้ยิ่ง หรือกล่าวอีกอย่าง หนึ่งว่าด้านที่สำหรับเราแล้วดูเหมือนจะเป็นพลังเชิงลบนั้น แท้จริงเป็น
ปัญญาเดิมแท้ที่ซ่อนอยู่ นี่คือท่าทีที่มีต่ออารมณ์ด้านลบที่กลับตาลปัตร โดยสิ้นเชิง แทนที่จะถอนรากถอนโคนอารมณ์เช่นความโกรธ ความหยิ่ง ทะนง ความอิจฉา และความอยากอันเร่าร้อน เราอาจ
นำพลังนี้มาใช้เป็น เชื้อเพลิงสำหรับการรู้แจ้ง มันได้กลายมาเป็นผู้ช่วยสำคัญของเราบนวิถีนี้ นี่คือแรงบันดาลใจสำคัญอันอยู่เบื้องหลังวัชรยานทั้งหมด เมื่อใดที่เราเข้าใจ สิ่งนี้ เราก็จะเข้าใจสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่เป็นรูปเคารพของวัชรยาน
คัมภีร์ธิเบตบอกเราว่า
อารมณ์เชิงลบยิ่งมากเท่าไร ปัญญาก็ยิ่งมากขึ้นเพียง นั้น ผลที่ตามมาก็คือถ้าปราศจากอารมณ์เชิงลบแล้ว ก็จะไม่มีปัญญาเกิด ขึ้น นี่หมายความว่าเราได้รับแรงสนับสนุนให้กระทำตามความโลภ ความ ทะยานอยาก และความเกลียดอย่างเต็มที่ในนามของการปฏิบัติทางจิต วิญญาณละหรือ บางคนคิดว่าใช่ แต่นี่คือการเข้าใจผิด คุณสมบัติด้านลบ ต่าง ๆ เหล่านี้ถ้าปล่อยมันไว้ใน
ภาวะไร้การบังคับและควบคุมแล้วก็คือ ตัวการแห่งสังสารวัฏอันแน่แท้ แต่ถ้าเรา
ควบคุมและแปรสภาพมัน เรา ก็จะสามารถใช้มันเป็นเชื้อเพลิงที่จะผลักดันเราไปพ้นจากวัฏสงสาร ตัวอย่างที่ผุดขึ้นในใจของฉันเสมอก็คือเรื่องของจรวด เธอจำเป็นต้องมี เชื้อเพลิงปริมาณมากมายมหาศาลที่จะปล่อยจรวดให้พ้นแรงดึงดูดของ โลก แต่เมื่อไรที่มันออกไปสู่อวกาศได้แล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องใช้พลัง งานมากอีกต่อไป มันกลายเป็นการขับเคลื่อนด้วยตัวมันเอง ฉะนั้นกับ วิถีทางจิตวิญญาณก็เช่นกัน แรงโน้มถ่วงของธรรมชาติโดยสามัญของเรา ของจิตสามัญที่ตั้งอยู่บนอัตตาอันเป็นอวิชชานั้นแรงอย่างยิ่ง มันยาก เหลือเกินที่จะสร้างพลังขับไปสู่สภาวะที่เหนือปัจจัยปรุงแต่ง เพราะจิต ที่ถูกปรุงแต่งด้วยเหตุปัจจัยของเรานั้นทรงพลังยิ่งเหลือเกิน แม้ว่าเราจะ ทำสมาธิเพื่อให้เกิดความสงบรำงับและสมาธิเพื่อเห็นแจ้งตามปกติก็ตาม มันยากที่จะสร้างพลังขับให้ทะลุออกไปได้ เราจำเป็นต้องใช้ทุกอย่างที่ อาจรวมได้เพื่อแรงผลักเบื้องแรกนี้
วัชรยานนำทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีขึ้นมา แม้แต่ขยะ และใช้ทั้งหมดนั้น เป็นเชื้อเพลิงเพื่อเป็นพลังให้กับการแทงทะลุสู่ธรรมชาติเดิมแท้ของ จิตอันปราศจากปัจจัยปรุงแต่ง นั่นคือเหตุผลว่าทำไมจึงอาจดูคุกคาม อย่างยิ่งและทำไมมันอาจเป็นอันตรายได้มากและทำไมเราจึงจำเป็นที่ จะต้องมีการชี้แนะจากครู
พระคัมภีร์ทางวัชรยานนั้นเน้นถึงความจำ เป็นของการมีครูที่สมบูรณ์อย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นแล้วมันอาจเป็น หนทางที่อันตรายอย่างยิ่งได้ กล่าวกันว่าเราไม่อาจเจ็บตัวมากกับการ ขี่เกวียนไปตามท้องถนน แต่เมื่อไรที่เราอยู่หลังพวงมาลัยรถสปอร์ต แล้วละก็เราต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เธอต้องมีครูเก่ง ๆ ก่อนที่เธอ จะขับรถคันนั้น นี่เป็นเพราะว่าวัชรยานใช้พลังต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งพลังทางเพศ ซึ่งในทางพุทธศาสนายุคแรก ๆ นั้นถูกทำให้กลายเป็น เรื่องสูงส่งหรือแปรในทางที่นุม่นวลมากกว่า ในทางวัชรยาน
พลังนั้น ถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นเครื่องมือที่จะไปเปิดศูนย์รวมแห่งปัญญาด้านใน ทั้งหมดออก เป็นการเข้าใจผิดที่จะคิดว่าวัชรยานออกใบอนุญาติให้ประกอบกามกิจ ได้อย่างไร้ขอบเขต ให้มีโทสะมากได้เท่าที่เธอต้องการ ให้เมามายหรือ ใช้ประสาทรับรู้ไปใทางใดก็ได้ ตรงกันข้าม
วัชรยานเป็นการปฏิบัติที่ เคร่งที่สุดและต้องมีวินัยมากำกับดูแลมากที่สุดในบรรดาการปฏิบัติที่มี อยู่ในพุทธศาสนา วัชรยานมีศีลหลายต่อหลายข้อที่เกี่ยวกับจิต ไม่ใช่ วิถีแห่งใบอนุณาต ( ที่เธอจะทำอะไรตามใจ ) แต่อย่างใด
แต่เป็นวิถีที่ ใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามี วัชรยานต้องอาศัยการอุทิศตัวที่ยิ่งใหญ่และ การชี้แนะที่ชัดเจน เทพเจ้าระดับที่ ๓ ที่มาหลังชั้นของความกล้าหาญก็คือ
โทร วา หมาย
ความว่าดุดัน เธออาจบอก
ความแตกต่างระหว่างสัญลักษณ์ของความกล้า หาญหรือสัญลักษณ์แห่งความดุดันได้โดยดูที่เปลวเพลิงโดยรอบเทพเจ้า เหล่านั้น เทพเจ้าในความสงบจะมีชั้รัศมีล้อมรอบ ในปางกล้าหาญจะมี ชั้นของเปลวไฟที่ประณีตมาก ในปางดุร้ายนั้นจะล้อมรอบไปด้วยเพลิงที่ พลุ่งพล่าน เทพเจ้าแห่งความกล้าหาญนั้นอยู่บนพื้นฐานของตัณหาราคะ ส่วนเทพแห่งความดุร้ายนั้นจะตั้งอยู่บนโทสะ เทพเจ้าเหล่านี้จัดการกับ อารมณ์ทั้งหลายที่เรามีอยู่ภายในตัว ตั้งแต่ความหงุดหงิดรำคาญเพียง เล็กน้อย ไปจนถึงการโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
แม้ว่าท่านทั้งหลายจะดูเกรี้ยว กราดมาก แต่หัวใจของท่านเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา ความกรุณา และปัญญา จริง ๆ แล้วพวกท่านมิได้กราดเกรี้ยวแต่อย่างใดเลย เพียง แต่ปรากฏออกมาในรูปนั้น มันคือโทสะที่ได้แปรเปลี่ยนแล้วและมีพลัง มหาศาลยิ่ง ฉันไม่รู้จักลามะคนไหนที่มีโทสะ แต่หลาย ๆ คนจะแสดง ลักษณะของเทพเจ้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวออกมาในการทำสมาธิ ของตน เทพเจ้าที่แสดงความเป็นเอกภาพกับคู่ครองของตนนั้นเป็น สัญลักษณ์แทนหลาย ๆ สิ่ง เราอยู่ในความเป็นคู่ตรงข้ามเหล่านี้ แต่คู่ ตรงข้ามเหล่านี้จะรวมตัวกันเป็นเอกภาพที่สูงขึ้นเสมอ
คู่ตรงข้ามเหล่านี้ เป็นตัวแทนของเอกภาพแห่งปัญญาและกรุณา แห่งบรมสุขและความ ว่าง แต่ประเด็นก็คือว่าเรา
ดึงเอาคุณสมบัติ ๒ อย่างของจิตซึ่งมารวม กันเป็นจิตหนึ่งเดียว เรื่องนี้แสดงออกมาเป็นภาพที่ชัดเจนมาก โดยอาศัย
การรวมเป็นเอกภาพของชายและหญิง มันไม่ได้หมายความว่าเทพเจ้า กำลังชุมนุมเพศสัมพันธ์ไม่เลือกหน้าอย่างคึกคะนองในวัดตันตระ - จาก รูปเงา ขุนเขา ทะเลสาป -
-โดย เทนซิน พัลโม-
Manjushri Mantra Om Ah Ra Pa Ca Na Dhih