ผู้เขียน หัวข้อ: ปาฏิหารย์แห่งความรัก ตอน ปฐมบทแห่งความรักและความทรงจำ  (อ่าน 13902 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มนุษย์ค้างคาว

  • เกล็ดเมล็ด
  • *
  • กระทู้: 27
  • พลังกัลยาณมิตร 16
    • ดูรายละเอียด

ออฟไลน์ lek

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1724
  • พลังกัลยาณมิตร 687
    • ดูรายละเอียด
คิดถึง...ความหลัง...ครั้งยัง...จดจำ
น้ำคำ...เอื้อนเอ่ย...ก้องอยู่...ในใจ
ผ่านแล้ว...หวลคิด...ติดอยู่...ข้างใน
ผ่านไป...ก็ให้...แล้วแล้ว...กันไป :19: :13: :45:

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด

ออฟไลน์ มนุษย์ค้างคาว

  • เกล็ดเมล็ด
  • *
  • กระทู้: 27
  • พลังกัลยาณมิตร 16
    • ดูรายละเอียด

ออฟไลน์ มนุษย์ค้างคาว

  • เกล็ดเมล็ด
  • *
  • กระทู้: 27
  • พลังกัลยาณมิตร 16
    • ดูรายละเอียด
ผมเขียนเพิ่มไม่ได้ครับ ระบบแจ้งว่าตัวอักษรเกิน ต้องทำยังไงครับ บอกด้วยครับผมทำไม่เป็น  :47:

ออฟไลน์ แก้วจ๋าหน้าร้อน

  • สิ่งใดคือธรรมะ สิ่งนั้นย่อมดีแล้วสูงสุด
  • ทีมงานกวาดลานดิน
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 6503
  • พลังกัลยาณมิตร 1741
  • ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครอง
    • kaewjanaron
    • facehot
    • ดูรายละเอียด
    • ใต้ร่มธรรม
ระบบจำกัดโพสได้เท่านั้นครับ  20000 ตัวอักษรต่อ1โพสครับ
มีพี่ๆหลายๆคนรวมทั้งผม จะ เขียนเพิ่ม โดยการ โพสตอบแทนครับ แบบที่พี่ค้างคาวอัพเดตกระทู้อ่ะครับ

อ้างถึง
ผมเขียนเพิ่มไม่ได้ครับ ระบบแจ้งว่าตัวอักษรเกิน ต้องทำยังไงครับ บอกด้วยครับผมทำไม่เป็น  :47:

ก็คือเข้ามาตอบกระทู้ตัวเราเอง นั่นเองครับ  :06:
หรือไม่พี่ค้างคาวก็เข้ามาแก้
ในคำตอบกลับ ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ของพี่ค้างคาวก็ได้เช่นกันครับ


ยกตัวอย่างกระทู้พี่มดครับ อมตะแห่งความยาวเรื่องราวธรรมะแบบพี่มด
http://www.tairomdham.net/index.php/topic,68.0.html

 :47: สู้ๆครับพี่
การโพสภาพโดยใช้เว็บฝากไฟล์ภาพ imageshack.us/ (เว็บกบ)
การปรับแต่งห้องสมาชิกไร้ขีดจำกัด Ultimate Profile + ห้องเพลงส่วนตัว
การตั้งกระทู้และการโพสกระทู้ในเว็บใต้ร่มธรรมครับ
การแก้ไข้ข้อมูล ชื่อ ระหัส ส่วนตัวของสมาชิกใต้ร่มธรรมครับ
การใส่รูปประจำตัวเรา Avatar รวมทั้งลายเซ็นต์ ในกระทู้หรือโพสของเราครับ
เพิ่มไอคอน ทวิสเตอร์ เฟชบุ๊ค ยูทูบ ในโปรโปรไฟล์ของเรา
การสร้างอัลบั้มภาพส่วนตัวในห้องสมาชิก Profile Pictures
การเพิ่มเพื่อน กัลยาณมิตรใต้ร่มธรรม ในห้องสมาชิกส่วนตัว
การดูกระทู้ทั้งหมดที่เรายังไม่ได้อ่านครับ
โค้ดสี bb color code ไว้สำหรับโพสกระทู้ครับ
*วิธีเคลียร์แคชในทุกเว็บเบราว์เซอร์ครับ เมื่อคอมอืด*

ห้องประชุมของทีมงาน
~ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ~

ออฟไลน์ มนุษย์ค้างคาว

  • เกล็ดเมล็ด
  • *
  • กระทู้: 27
  • พลังกัลยาณมิตร 16
    • ดูรายละเอียด
>>>>>เวลาล่วงเลยถึงตอนบ่ายเราเตรียมตัวที่จะไปดูหนังกันข้างนอก ตอนนี้ผมไม่ขอจับมือเธอแล้วละครับเพราะว่าตอนนี้มือเราสองคนแทบจะเป็นมือเดียวกันแล้วครับ มันเป็นความรู้สึกที่ดีที่สุด มีความสุข เป็นตัวของตัวเอง เวลาผมมองหน้าเธอผมรู้สึกได้เลยว่าเธอก็มีความสุขเช่นกัน ส่วนตัวผมนั้นคงไม่ต้องบอกนะครับว่ามีความสุขแค่ไหน เราออกจากห้องเพื่อไปดูหนังที่ห้างเคยสังเกตไหมครับว่าทำไมคนที่เป็นแฟนกันหรือคนที่นัดออกเดทกันถึงเลือกที่จะไปดูหนัง ส่วนตัวผมนั้นผมอยากให้การไปดูหนังครั้งแรกระหว่างผมและเธอเป็นสิ่งที่จะได้จดจำไว้ไปตลอด และอีกอย่างเธอก็ไม่ได้ดูหนังมานานมากแล้วซึ่งก็คงเหมือนกับตัวผม เมื่อไปถึงที่โรงหนังผมก็ให้เธอเลือกว่าจะดูเรื่องอะไร ตัวผมนั้นดูเรื่องอะไรก็ได้ตามที่เธออยากดู หนังเรื่องแรกที่คนรักกันจะได้ดูด้วยกันเป็นครั้งแรกมันคงจะต้องเป็นเรื่องที่น่าจดจำแน่นอนครับ ซึ่งก็คิดว่าคนอื่นๆก็น่าจะเป็นแบบนี้เช่นกัน เธอเลือกหนังอยู่นานก็ยังไม่รู้จะดูเรื่องอะไร ผมจึงตัดสินใจเลือกให้เธอเอง นั่นคือ เรื่องคู่แรด เป็นยังไงบ้างครับหนังเรื่องแรกของคู่รักกัน น่าจดจำไหมครับ หลังจากซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้วเราก็เข้าไปดูหนัง หนังสนุกดีครับ เป็นหนังตลก ผมหัวเราะตลอดซึ่งเธอเองก็หัวเราะเช่นกัน เธอชอบถามผมว่าตลกหรอ ซึ่งผมก็ตอบไปว่าตลกสิหรอว่าเธอไม่ตลก นั่นก็คือหนังเรื่องแรกที่เราได้ดูด้วยกันซึ่งตั๋วดูหนังเรื่องนี้ผมก็ยังเก็บไว้อยู่เลย แม้ว่าเวลาจะผ่านมาเกือบ 4 ปีแล้วก็ตาม มันเป็นช่วงเวลาที่ดีและมีความสุขที่สุดอีกช่วงหนึ่งที่ผมเคยได้รับ ถือว่ามันเป็นของขวัญวันเกิดที่วิเศษที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะวันรุ่งขึ้นนั้นก็เป็นวันเกิดของผมพอดี การที่เราได้รักใครซักคนและการที่ใครซักคนนั้นรักเราเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ผมและเธอใช้เวลาที่เราได้อยู่ด้วยกัน 3 วัน 2 คืนเก็บเกี่ยวและตักตวงความสุขให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่วันรุ่งขึ้นผมจะต้องไปส่งเธอกลับบ้านที่เอกมัยซึ่งเธอก็ต้องกลับไปทำหน้าที่ของเธอ ซึ่งก่อนหน้าที่เธอจะลงมาหาผม ผมได้บอกเธอไปในหลายอย่างที่เป็นตัวผม ซึ่งผมคิดว่ามันน่าจะเป็นอุปสรรคต่อความรักของเรา อย่างเช่นเวลาของผมซึ่งหากจะบอกว่าไม่มีเวลาคงจะไม่ใช่เพียงแต่เวลาที่ผมมีมันมักจะไม่ค่อยตรงกับเวลาของคนอื่น และไม่รู้ว่าผมจะต้องเดินทางไปกี่จังหวัดคงจะไม่ได้อยู่ที่ กทม ที่เดียวเท่านั้น แค่เรื่องเวลาเรื่องเดียวก็น่าจะมีปัญหามากพอสำหรับการที่คนสองคนจะคบกัน แต่ผมบอกกับเธอว่าเวลาที่ผมมีทั้งหมดที่ไม่ใช่เรื่องงานผมจะให้เธอ ซึ่งเธอเองก็เข้าใจ
                       ระยะทาง เวลา และความห่างไกล มิได้เป็นอุปสรรคกับความรักของเรา แต่มันกลับทำให้เรารักกันมากขึ้นทุกวันเวลา ผมบอกกับเธอว่าผมจะไม่เสียใจถ้าวันใดวันหนึ่งเธอต้องไปจากผม เพราะผมนั้นไม่มีเวลาให้เธอ เพราะงานที่ผมทำอยู่แต่เธอบอกว่าเธอเข้าใจ แม้ว่าผมและเธอจะไม่ได้เจอและอยู่ด้วยกันบ่อยนักแต่ผมและเธอก็ยังคุยกันทางโทรศัพท์ทุกวันและหลายเวลา และทุกเดือนผมจะได้เจอกับเธออย่างน้อยก็เดือนละ 2 ครั้ง ส่วนจำนวนวันก็จะขึ้นอยู่ ณ เวลานั้น ผมและเธอต่างมีความสุขทุกครั้งที่เราอยู่ด้วยกัน ผมมักจะถามเธอว่าเธอรักผมตรงไหน ซึ่งเธอก็ไม่เคยตอบเพียงแต่ตอบว่ารักผมที่เป็นผม ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่แปลกและดีสำหรับผม เพราะในสายตาคนอื่นแล้วผมเป็นตัวตลกโปกฮา บ้าๆบอๆ หน้าตาขี้เหล่ ผมยาวกระเซอะกระเซิง แต่สิ่งที่เธอเห็นมันต่างกับคนอื่นที่เห็น ผมรักเธอมากที่สุด ผมบอกกับเธอว่าผมไม่ชอบการทะเลอ ซึ่งเธอเองก็ไม่ชอบเช่นกัน ตลอดเวลาที่เรารักกัน เราไม่เคยทะเลาะกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว และสิ่งที่แปลกอีกอย่างหนึ่งก็คือ เราเข้ากันได้เกือบทุกเรื่อง ตัวผมเองไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น และตัวเธอเองก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเช่นกัน เหมือนมันมีอะไรหลายๆอย่างที่เราเหมือนกัน ผมและเธอตกลงกันว่าทุกๆวันที่ 25 ของทุกเดือนจะเป็นวันครบรอบที่เรารักกัน ซึ่งมันเป็นวันที่ผมขอเธอเป็นแฟนนั่นเอง ทุกๆวันที่ 25 ของทุกกเดือนผมจะส่งข้อความบอกครบรอบวันที่เรารักกันทุกเดือน หากเดือนไหนเราได้อยู่ด้วยกันก็จะรู้สึกมีความสุขมากขึ้น ซึ่งผมและเธอจะได้บอกรักในวันครบรอบกันโดยไม่ต้องส่งข้อความ เราทำอย่างนี้ทุกเดือนไม่เคยลืมแม้แต่ครั้งเดียว ทุกครั้งที่เราคุยกันก่อนวางสายผมและเธอจะต้องพูดบอกรักกันทุกครั้ง ซึ่งผมและเธอรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ดีและมีความสุข บางคนคิดว่าการที่เรารักกันแต่ไม่เห็นจำเป็นที่เราต้องบอกกันบ่อยอันนั้นก็เป็นเหตุผลส่วนตัว แต่ส่วนตัวผมคิดว่าการบอกกันถือว่าเป็นการแสดงออกทางร่างกายอย่างหนึ่ง แม้ว่าในใจจะรักกันอยู่แล้วก็ตาม สำหรับใครที่มีคนรักไม่ว่าจะเป็นแฟน พ่อ แม่ พี่ น้อง เชื่อผมเถอะครับบอกรักไปเถอะ ก่อนที่คุณจะไม่ได้มีโอกาสได้บอก

อ่านต่อวันพรุ่งนี้


>>>>>เนื่องจากว่าผมและเธอนั้นต้องอยู่กันคนละที่ นอกเหนือจากความรักที่เราต้องมีให้กันแล้วอีกหนึ่งสิ่งที่ผมและเธอ หรือแม้แต่คนอื่นๆก็ตามนั้นจะต้องมีให้กันก็คือ ความเชื่อใจในกันและกัน ผมเชื่อใจและมั่นใจในตัวเธอซึ่งเธอเองนั้นก็มั่นใจและเชื่อใจในตัวผมเช่นกัน  ผมไม่เคยโกหกเธอซักครั้งและผมมักจะเล่าเรื่องต่างๆและทุกเรื่องให้เธอฟัง ส่วนตัวเธอเองก็เล่าทุกเรื่องให้ผมฟังเช่นกัน มันก็เลยเหมือนว่าเราทั้งสองคนอยู่ใกล้ๆกันตลอดเวลา รับรู้ทุกเรื่องราวทุกๆอย่างของกันละกันโดยตลอด บางครั้งเธอยังมาเล่าให้ผมฟังว่ามีหนุ่มๆมาจีบเธอ ผมก็ทำเป็นเสียงดังประมาณโวยวายนิดหน่อย เธอถามผมว่าผมหึงเธอหรือ ผมบอกว่าไม่หึงหรอกผมแกล้งเล่น เพราะว่าผมมั่นใจในตัวเธอไงครับไม่เห็นจำเป็นจะต้องหึง แล้วส่วนตัวผมเองก็ไม่ใช่คนขี้หึงด้วย ซึ่งเธอเองก็บอกว่าไม่มีอะไรเพราะว่าเธอเป็นคนอัธยาศัยดีเพราะฉะนั้นเรื่องการหึงหวงหรือหวาดระแวงนั้นสำหรับผมและเธอตัดทิ้งไปได้เลยครับ ทุกๆครั้งที่เธอลงมาหาผม ผมจะต้องไปรับเธอที่เอกมัยทุกครั้ง ไม่ว่าเธอจะมาช้าแค่ไหนเนื่องจากเวลาที่รถออกหรือแม้แต่เหตุสุดวิสัย ผมก็ไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดหรือโมโห และทุกครั้งที่เธอลงมาหาผม ผมจะรู้สึกดีใจและตื่นเต้นทุกครั้ง ไม่รู้เหมือนกันครับว่าทำไมถึงมีความรู้สึกแบบนี้ทั้งๆที่เราก็เจอกันบ่อยและครั้งแรกก็ผ่านไปแล้ว อาจจะเป็นเพราะเธออยู่คนละที่กับผมนั่นเอง เวลาที่เราสองคนอยู่ด้วยกันนั้นส่วนใหญ่จะเป็นวันที่เธอหยุดซะมากกว่า สำหรับผมแล้วผมหยุดวันไหนก็ได้สำหรับเธอผมทำได้เสมอ เวลาที่เธอลงมาหาผมเราก็จะไปที่ห้องของผม เราอยากจะใช้เวลาที่เรามีอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืนอาจจะมีบ้างนานๆที่เราไปเดินเที่ยวห้างหรือหาอะไรกิน แต่ส่วนใหญ่แล้วเราจะอยู่ด้วยกันซะเป็นส่วนใหญ่ จากห้องโล่งๆไม่มีอะไรตอนนี้ก็เริ่มมีที่นอน หมอน ผ้าห่ม ซึ่งเธอซื้อมาจากระยองแล้วแบกขึ้นรถทัวร์เอามา น่าตลกไหมครับผมอยู่กรุงเทพแท้ๆกลับไม่ซื้อ แต่เธออยู่ถึงระยองกลับต้องแบกที่นอนลงมา อาจจะเป็นเพราะเธอเป็นผู้หญิงด้วยละมั้ง ตอนนี้เราก็มีที่นอน หมอน ผ้าห่ม ส่วนมุ้งนั้นไม่ต้องใช้เพราะห้องผมอยู่ชั้นบนสุดไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องยุงเท่าไหร่นัก จะมีก็แต่นานๆทีที่จะมียุง เรานอนข้างกันพูดคุยกันอย่างรักใคร่ ผมมักจะชอบให้เธอนวดให้ผมซึ่งเธอก็ทำให้โดยไม่บ่นหรือพูดอะไร เธอบอกว่าเธอเต็มใจทำให้ผม บางครั้งเธอยังจับผมอาบน้ำสระผมเธอทำทุกอย่างให้ผม นอกจากแม่ผมแล้วที่ตัดเล็บเท้าให้ผมก็มีเธอนี่แหละครับที่ทำให้ ผมรู้สึกโชคดีที่ได้เธอมาเป็นคนรัก อย่างน้อยฟ้าก็มีตาและคงจะส่งเธอมาให้กับผมเหมือนดั่งที่ผมเฝ้ารอมาเกือบครึ่งชีวิต ทุกวันทุกคืนทุกนาทีหรือแม้แต่ทุกวินาทีของผม มันช่างมีความสุขที่สุด
อ่านต่อวันพร่งนี้


>>>>>ทุกครั้งที่เรานอนข้างกันผมมักจะถามเธอประจำว่าเธอรักผมเพราะอะไร รักผมที่ตรงไหน ซึ่งคำตอบที่ผมได้รับก็เหมือนๆกับทุกครั้งก็คือรักผมที่เป็นผม ส่วนผมนั้นไม่ต้องถามเพราะผมรักทุกอย่างที่เป็นเธอ เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าทำไมผู้หญิงที่ดีๆคนหนึ่งหน้าตาก็ถือว่าใช้ได้ ทำไมถึงมาเลือกและมารักคนอย่างผมได้ ผู้ชายหน้าตาแย่ๆคนหนึ่ง ผมยาวไม่เป็นทรง บ้าๆบอๆ ตลกโปกฮา  แต่สิ่งที่เธอเห็นมันอยู่ข้างในครับ ถือว่าโชคดีที่สุดแล้วสำหรับความรักครั้งนี้ที่ผมได้มา ผมบอกกับเธอว่าผมจะไม่ทำให้เธอต้องเสียน้ำตา ผมจะดูแลเธอพร้อมจะอยู่เคียงข้างเธอทุกครั้งที่เธอมีปัญหา
                ทุกครั้งที่เธอลงมาหาผมสิ่งที่ผมต้องทำเป็นประจำก็คือการไปรอรับเธอที่เอกมัย หลังจากนั้นก็พาเธอขึ้นรถไฟฟ้า ผมสอนเธอซื้อตั๋วสำหรับขึ้นรถไฟฟ้า จนเธอสามารจัดการได้เองแล้วสำหรับครั้งต่อไปที่จะขึ้นเพราะเธอไม่เคยขึ้น อาจจะดูเป็นเรื่องธรรมดาแต่มันก็เป็นมุมๆหนึ่งที่เราสองคนทำแล้วรู้สึกถึงความใส่ใจดูแลกัน ไม่แปลกหรอกครับเธอเป็นเด็กต่างจังหวัดมันเลยเป็นเรื่องปกติกับบางสิ่งบางอย่างที่เธอทำไม่เป็นหรือไม่เคยทำ เมื่อเราสองคนเดินทางมาถึงปากทางเข้าห้อง เราสองคนก็ต้องแวะเข้าเซเว่น เพื่อซื้อข้าวปลา อาหารไปไว้สำหรับการที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน 1 คืนบ้าง 2 คืนบ้างแล้วแต่โอกาสและเวลา ข้าวของที่เราซื้อไปก็ไม่เยอะครับมีเหมือนเฉกเช่นทุกครั้งซึ่งก็จะมี ข้าวสำหรับผม นมหรือไม่ก็สลัดผักสำหรับเธอ และก็น้ำอาจจะมีขนมบ้างนิดหน่อย นอกจากการดูแลเอาใจใส่เรื่องต่างๆที่ผ่านมาเช่น การตัดเล็บเท้า การอาบน้ำสระผมให้ อีกอย่างหนึ่งที่เธอทำให้ผมและผมก็ให้เธอทำให้ทุกครั้งก็คือ การป้อนข้าวผม ผมจะชอบให้เธอป้อนข้าวให้ผมส่วนเธอเองก็เต็มใจ เป็นความสุขเล็กๆน้อยๆของคนรักกันก็ว่าได้ มันมีความรู้สึกว่าผมได้กลับกลายไปเป็นเด็กอีกครั้ง เรามักจะผลัดกันนอนตักตรงหน้าริมระเบียงเพื่อรับลมและพูดคุยกันต่างๆนา รวมถึงเรื่องอนาคตของเราด้วย รู้สึกได้ถึงความสุข ความอบอุ่นที่เราสองคนมีให้แก่กัน แม้ว่าในห้องจะไม่โทรทัศน์หรือแม้แต่วิทยุให้ฟังก็ตามแค่เราสองคนได้อยู่ด้วยกันพูดคุยหยอกล้อกันมันก็มีความสุขแล้ว อย่างว่าแหละครับเขาว่าเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทุกครั้งก่อนที่ผมและเธอจะเข้านอนเราสองคนต่างหอมแก้มกันและกันและจูบที่หน้าผากพร้อมบอกรักกันทุกครั้งก่อนที่เราจะนอน และที่สำคัญทุกครั้งที่เธอนอนข้างผม ผมจะให้เธอนอนบนไหล่แนบหน้าอกผมทุกครั้งแล้วก็ทั้งคืนที่เราอยู่ด้วยกัน จนกว่าเราจะแยกออกจากกันเอง มีบ้างครั้งที่เธอนอนอยู่บนไหล่จนเช้าเลยก็มี ตื่นขึ้นมาเธอต้องผมนวดยกใหญ่เลยที่เดียว แต่นั่นมันก็เป็นความตั้งใจและเต็มใจของผมที่อยากให้เธอนอนแบบนี้ อย่างน้อยก่อนนอนเธอก็อยู่ข้างผมและตื่นนอนเธอก็ยังอยู่ข้างผม ไม่นานนักเวลาก็เช้าแล้วมันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน สำหรับช่วงเวลาที่มีความสุข ผมและเธออาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะไปส่งเธอที่เอกมัยเพื่อกลับบ้านของเธอ ขากลับทุกครั้งเราสองคนจะแวะกินก๋วยเตี๋ยวร้านที่อยู่ข้างเอกมัยหากใครเคยไปเอกมัยคงจะนึกออก แล้วก็สั่งเหมือนเดิมทุกครั้ง เธอมักจะตักลูกชิ้นให้ผมทุกครั้งเวลาที่เราไปกินเพราะเธอกินไม่เยอะ เสร็จสรรพก็พาเธอไปซื้อตั๋วแล้วก็รอส่งเธอจนกว่าเธอจะขึ้นรถผมจึงกลับไปทำภารกิจอื่นๆ

อ่านต่อวันพรุ่งนี้


>>>>>ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราทำกันอย่างสม่ำเสมอทุกครั้งที่เราได้เจอหรือได้อยู่ด้วยกัน นอกเหนือจากการคุยโทรศัพท์กันหรือส่งข้อความหากัน อาจจะเป็นเพราะเวลาทำงานของเธอด้วยหรือเปล่าผมไม่รู้เพราะการทำงานของเธอนั้นก็เป็นกะเหมือนคล้ายกันกับผม คือเช้าสลับกับกลางคืนมันเลยทำให้ช่วงเวลากลางคืนของเราสองคนนั้นมีเวลาได้คุยกันยาวนานขึ้น แม้เธอจะอยู่คนละที่กับผมตั้งแต่ผมคบกับเธอมา ผมไม่เคยเป็นห่วงเธอเลยสักครั้งเดียวก็ว่าได้ ก็เพราะเนื่องมาจากว่าเธอนั้นไม่เคยทำตัวให้ผมต้องเป็นห่วงเธอเลย ก่อนที่เธอจะไปทำงานเธอจะต้องโทรมาหาและเมื่อเธอถึงที่ทำงานเธอก็จะโทรมาบอกผม รวมถึงขากลับด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าช่วงเวลาดังกล่าวผมจะหลับก็ตาม อย่างน้อยผมก็รู้ว่าเธอเดินทางโดยปลอดภัย ซึ่งมันก็เหมือนกับผมก่อนที่ผมจะไปทำงานผมก็จะโทรบอกเธอเช่นกัน เนื่องจากผมใช้โทรศัพท์ระบบhutcหลายคนที่ใช้ระบบนี้คงจะเข้าใจ ว่ามักจะมีปัญหาเวลาโทรข้ามเครือข่าย ยิ่งเธออยู่ต่างจังหวัดด้วยแล้วถือว่าสัญญาณยิ่งแย่ไปกว่าเดิม ทุกครั้งที่ผมโทรหาเธอกว่าจะติดไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง ขึ้นไป แต่ผมก็ไม่เคยหงุดหงิดกับการที่โทรไม่ติด ผมยังคงโทรไปเรื่อยๆไปจนกว่าจะติด ระยะเวลาของการคบกันและความรักของเราผ่านปีที่ 1 ไปอย่างรวดเร็วทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เรายังคงมีความสุขและรักกันสม่ำเสมอ ยังคงใช้ชีวิตและปฏิบัติต่อกันเหมือนตอนที่เรารักใหม่ๆ ล่วงเลยเข้าสู่ปีที่ 2 ผมนั้นได้รับมอบหมายให้ไปทำงานที่พัทยาซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของงานผม ซึ่งการที่ผมต้องย้ายไปทำงานต่างจังหวัดนั้นก็ไม่ได้มีผลต่อความรักของเราทั้งสองคน ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่เรารักกัน ผมยังไม่เคยบอกทางบ้านว่าผมมีแฟนแล้วแต่คงเดาได้ว่าที่บ้านผมก็คงจะรู้ แม้จะไม่ชัดเจนก็ตาม หลังจากที่ผมคบกับเธอมาหนึ่งปีผมจึงพาเธอเข้าบ้านเพื่อไปไหว้แม่ของผม ผมเชื่อว่าเมื่อแม่เห็นเธอแล้วแม่จะต้องรักเธอเหมือนที่ผมรักเธอ ไม่ใช่ว่าผมจะใช้เวลาปีหนึ่งในการตัดสินใจพาเธอเข้าบ้าน ผมมั่นใจตั้งแต่แรกแล้วเพียงแต่เวลาและจังหวะต่างๆยังไม่ลงตัวเท่านั้นเอง
               วันนี้ผมนัดกับเธอที่เอกมัยซึ่งตัวผมจะเดินทางมาจากพัทยาและตัวเธอก็จะเดินทางมาจากระยองเช่นกัน ผมมาถึงก่อนเธอและนั่งรอเธอเหมือนทุกครั้ง ไม่นานนักเธอก็มาถึง ผมคุยกับเธอระหว่างที่เราสองคนกำลังเดินทางไปบ้านผมเพื่อพบแม่และน้องผม ผมถามเธอว่าพร้อมและมั่นใจหรือยังที่จะเจอกับแม่ผม เธอบอกว่าเธอพร้อมและเธอก็มั่นใจว่าแม่ของผมก็จะต้องชอบเธอเช่นกัน แน่นอนครับผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองผมเป็นลูกแม่ผมก็มั่นใจว่าแม่ผมจะชอบเธอเช่นกัน ผมไม่รู้สึกตื่นเต้นหรือวิตกใดๆทั้งสิ้นเกี่ยวกับการพาเธอไปไหว้แม่ผมครั้งนี้ ผมกับมั่นใจและรู้สึกเป็นปกติเพราะถือว่าเป็นการแนะนำแฟนผมให้กับทางบ้านผมอย่างเป็นทางการ ความจริงแล้วแม่เคยบอกว่าลูกรักใครแม่ก็รักด้วย แต่ถ้าเธอคนนั้นไม่ถูกใจแม่มันก็คงจะทำให้ลำบากใจในการพาใครสักคนเข้ามาในครอบครัวผม เมื่อผมเดินทางมาถึงบ้านผมแนะนำเธอกับแม่และบอกให้เธอทำตัวปกติเพราะแม่ผมเป็นคนใจดี เธอก็ดูจะวางตัวดีครับรู้จักกาลเทศะ มิหนำซ้ำเธอยังซื้อของที่แม่ผมชอบมาฝากแม่ผมทั้งของกินและของใช้เรียกกันว่าทำคะแนนตั้งแต่วันแรกเลยทีเดียว

อ่านต่อวันพรุ่งนี้


>>>>>ซึ่งดูสีหน้าและแววตารวมถึงคำพูดของแม่ผมแล้ว คิดว่าแม่คงจะพอใจในตัวเธอรวมทั้งคนในครอบครัวผมด้วย เสียดายที่ตอนนี้พ่อผมไม่อยู่เสียแล้ว แต่ยังไงผมก็พาเธอไปไหว้รูปของพ่อผมที่อยู่ในห้อง หลังจากผมปล่อยให้เธอได้พูดคุยอยู่กับแม่โดยที่มีผมร่วมคุยเป็นระยะ พอตกถึงช่วงเย็นๆผมก็จะต้องพาเธอไปส่งที่เอกมัยเพื่อให้เธอกลับไปทำงาน ผมสงสารเธอนะครับที่เธอต้องเดินทางมาผม ผมรู้ว่าเธอเหนื่อยและเมารถ แต่เธอก็บอกว่าเธอเต็มใจที่จะมา หลังจากที่ผมส่งเธอขึ้นรถกลับบ้านไปแล้ว เมื่อผมเดินทางกลับถึงบ้านก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆจากคนในครอบครัวผม เยี่ยมเลยครับแสดงว่าเธอผ่านแล้วเพราะถ้าเธอไม่ผ่านแม่ผมจะพูดแน่นอน ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว หลังจากที่ผมได้พาเธอมาหาแม่แล้วผมก็พยายามพูดถึงเธอให้มากขึ้น ให้แม่รู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน คือเล่าเรื่องเกี่ยวกับเธอให้แม่ได้รู้มากยิ่งขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ถือว่าเธอผ่านแล้วสำหรับคนในครอบครัวผม ผมคบกับเธอเป็นไปอย่างปกติทุกอย่างจากวันแรกจนวันนี้ จวบจนครบ 1 ปีผ่านใปเราก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีสิ่งไหนเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงกับเธอนั้นก็คือ ผมเป็นแรงผลักดันให้เธอได้เรียนต่อเพราะตัวเธอเองนั้นจบเพียงแค่ ม.6 ซึ่งนั่นมันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมและเธอที่จะคบกัน ซึ่งจริงๆแล้วเธอนั้นอยากเรียนต่ออยู่แล้ว ผมก็เลยเหมือนกับว่าเป็นแรงจูงใจให้กับเธออีกทีหนึ่ง เธอจึงตัดสินใจที่จะเรียนต่อในระดับปวส.
เมื่อก้าวเข้าสู่ปีที่ 2 ความรักของเราก็ยังหวานอยู่เหมือนเดิม ไม่เคยลดลงหรือจางลงเลยแม้แต่นิดเดียว ผมยังพาเธอมาหาแม่อยู่เป็นประจำตามเวลาและโอกาสที่เหมาะสม และสงกรานต์ปีนี้ผมก็ชวนเธอไปเที่ยวที่บ้านต่างจังหวัดของผมซึ่งเป็นบ้านเกิดของแม่ผมนั่นเอง ทีนี้แหละเธอจะได้เจอกับญาติๆผมซึ่งเมื่อมีเทศกาลแต่ละครั้งญาติผมจะมารวมตัวกันเพื่อพบปะ ดื่มกิน ตามประสาพี่น้องและลูกๆหลานๆ ซึ่งหากว่ารวมกันทีไรละก็มีไม่ต่ำกว่า 30-40 คนเลยทีเดียวก็ว่าได้ ผมบอกแม่ผมว่าผมจะขอชวนเธอไปเที่ยวด้วยแม่ผมไม่ขัดข้องบอกว่าให้ชวนเธอไปด้วยสิ อย่างน้อยก็เป็นการเปิดตัวกับญาติผมเลยคราวนี้ และคิดว่าก็คงไม่มีปัญหาเพราะแม่ผมยังผ่านเลย นับประสาอะไรกับญาติ เมื่อถึงวันที่จะไป ผมบอกเธอว่าผมจะไปรับเธอที่รถไฟฟ้าใต้ดินแต่คราวนี้ผมให้เธอมาเองครับ แต่ว่าผมเคยแต่สอนเธอขึ้นรถไฟฟ้าส่วนรถไฟใต้ดินนั้นยังไม่เคยพาเธอขึ้นเลย เอาเถอะผมบอกเธอว่ามันไม่ยากอย่างที่คิดหรอก ผมบอกขั้นตอนซื้อตั๋วให้กับเธอซึ่งมันก็ไม่อยากเลย และดูเหมือนว่าจะง่ายกว่ารถไฟฟ้าเสียด้วย หลังจากผมอธิบายเธอเสร็จแล้วผมก็ไปรอรับเธอที่สถานี ไม่นานนักเธอก็มาถึงจนได้เธอมาพร้อมกับกระเป๋าใบโตเลยทีเดียว ผมบอกเธอว่านี่ไปเที่ยวนะไม่ได้ให้เธอย้ายมาอยู่กับผม และแล้วกระเป๋าใบโตใบนั้นก็ต้องตกมาอยู่ในมือผมตามระเบียบ ผมรีบพาเธอเข้าบ้านเพราะที่บ้านผมเขาเสร็จแล้ว รอที่จะเดินทางไปกันแล้วซึ่งการเดินทางใช้เวลาแค่ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นก็ถึงแล้ว เมื่อเราเดินทางถึงที่หมายของเราผมก็พาเธอไปแนะนำกับญาติผมทีละคน ญาติหลายคนรู้สึกแปลกใจที่ผมพาเธอมาด้วย และก็เป็นไปอย่างที่คาดไว้นอกจากเธอจะเข้ากับแม่และครอบครัวผมได้แล้ว เธอยังเข้ากับญาติๆผมได้เสียด้วย เธอจึงเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวผมไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพี่ป้า น้า อา ต่างก็ชอบเธอหมด ซึ่งป้าผมยังเอ่ยขอเปลี่ยนตัวลูกสะใภ้แกกับตัวเธอเลย เพราะเธอนั้นช่วยทั้งงานบ้าน ทำกับข่าวรวมถึงเก็บกวาดล้างจาน ซึ่งตัวเธอนั้นเวลาอยู่ที่บ้านก็ทำเป็นปกติของเธออยู่แล้ว และผมก็ไม่ได้บอกให้เธอทำเพื่อเอาใจพวกญาติพี่น้องของผมด้วย

อ่านต่อวันพรุ่งนี้


>>>>>จะว่าไปแล้วญาติๆผมก็เอ็นดูเธอไม่น้อยเลย ณ ตอนนี้เธอผ่านหมดแล้วไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของผมหรือแม้แต่ญาติพี่น้องของผม เราใช้เวลาอยู่ที่นั่น 3 วัน ขากลับผมซื้อของฝากให้เธอนำกลับไปให้แม่เธอด้วยที่ระยอง ตอนนี้เธอก็ได้มาบ้านผมแล้วจะเหลือก็เพียงแต่ผมเท่านั้นที่ยังไม่เคยไปบ้านเธอเลย ซึ่งเธอก็เคยเอ่ยปากชวนผมอยู่หลายครั้ง แต่มันก็ยังไม่ได้จังหวะเวลาเหมาะซะที และตอนนี้แม่เธอก็รู้แล้วละครับว่าเธอนั้นคบกับผมอยู่แต่แม่เธอไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่บอกกับเธอว่าไม่หล่อก็ไม่เป็นไรขอให้เป็นคนดีก็แล้วกัน ซึ่งตอนนี้ก็จะเหลือเพียงแต่ผมจะไปเจอท่านเท่านั้นเอง ผมมักจะบอกกับเธอว่าเราจะต้องรักกันแบบนี้ไปตลอด ต้องเติมความรัก ความหวานให้กันตลอด ซึ่งผมเองนั้นเคยบอกกับเธอว่าคนเราถ้าคบกันมาครบ 3 ปีแล้วอะไรๆต่างๆอาจจะไม่เหมือนเดิม ถ้าผ่านตรงนี้ไปได้ก็คงจะได้อยู่ด้วยกัน แต่สำหรับผมแล้วตอนนี้เวลามันผ่านมาหนึ่งปีแล้ว แต่ผมกับเธอก็ยังเหมือนเดิม ยังบอกรักกันทุกวัน ส่งข้อความหวานๆหากัน เวลาผมเหนื่อยผมแค่ได้ยินเสียงเธอมันก็หายเหนื่อยแล้วครับ นี่แหละครับที่เขาเรียกว่ากำลังใจ มันเป็นเหมือนสิ่งที่คอยชโลมหัวใจเราให้ชุ่มชื่นและมีความสุข สำหรับคนอื่นอาจจะมีสุขบ้าง ทุกข์บ้าง แต่สำหรับผมและเธอนั้นมันมีแต่ความสุข
                   14 กุมภาพันธ์ 2551 วันวาเลนไทน์ วันนี้ผมนัดเจอกับเธอเหมือนปกติทุกครั้งที่เรานัดกัน ผมเดินทางจากพัทยามาเอกมัย ส่วนเธอก็เดินทางจากระยองมาเอกมัย จุดหมายของเราก็คือห้องพักของเราทั้งสองคน ผมจะพูดกับเธอเสมอว่านี่แหละคือเรือนหอของเราทั้งสองคน ผมเดินทางมาถึงเอกมัยก่อนเธอซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ ไม่นานนักเธอก็มาถึงและก็เดินทางไปห้องพักของเราทันที หลังจากเราซื้อตั๋วรถไฟฟ้าเสร็จระหว่างรอรถไฟฟ้ายังไม่มานั้น เธอได้ก้มลงหยิบบางสิ่งบางอย่างในถุงกระเป๋าที่เธอเอามา ผมไม่ได้สังเกตหรอกครับว่ามันคือกระเป๋าอะไร คิดว่าน่าจะเป็นกระเป๋าใส่ของปกติเหมือนทุกครั้ง แต่สิ่งที่เธอหยิบขึ้นมา มันเป็นช่อดอกไม้ครับ สีชมพูสวยงามเลยครับ เธอยื่นให้ผมแล้วก็บอกว่า “ สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะค่ะ’’ ถึงแม้ว่าตัวผมที่จริงแล้วจะเป็นคนที่หวานเวลาอยู่กับเธอ แต่ว่าผมก็ไม่ใช่เด็กแล้วและนี่มันก็มีคนเยอะซะด้วยมันก็เลยรู้สึกเขินเหมือนกัน แต่ก็ต้องทำเป็นไม่เขินอายเพราะกลัวเธอจะเสียใจ ผมค่อยๆรีบใช้จังหวะเก็บดอกไม้ใส่กระเป๋าโดยบอกว่าเดี๋ยวมันจะเปื้อน ถ้าเธอรู้เธอคงงอนผมแน่ๆเลย แต่ในใจลึกๆของผมนั้นมันมีความสุขครับ ดีใจด้วย วันวาเลนไทน์ปีนี้เราจะได้อยู่ด้วยกัน จะว่าไปแล้วก็ไม่เกี่ยวหรอกครับเพราะว่าวันไหนผมก็รักเธอเหมือนเดิมทุกวันไม่มีเปลี่ยนแปลง ยังคงเหมือนเดิม ระหว่างที่เราอยู่ด้วยกันสองคนก็มีการคุยกันถึงเรื่องอนาคตของเรา คุยเรื่องว่าถ้าเราอยู่ด้วยกันแล้วจะทำอะไร อยู่แบบไหน จะมีลูกกันกี่คน ไปเรื่อยเปื่อยผมคิดว่าคู่รักอื่นก็น่าจะเป็นแบบนี้นะครับ เวลาได้อยู่ด้วยกัน

อ่านต่อวันพรุ่งนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 17, 2010, 09:20:29 am โดย มนุษย์ค้างคาว »

ออฟไลน์ แก้วจ๋าหน้าร้อน

  • สิ่งใดคือธรรมะ สิ่งนั้นย่อมดีแล้วสูงสุด
  • ทีมงานกวาดลานดิน
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 6503
  • พลังกัลยาณมิตร 1741
  • ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครอง
    • kaewjanaron
    • facehot
    • ดูรายละเอียด
    • ใต้ร่มธรรม
 :27: งื้อ ซึ้งงับ อยากอ่านต่อจัง
การโพสภาพโดยใช้เว็บฝากไฟล์ภาพ imageshack.us/ (เว็บกบ)
การปรับแต่งห้องสมาชิกไร้ขีดจำกัด Ultimate Profile + ห้องเพลงส่วนตัว
การตั้งกระทู้และการโพสกระทู้ในเว็บใต้ร่มธรรมครับ
การแก้ไข้ข้อมูล ชื่อ ระหัส ส่วนตัวของสมาชิกใต้ร่มธรรมครับ
การใส่รูปประจำตัวเรา Avatar รวมทั้งลายเซ็นต์ ในกระทู้หรือโพสของเราครับ
เพิ่มไอคอน ทวิสเตอร์ เฟชบุ๊ค ยูทูบ ในโปรโปรไฟล์ของเรา
การสร้างอัลบั้มภาพส่วนตัวในห้องสมาชิก Profile Pictures
การเพิ่มเพื่อน กัลยาณมิตรใต้ร่มธรรม ในห้องสมาชิกส่วนตัว
การดูกระทู้ทั้งหมดที่เรายังไม่ได้อ่านครับ
โค้ดสี bb color code ไว้สำหรับโพสกระทู้ครับ
*วิธีเคลียร์แคชในทุกเว็บเบราว์เซอร์ครับ เมื่อคอมอืด*

ห้องประชุมของทีมงาน
~ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ~

ออฟไลน์ มนุษย์ค้างคาว

  • เกล็ดเมล็ด
  • *
  • กระทู้: 27
  • พลังกัลยาณมิตร 16
    • ดูรายละเอียด
 >>>>>ผมบอกกับเธอว่าผมอยากได้โน้ตบุคซักเครื่องเอาไว้ทำงานแต่มีข้อแม้ว่าเธอนั้นต้องเป็นคนซื้อให้ผมเพราะว่าผมอยากให้เธอเป็นคนซื้อให้ โดยที่ผมจะซื้อทองให้เธอ 1 บาท เป็นการแลกกันจะว่าไปแล้วเธอซื้อโน้ตบุคราคาสองหมื่นห้าให้ผม แต่ทองของผมราคาหมื่นกว่าบาท จะว่าไปผมได้กำไรนะนี่ แต่ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับผมไม่คิดจะเอากำไรอะไรจากเธอ หรือแม้แต่เงินทองของเธอผมก็ไม่อยากได้หรอกครับ เพียงแต่อยากให้เธอซื้อให้ผมเท่านั้น เธอบอกว่าเธอยังไม่มีเงินเอาไว้เธอผ่อนชำระหนี้ของที่เธอผ่อนเสร็จแล้วเธอจะผ่อนให้ผม ระหว่างที่เราทั้งสองคนคบกันเข้าสู่ปีที่ 2 เธอก็ได้ลงเรียนตามที่เธอตั้งใจไว้โดยที่มีผมเป็นกำลังใจและคอยช่วยเหลือเธอเวลาเธอมีปัญหาเกี่ยวกับงานที่เธอได้รับมอบหมายจากอาจารย์ บางครั้งเธอยังหอบเอาหนังสือมาให้ผมช่วยสอนเลยก็มี เธอเรียนเกี่ยวกับคอมครับประมาณพวกตกแต่งโดยใช้คอม เธอมักจะเอารูปเธอบ้าง รูปผมบ้างไปตกแต่งทำหน้าให้ขาวบ้าง ทำเป็นรูปคู่กันบ้างตามที่เธอเรียนมา โดยเธอจะใช้เวลาวันอาทิตย์เพื่อไปเรียนตั้งแต่เช้าจนเย็นพอเลิกเรียนกลับบ้านเป็นอย่างนี้ปกติ และแล้วสิ่งที่ผมไม่เคยรู้สึกเป็นห่วงในตัวเธอมันก็ได้เกิดขึ้น ผมโทรคุยกับเธอเป็นปกติทุกวัน วันละหลายครั้ง วันนี้เป็นวันอาทิตย์เธอไปเรียนแต่เช้าซึ่งก็เหมือนกับเวลาไปทำงานครับคือก่อนที่เธอไป เธอจะต้องโทรบอกผมและเมื่อถึงโรงเรียนเธอก็จะโทรบอกผม วันนี้หลังจากที่เธอเลิกเรียนแล้วเธอก็โทรมาบอกผมว่ากำลังจะกลับบ้านแต่วันนี้เธอบอกว่ากลับพร้อมเพื่อนโดยเพื่อนเธอเอารถมอเตอร์ไซค์มา ระยะทางจากโรงเรียนถึงบ้านเธอใช้เวลาเดินทางก็จะประมาณหนึ่งชั่วโมง แต่ตอนนี้มันชั่วโมงครึ่งแล้วยังไม่เห็นเธอโทรมา ผมเลยโทรกลับไปหาเธอแต่เธอไม่ได้รับสาย หลังจากนั้นผมก็โทรไปหาเธออีกก็ยังไม่รับสาย ผมเริ่มรู้สึกเป็นห่วงเธอแล้วสิครับเพราะปกติเธอไม่เคยเป็นแบบนี้หากว่าแบตหมดเธอก็จะขอโทรศัพท์เพื่อนโทรหาผมหรือไม่ก็หยอดตู้สาธารณะมา แต่นี่กลับเงียบไป เวลาล่วงเลยไปถึง4ชั่วโมงน่าจะได้ ผมโทรไปหาเธออีกรอบ โล่งใจไปเสียทีคราวนี้เธอรับสาย พอเธอรับผมก็บ่นเธอครับเพราะเป็นห่วงมากเธอบอกว่าเธอโดนรถยนต์ชนท้ายทำให้รถล้มเธอไม่เป็นอะไรมากแค่ถลอกนิดหน่อย มีเจ็บตามขาและเอว ผมรู้สึกเป็นห่วงเธอเหลือเกินอยากจะอยู่ใกล้เธอเลยตอนนี้ถ้าทำได้  และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเป็นห่วงเธอตั้งแต่คบกันมา แต่เธอสิครับกลับกังวลใจถึงแผลเป็นที่หน้าของเธอเพราะตอนที่ถูกชนนั้นเธอไม่ได้ใส่หมวกกันน๊อคและก็มีแผลที่หน้าเธอด้วย ผมบอกเธอว่าอย่าคิดมากเดี๋ยวก็หาย สาเหตุที่เธอคิดมากก็เพราะว่าเธอกลัวผมจะไม่รักเธอเหมือนเดิมเพราะว่าหน้าเธอมีแผลเป็น ผมเลยบอกเธอว่าเอาไว้เจอกันก่อนแล้วจะบอกก็แล้วกันนะว่ายังรักอยู่หรือเปล่า ก็น่าเห็นใจเธอครับเพราะปกติแล้วถึงแม้ว่าเธอจะไม่สวยแต่ผิวพรรณของเธอนั้นสวยมากครับ ผิวขาวเนียน โดยเฉพาะหน้าแล้วผมว่ามีผู้หญิงหลายๆคนที่อิจฉาผิวของเธอ มันก็เลยทำให้เธอคิดมากนั่นเอง หลังจากที่เธอหายแล้วผมก็นัดเจอกับเธอซึ่งก็เหมือนเดิมและที่เดิมตามปกติที่เราเจอกัน เมื่อผมเจอเธอสีหน้าของเธอบ่งบอกถึงความกังวลใจไม่น้อย ผมเอามือลูบหัวเธอพร้อมพูดกับเธอว่าเจ็บหรือเปล่า แล้วก็บอกว่าไม่เห็นมีอะไรเลยแค่แผลเป็นธรรมดา เดี๋ยวทายาก็หายแล้วแต่ว่ามันก็เยอะนะครับไม่ใช่แผลเป็นเล็กๆ ผมเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเธอโดยการคว้ามือเธอมาจับไว้แล้วเราก็เดินทางกลับห้องด้วยกัน สำหรับผมแล้วผมเหมือนเดิมครับ ไม่ว่าเธอจะมีแผลเป็นหรือไม่มีก็ตาม เรื่องแค่นี้มันคงไม่ทำให้ผมเปลี่ยนใจหรือไม่รักเธอเป็นไปไม่ได้หรอกครับ
อ่านต่อวันพรุ่งนี้


>>>>>ซึ่งผมสังเกตุดูหน้าเธอแล้วนั้นเธอก็คงจะมั่นใจขึ้นมาแล้วไม่มากก็น้อย เราสองคนเดินทางไปห้องพักของเราเหมือนปกติทุกครั้ง ผมพูดคุยสอบถามเธอเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น พูดจากับเธอด้วยความเป็นห่วงเป็นใย เธอมักจะบอกกับผมว่าเธอไม่ชอบเลยที่มีแผลเป็นแบบนี้ แต่ผมก็ได้บอกกับเธอว่าไม่เป็นไรไม่ต้องไปกังวลเดี๋ยวหาซื้อยามาทาไม่นานก็คงจะหายเหมือนเดิม ระหว่างทางที่เราเดินทางไปห้องพักก็มีคนอื่นๆที่เดินสวนเราก็มีมองหน้าเธอบ้างตามปกติของคนที่มีแผลเป็นบนใบหน้า แต่สำหรับผมแล้วผมไม่อายหรือรู้สึกกังวลใจอะไรหรอกครับ ที่ตอนนี้ผมต้องเดินจับมือกับคนที่มีแผลเป็นบนใบหน้า ซึ่งเดินไปตรงไหนก็มีแต่คนมอง แต่สำหรับผมแล้วผมรู้สึกว่ามันปกติทุกอย่างครับ ไม่ได้สนใจคนอื่นๆ เมื่อเราสองคนเดินทางถึงห้องพักแล้ว ก็คงเหมือนกับทุกครั้ง ก่อนที่เราจะทำความสะอาดห้องหรือแม้แต่จะทำอะไรต่างๆ เราสองคนจะต้องโผเข้ากอดกันและจะกอดกันแบบนี้อยู่นิ่งๆแน่นๆแล้วก็นานๆ ให้สมกับที่เราไม่ได้เจอกันบ่อยๆ มันเป็นความความรัก ความคิดถึง แล้วก็ความอบอุ่น ที่เราทั้งสองคนมีต่อกัน ถึงแม้ว่าผมจะเป็นผู้ชายผมก็ยังรู้สึกถึงความอบอุ่นทุกครั้งเวลาที่ได้กอดเธอแน่นๆ ส่วนเธอนั้นก็เช่นเดียวกันกับผมเธอจะบอกผมว่าเธอรู้สึกอบอุ่นเช่นกันและก็รู้สึกถึงการปกป้องดูแลเธอที่ได้จากผม  หลังจากที่ผมและเธอกอดกันได้ซักครู่ หนึ่ง ผมก็หันมาหอมแก้มเธอและบรรจงจูบที่รอยแผลเป็นของเธอซึ่งตอนนี้หายเจ็บแล้ว เพียงเหลือแต่รอยแผลเท่านั้น อย่างเบาๆและบอกกับเธอว่า ผมจูบให้แล้วนะเดี๋ยวแผลก็หาย แล้วก็ถามเธอว่าแล้วตอนนี้รู้หรือยังว่ายังรักเธออยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า เธอไม่ตอบผมแต่โผเข้ามากอดผมแทน สิ่งที่ผมทำให้เธอมันคงจะตอบเธอได้แล้วละว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอผมก็ยังรักเธอเหมือนเดิม และที่สำคัญมันก็ไม่ใช่ช่วงแรกๆที่เรารักกัน เพราะนี่มันได้เข้าสู่ปีที่สองแล้ว ในเมื่อเธอไม่เคยรักที่หน้าตาของผมแล้วนับประสาอะไรกับแผลเป็นที่อยู่ภายนอกกายแบบนี้ เดี่ยวทายาบ่อยๆเธอก็จะหายกลับมาเป็นคนที่น่ารักของผมเหมือนเดิม มันคงไม่มีตุผลใดที่จะมาทำให้ความรักของผมกับเธอลดน้อยลงได้ ความรัก ความคิดถึง รวมถึงความสุขยังคงเกิดขึ้นกับเราทุกครั้งที่เราได้เจอ ได้อยู่ด้วยกันไม่ว่าระยะเวลานั้นมันจะสั้นหรือยาวนานก็ตาม แม้แค่เพียงชั่วข้ามคืนมันก็เพียงพอแล้วสำหรับ การที่เราได้อยู่กับคนที่เรารักที่สุด ผมมักจะพูดและคิดว่าเธอกับผมจะต้องเป็นเนื้อคู่กันแน่นอนและเราคงจะต้องได้อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตจนกว่าเราจะตายจากกันไป บัดนี้ความเป็นห่วงของผมในตัวเธอกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานี้ก็ได้หมดลงไปแล้ว และก็คิดว่ามันคงจะไม่มีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นมาอีก สำหรับค่ำคืนนี้แล้วผมบอกกับเธอว่าไม่ต้องกลัวและกังวลใจอะไรอีกต่อไป ในเมื่อเธอยังนอนอยู่ในอ้อมแขนของผม  ผมจะไม่ให้อะไรต่างๆมาทำร้ายเธอได้ ซึ่งหากเป็นไปได้ผมอยากจะหยุดเวลาแบบนี้เอาไว้ เวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ไม่อยากให้มันถึงตอนเช้าเลย เพราะเมื่อถึงเช้าแล้วมันก็คือเวลาที่เราทั้งสองคนต้องจากกันอีก แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องเศร้าหรอกครับ เพียงแต่เราสองคนอยากอยู่ด้วยกันนานๆที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็เท่านั้น
อ่านต่อวันพรุ่งนี้


>>>>>ชีวิตรักของเรายังคงดำเนินต่อไปอย่างมีความสุขและเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ผมและเธอยังคงส่งข้อความบอกรักกันทุกครั้งเมื่อถึงวันครบรอบวันที่เรารักกัน และในวันปกติ เธอจะถามผมว่าผมเบื่อหรือยังที่รักกับเธอและผมก็จะตอบคำตอบเดิมๆ ก็คือยังไม่เบื่อ มันไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อในความรักที่ผมมีต่อเธอเธอ ผมมักจะหาคำพูดและหรือวิธีการต่างๆ มาเติมแต่งความรัก ของเราทั้งสองคนตลอดเวลาเพื่อให้ความรักของเรายังคงดูชุ่มชื่นและสดใสเหมือนกับเช่นวันที่เรารักกันใหม่ๆ มันช่างเป็นอะไรที่ลงตัวทุกอย่างไม่มีคำว่าทุกข์มีแต่คำว่า สุข สุข แล้วก็ สุข
                 เข้าสู่ปีที่สองที่เรารักกัน สงกรานต์ปีนี้ผมชวนเธอไปเที่ยวต่างจังหวัดที่บ้านผม ซึ่งเธอเคยไปมาแล้วครั้งหนึ่ง ส่วนการไปบ้านเธอนั้นก็ยังคงเป็นโปรแกรมต่อไปแต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ผมและเธอรวมถึงแม่และญาติพี่น้องของผมไปเที่ยวไหว้พระกันในวันสงกรานต์ มันช่างเป็นความสุขที่ไม่รู้จะบอกหรือบรรยายเป็นคำพูดได้อย่างไร ผมก็รักเธอ ครอบครัวผมก็รักเธอ ญาติพี่น้องผมก็รักเธอ ดูมันจะลงตัวไปหมด ระหว่างที่เราเดินเที่ยวชมและไหว้พระกัน รวมถึงถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก อีกมุมหนึ่งของวัดบรรดาแม่และญาติๆผมต่างกำลังมุงซื้อเครื่องประดับที่มีวางขายเพื่อเป็นสิริมงคลและเพื่อความสวยงาม แม่ผมซื้อแหวนให้เธอหนึ่งวงพร้อมจี้กับสร้อยตามปีเกิดให้กับเธอ ดูเธอมีความสุขและดีใจที่แม่ผมเป็นคนซื้อให้เธอ ผมบอกเธอว่าถ้าอยู่บ้านก็ไม่ต้องใส่ก็ได้แต่ถ้าเวลามาหาผมหรือมาหาแม่ก็ให้ใส่มาด้วย เพราะปกติแล้วตัวเธอเองก็ไม่ได้ใส่เครื่องประดับอยู่แล้ว สงกรานต์ปีนี้ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เล่นสาดน้ำเหมือนหนุ่มๆสาวๆคนอื่น แต่การที่เราทั้งสองคน รวมถึงญาติพี่น้องของผมได้ไปเที่ยวไหว้พระด้วยกัน ก็นับว่าเป็นความสุขและความสนุกเหมือนเช่นคนอื่นเหมือนกัน สงกรานต์ปีนี้เราใช้เวลา 3 วัน 2 คืนที่บ้านต่างจังหวัดของผม
                  ผมมีความคิดที่อยากจะพาเธอไปเที่ยว ไปกิน ไปในที่ที่เธอไม่เคยไปแต่ก็นั่นอีกแหละครับ เมื่อยามที่ผมมีเวลามันก็มักจะสวนทางกับเงินในกระเป๋าของผม แต่พอผมมีเงินก็กลับกลายเป็นไม่มีเวลาซะอีก แต่สิ่งที่ผมทำให้เธอทุกอย่างรวมถึงความรักและความห่วงใยที่มีให้เธอ ผมคิดว่าเธอก็คงไม่อยากรียกร้องเรื่องอะไรต่างๆมากไปกว่าการได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน
                  14 กุมภาพันธ์ 2552 วันวาเลนไทน์ปีนี้เธอไม่มีอะไรมาให้ผม แต่ก็ไม่เป็นไรครับเพราะมันไม่สำคัญเท่าไหร่ สิ่งที่สำคัญก็คือการที่เราทั้งสองคนได้มาเจอและได้อยู่ด้วยกันในวันนี้ นี่แหละครับความสุขที่ผมและเธอเฝ้านับวันคอย ทุกครั้งที่เราต้องจากกัน ผมก็เริ่มนับปฏิทินและกำหนดวัน ว่าเราจะเจอกันอีกวันไหน ถ้าผมมีเงินมากพอผมจะให้เธอมาหาผมทุกอาทิตย์เลยทีเดียว แต่ทว่าเมื่อเราเจอกันทุกครั้งก็ต้องมีค่าใช้จ่าย มันจึงเป็นอย่างที่ผมคิดไม่ได้ หลายคนที่อ่านแล้วอาจจะคิดว่าการที่ผมและเธอนัดมาเจอกันแล้วก็ไปอยุ่ด้วยกันมันเป็นอะไรที่เดิมๆ เหมือนกันทุกครั้ง นัดเจอที่เอกมัย ขึ้นรถไฟฟ้าไปห้องของเรา แวะซื้อของกินที่เซเว่น เข้าห้อง ขากลับก็นั่งรถไฟฟ้าไปเอกมัย แวะกินก๋วยเตี๋ยวร้านเดิม พาเธอไปซื้อตั๋วแล้วก็รอส่งเธอขึ้นรถ ผมอยากบอกว่านี่แหละครับทุกครั้งจะเป็นตามนี้ เหมือนเป็นขั้นตอนที่เราต้องปฏิบัติ แต่นี่แหละครับทุกขั้นตอนที่เกิดขึ้นล้วนแต่มีความสุขทั้งสิ้น

อ่านต่อวันพรุ่งนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 07, 2011, 08:49:44 am โดย มนุษย์ค้างคาว »

ออฟไลน์ มนุษย์ค้างคาว

  • เกล็ดเมล็ด
  • *
  • กระทู้: 27
  • พลังกัลยาณมิตร 16
    • ดูรายละเอียด