ผู้เขียน หัวข้อ: The Green Mile ปาฏิหาริย์ แดนประหาร  (อ่าน 3381 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
The Green Mile ปาฏิหาริย์ แดนประหาร
« เมื่อ: ธันวาคม 12, 2010, 05:37:44 am »



The Green Mile Trailer


      ปาฏิหารย์เกิดในที่ที่เราคาดไม่ถึง ไม้เว้นแม้แต่ในแดนประหารของทัณฑสถาน เม้าน์เท่น ที่ซึ่งจอห์น คอฟฟี่

นักโทษร่างยักษ์แสนสุภาพ ผู้มีพลังลึกลับเหนือธรรมชาติ จะนำสัมผัสพิเศษแห่งจิตวิญญาน และความการุณย์ สู่เหล่าผู้คุม

และเพื่อนนักโทษของเขา



      The Green Mile เป็นเรื่องย้อนอดีตที่ พอล เอดจ์คอมบ์ เล่าให้ อีเลน คอนเนลลี่ เพื่อนหญิงที่พักอยู่ที่บ้านพักคน

ชราฟัง เขาอยู่ที่นี่มานานกว่า 60 ปีหลังจากเกษียณ เขาเคยทำงานเป็นหัวหน้าผู้คุมนักโทษประหารที่ Cold Mountain

Penitentiary



      งานของเอดจ์คอมบ์ ในขณะประจำการที่ Cold Moutain ทางใต้ ในยุคของการกดขี่ด้านชนชั้น คือการดูแล

นักโทษประหาร 4 คนที่รอการเดินทางผ่านเส้นทาง ที่เรียกว่า กรีนไมล์, ทางเดินสีเขียวที่นักโทษใช้เป็นทางเดินออกจาก

กรงขัง ..ไปสู่เก้าอี้ไฟฟ้า



        เป็นเวลากว่าหลายปี ที่เอดจ์คอมบ์เดินไปบนทางเดินนี้พร้อมกับนักโทษหลายต่อหลายประเภท แต่เขาไม่เคยรู้สึก

ผูกพันกับใครเหมือนอย่างที่รู้สึกกับ จอห์น ค็อฟฟี่ (ไมเคิล คลาร์ก ดันแดน) นักโทษร่างยักษ์ผิวดำ ที่ต้องคดีฆาตกรรม

เด็กหญิงสองคน จากรูปลักษณ์ภายนอกของค็อฟฟี่ มันเป็นเรื่องไม่ยากที่เขาจะฆ่าใครสักคน แต่จากพฤติกรรมของเขา

กลับตรงข้ามกับสิ่งที่ใคร ๆ เห็น ค็อฟฟี่เป็นคนที่รักสงบ จิตใจอ่อนโยน และกลัวความมืดเป็นที่สุด เอดจ์คอมบ์เองเป็นโรค

นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ วันหนึ่งค็อฟฟี่ก็ได้ตะปบไปที่เป้ากางเกงของเขา และแล้วโรคที่ทรมานเอดจ์คอมบ์มานานก็หายเป็น

ปลิดทิ้ง และพัศดีคนอื่น ๆ ก็ได้รับปาฏิหารย์เช่นนี้จากค็อฟฟี่เหมือนกัน ทำให้ทุกคนรู้สึกดีและผูกพันกับค็อฟฟี่ สิ่งเหล่านี้

ก่อความสงสัยในใจเอดจ์คอมบ์ว่า ค็อฟฟี่สังหารเด็กหญิงสองคนนั้นจริงหรือไม่ เอดจ์คอมบ์ได้เดินทางไปถาม เบิร์ต แฮม

เมอร์สมิธ (แกรี ซีนิส) ทนายความที่ต่างรัฐ ผู้เป็นผู้แก้ต่างคดีให้ค็อฟฟี่ ค็อฟฟี่ได้ช่วยเหลือเมลินดา(แพทริเซีย คาร์กสัน)

ภรรยาที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายของ ฮัล มัวร์ส หัวหน้าพัศดี (เดวิด มอส) จนหายในที่สุด แต่ท้ายที่สุดค็อฟฟี่ก็ไม่อาจ

หลีกเลี่ยงโทษประหารได้

                     


          นั่นทำให้เอดจ์คอมบ์และพัศดีทุกคนต้องหลั่งน้ำตา และจดจำค็อฟฟี่ไปตลอดชีวิต   สำหรับตัวเอดจ์คอมบ์เอง

เขาเปิดเผยให้อีลินรู้ว่า เขาอยู่ที่นี่มานานกว่า 60 ปีแล้ว ณ ตอนนั้นเขาอายุได้ 44 ปี และบัดนี้ เขาอายุ 108 ปี และจะยัง

อยู่ต่อไปอีกเรื่อย ๆ ...


               


ขณะที่เรื่องราวดำเนินไป พอล เอดจ์คอมบ์ ได้เรียนรู้ว่า บางครั้งสิ่งมหัศจรรย์ อาจเกิดขึ้นในที่ที่ไม่มีใครคาดคิด..
___________________________________________________________________________


          คนดีที่จิตใจบริสุทธิ์ จะดำรงชีวิตบนโลกที่มีความจริงที่โหดร้าย อย่างมีความสุขไม่ได้ จะมีความสุขมากกว่าโดยการยอมรับความตายที่เข้ามา (จอนน์ คอฟฟี่)

       คนดีที่จิตใจบริสุทธิ์ แต่มีจิตใจเข้มแข็ง และยอมรับความโหดร้ายของความจริงได้ จึงมีสิทธิที่จะอยู่บนโลกที่โหดร้ายได้ แบบรับรู้มันแต่ไม่มีวันทำตามความเลวร้ายนั้นได้ (พอล เอดจ์คอมบ์)

      บนโลกแห่งความจริง มีคนอยู่หลากหลายประเภท    ทำเลวจนไม่ยอมรับการกระทำของตนเอง ,ทำเลวจริงแต่สุดท้ายก็รับรู้ถึงสิ่งที่ได้กระทำลงไป ,ทำลงไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่เบื้องลึกจิตใจดีงามรับรู้และรักสัตว์โลกแม้มันจะตัวน้อยนิดไม่มีค่าในสายตาของใครใคร

      พระเจ้าอาจสร้างคนขึ้นมาจริง แต่ไม่มีวันที่จะบังคับจิตใจ ให้ใครเป็นคนดี หรือคนร้าย อยู่ที่ตัวของคนคนนั้นที่จะยอมรับตัวเอง ทั้งพรสวรรค์ ความเลว ความดี

       มนุษย์จะอยู่ได้อย่างปกติสุข ถ้ารู้จักทั้งความดี ความเลว และทำใจยอมรับที่จะอยู่ร่วมกันอย่างรู้สึกตัว และมีขอบเขตไม่ให้ความเลวเข้ามาบั่นทอนตัวเองได้ จึงจะมีทั้งความดีของตนและคนอื่นๆบนโลกเป็นตัวหล่อเลี้ยงชีวิตให้มีความสุขบนโลกแห่งความจริง


http://board.debsirin.ac.th/index.php?topic=4137.0;wap2


The Green Mile Soundtrack - Coffey On The Mile


" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
Re: The Green Mile ปาฏิหาริย์ แดนประหาร
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 14, 2010, 09:31:59 am »
The Green Mile : พระเจ้าในร่างนักโทษ


My Score : 9.5/10



Shawshank Redemption ถือเป็นหนัง Drama ที่มีการเล่าเรื่องที่วิเศษที่สุดเท่าที่เคยดูมา Crash เป็นหนังที่สะท้อนถึงปัญหาการเหยียดผิวที่ผมชื่นชอบมากที่สุด Requiem for a Dream คือหนังที่สื่อถึงโทษของยาเสพติดได้ดีที่สุด แต่สำหรับ Green Mile นั้น ผมขอยกให้เป็นหนังที่ถ่ายทอดเรื่องราวของนักโทษประหารได้ดีที่สุดละกัน

The Green Mlie ผลงานเรื่องที่ 2 ของผู้กำกับ Shawshank Redemption และเป็นบทภาพยนตร์จากคมปากกาของ "สตีเฟน คิง" เป็นเรื่องราวของ "จอห์น คอฟฟิน" (Michael Clarke Duncan) นักโทษผิวสีที่ค่อนข้างมีความผิดปกติทางสมอง ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่าข่มขืนเด็กหญิง 2 คน โดยหลักฐานทั้งหมดยืนยันมาจากภาพที่ศพของเด็กอยู่ในอ้อมกอดของเขา ในสภาพที่เขาร้องไห้พร้อมกับพูดแค่เพียงว่า "ผมช่วยพวกเธอไม่ได้" เพียงแค่นั้น ...

จอห์นตกกลายเป็นนักโทษประหารในทันที และถูกส่งมายังแดนประหาร โดยอยู่ในการควบคุมของพัสดี "พอล"(Tom Hanks) ในตอนแรกที่พอลเห็นจอห์นนั้น เขาไม่อยากจะปักษ์ใจเชื่อเลยว่าจอห์นนั้นจะก่อคดีอันน่าสะพรึงกลัวแบบนั้นขึ้นมาได้ เพราะบุคลิกที่เห็น จอห์นเป็นคนขี้กลัว ขี้ตกใจ และชอบร้องไห้คนเดียว อีกทั้งยังมีสิ่งมหัศจรรย์ที่อาจจะเป็นพระเจ้าที่บันดาลมาให้เขา (หรือเปล่า?) คือเขาสามารถรักษาคนได้ ... ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็หมายความว่าเขาคือตัวแทนของพระเจ้าในร่างนักโทษหรือ? แต่ไม่ว่าความจริงแล้วเขาจะผิดจริงหรือไม่ก็ตาม โอกาสที่เขาจะรอดจากการโดนประหารนั้นก็มีไม่ถึง 1% เลยด้วยซ้ำ ... ตลอดเวลาที่จอห์นเฝ้ารอแต่วันที่จะตาย เขาได้ช่วยรักษาคน รวมไปถึงสัตว์ แต่ความดีนั้นคงมีแต่พอลและพรรคพวกในแดนประหารเท่านั้นที่มองเห็น สำหรับคนอื่นๆนอกจากในแดนประหารแล้ว จอห์นถูกเปรียบเปรยเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานเสียอีก ... ท้ายที่สุดแล้วผมไม่อยากเฉลยว่าเรื่องราวจะจบลงอย่างไร? แต่เชื่อว่าทุกคนที่ได้ดูแล้ว คงเอาใจช่วย จอห์น คอฟฟิน อย่างสุดตัว หรืออย่างน้อยคงจะหวังลึกๆว่าปาฏิหารย์คงจะช่วยให้จอห์นได้พ้นผิดได้ ...

ความประทับใจ: เป็นหนังที่มีความเป็นดราม่าสูงมากๆ แม้จะหนักกว่า Shawshank แต่ก็มีครบทุกอารมณ์ นักแสดงเล่นได้ดีทุกคนโดยเฉพาะ "Michael Clarke Duncan" ที่ควรจะได้รับเครดิตสูงสุด

ข้อคิดที่ได้จากหนังเรื่องนี้ เด่นๆเลยก็คือ คนเรามักตัดสินกันด้วยรูปลักษณ์ภายนอก ผมพูดไม่ผิดแน่นอน เพราะถ้าเราสังเกตง่ายๆ คนหน้าตาดีมักจะมีสังคม มีคนคบหามากมาย แม้กระทั่งการสมัครงานตามบริษัทต่างๆ ถ้าคุณมาแบบบุคลิกหน้าตาดูดี ก็มีชัยที่จะได้ร่วมงานไปกว่าครึ่งแล้ว ... นอกจากนี้หนังยังแสดงให้เห็นว่าคนที่ทำผิดก็ต้องชดใช้กรรมที่ก่อไว้ เพราะอะไรที่เราทำผิดพลาดไปแล้ว เราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้ แม้ว่าจะกลับตัวเป็นคนใหม่ได้แล้วก็ตาม ...

สรุป: เป็นอีกผลงานอันทรงคุณค่าของผู้กำกับ Frank Darabont ที่มีจุดยืนที่ชัดเจนในการสร้างหนังที่เล่นกับความรู้สึกของคนดู ดูจบแล้วมีแง่คิดเพียบ ถ้าเคยดู Shawshank หรือ The Mist แล้วชื่นชอบ เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่คุณจะไม่ผิดหวังเลยครับ<!-- End main-->

 
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=yorch0710&month=09-2008&date=08&group=1&gblog=75

" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...