ผู้เขียน หัวข้อ: หมานคร – เรื่องรัก สีลูกกวาด ประหลาดโลก  (อ่าน 5493 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
   



หมานคร Trailer

ถึงแม้หลายปีก่อน ภาพยนตร์สีลูกกวาดอย่าง ฟ้าทะลายโจร จะทำเงินได้ไม่เข้าเป้านัก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผู้กำกับ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ยั่นแต่ประการใด ปีนี้เขากลับมาแล้วพร้อมกับภาพยนตร์สีลูกกวาดเรื่องใหม่ของเขา – “หมานคร”
               
               อันที่จริงที่มาของหมานครนั้นคือนิยายของนักเขียนเจ้าของนามปากกา “คอยนุช” ซึ่งแท้จริงแล้วก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือคุณ ศิริพรรณ เตชจินดาวงศ์ ภรรยาของคุณวิศิษฏ์นี่เอง เมื่อผู้เขียนได้อ่านแล้วก็ต้องขอบอกว่า”อึ้งกิมกี่”ในไอเดียและวิธีการนำเสนอที่เก๋ไก๋แปลกประหลาดมาก และต่อมาเมื่อมีข่าวออกมาว่าจะมีการสร้างมันออกมาเป็นหนัง ผู้เขียนก็ถึงกับอึ้งกิมกี่รอบ 2 เนื่องจากแต่ละฉากแต่ละตอนที่ปรากฏอยู่ในหนังสือนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นฉากแฟนตาซีที่น่าจะทำออกมาได้ยากยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นภูเขาขวดพลาสติก คุณยายที่กลายเป็นจิ้งจก หรือแม้กระทั่งฝนที่ตกลงมาเป็นหมวกกันน็อก แต่เมื่อเห็นชื่อผู้กำกับว่าคือคุณ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ผู้เขียนก็ไว้ใจได้ในระดับหนึ่ง(อาจเนื่องด้วยทั้ง 2 คนเป็นสามีภรรยากัน – เกี่ยวไหม?) แถมคุณวิศิษฏ์ยังออกมาบอกว่าฉากหลุดโลกทั้งหลายในหนังสือจะอยู่กันครบ นั่นยิ่งนับเป็นข่าวดีเข้าไปใหญ่
               
               เรื่องราวของหมานครนั้นเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ แต่มันก็ไม่ใช่กรุงเทพฯ ในบรรยากาศที่เราคุ้นเคยกัน มันกลายเป็นเมืองที่ดูจะหลุดโลกเอามากๆ และนี่เองคือที่ที่ป๊อด(มหาสมุทร บุณยรักษ์) ได้พบกับจิน(แสงทอง เกตุอู่ทอง) ป๊อดเป็นคนต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงานในโรงงานปลากระป๋อง ที่ซึ่งเขาได้เพื่อนใหม่จากการ”สลับนิ้ว”กัน และชะตาชีวิตก็ทำให้เขาจับพลัดจับผลูมาเป็นยามในบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งที่นี้นี่เองที่เขาได้พบกับจิน แม่บ้านชุดฟ้าผู้รักความสะอาดแบบสุดๆ ป๊อดหลงรักจินและจีบเธอมาตลอด แต่จินไม่สนใจเขา เนื่องจากเธอได้ง่วนอยู่กับการตามหาฝรั่งคนหนึ่งที่เธอเรียกเขาว่าปีเตอร์(เนื่องจาก”เป็นชื่อฝรั่งชื่อเดียวที่เธอรู้จัก”) ผู้ซึ่งเป็นความหวังในการแปลหนังสือปกขาวเล่มหนึ่งที่เธอได้มาแต่ไม่เคยอ่านออก จนกระทั่งไปเข้าร่วมกับกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติเจ้าของสโลแกน “พลาสติกไม่เอา ไม่เอาพลาสติก” อีกด้วย ในขณะที่ป๊อดก็ยังเปลี่ยนงานต่อไปเรื่อยๆ พร้อมๆกับที่เขายังหลงรักจินอยู่เรื่อยๆเช่นกัน
 
               ในการเดินทางของป๊อดนั้นชักนำคนดูให้เข้าไปรู้จักกับตัวละครแปลกประหลาดมากมาย อาทิ คง มอเตอร์ไซค์วินผีที่ตายเพราะฝนตกลงมาเป็นหมวกกันน็อก แต่ก็ยังคงให้บริการอยู่ถึงปัจจุบัน, น้องแหม่ม เด็กสาวอายุ 22 ที่ขอหยุดร่างตัวเองไว้ที่ 8 ขวบเพื่อประชดพ่อแม่ ซึ่งมาพร้อมกับหมีธงชัย ตุ๊กตาหมีพูดมากของเธอ ฯลฯ ซึ่งตัวละครเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นการเสียดสีการใช้ชีวิตคนเมืองในปัจจุบันล้วนๆ โดยยังรวมไปถึงสถานการณ์แปลกประหลาดต่างๆที่สร้างขึ้นมาเพื่อการ”ประชด”วิถีชีวิตคนเมืองโดยเฉพาะ(และยังทำได้อย่างเฉียบคมเสียด้วย) แต่ถึงเหตุการณ์และตัวละครต่างๆจะถูกเล่าออกมาแบบค่อนข้างแตกกระจาย สิ่งที่น่าทึ่งคือประเด็นย่อยๆของแต่ละเรื่องที่หนังใส่มาสามารถเชื่อมโยงเข้าสู่ประเด็นหลักของเรื่องได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งประเด็นหลักที่ว่านั่นก็คือ “ความรัก” นั่นเอง
 
               ในขณะที่ในนิยายนำเสนอภาพเมืองออกมาค่อนข้างหลุดโลก ในหนังนั้นประสบความสำเร็จในการสร้างบรรยากาศกรุงเทพฯแท้ๆให้ผสมผสานกับความแฟนตาซีได้เป็นอย่างดี ซึ่งจุดนี้เมื่อถูกเสริมด้วยงานภาพสีลูกกวาดตามสไตล์ผู้กำกับแล้วยิ่งทำให้หนังเกิดเสน่ห์ประหลาดเข้าไปใหญ่ เรียกได้ว่าเข้าไปดูแค่ภาพก็คุ้มค่าตั๋วแล้ว อีกทั้งวิศิษฏ์ยังสามารถดึงดูดคนดูให้เข้าไปมีส่วนร่วมในโลกของ”หมานคร”ทีละน้อยๆได้อย่างแยบยล ซึ่งเมื่อร่วมกับองค์ประกอบต่างๆของหนังไม่ว่าจะเป็นการแสดง เทคนิคพิเศษ หรือดนตรีประกอบที่ทำได้อย่างสอดคล้องกับความเหนือจริงของหนังไปเสียหมด ทำให้ “หมานคร” เป็นงานที่สามารถพูดได้ว่า “ลงตัว” ได้อย่างไม่ขัดเขิน
 
               ไม่บ่อยนักที่เราจะได้ดูหนังภาพสวย เพลงเพราะ(เพราะจริงๆ เพลง “ก่อน” ของโมเดิร์นด็อก โดยเฉพาะเวอร์ชั่นในช่วงเครดิตท้ายเรื่อง) แถมยังมาพร้อมไอเดียที่แปลกใหม่และเฉียบคม เพราะฉะนั้น นี่ถือเป็นอีกหนึ่งหนังไทยที่ไม่ควรพลาดกันเลยทีเดียวครับ

http://www.thaifilm.com/thaiFilmDetail.asp?id=6

ก่อน - modern dog
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
Re: หมานคร – เรื่องรัก สีลูกกวาด ประหลาดโลก
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2010, 06:02:41 am »




หมานคร:ภาวะแห่งการสูญสลายแห่งตัวตนและการค้นหาความหมายของชีวิต

ท่ามกลางเทคโนโลยีที่รุดหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้ง ตึกรามบ้านโอ่โถงสวยงาม มองขึ้นฟ้าก็เห็น BTS ลงดินก็เจอรถไฟ บนดินก็มีทางด่วน เส้นทางแห่งการเดินทางของมนุษย์พาดยาวทาบทับซับซ้อนและดูราวกับไม่มีที่สิ้นสุด วัฒนธรรม pop culture กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบัน เงินคือปัจจัยที่ 1 ที่จะทำให้มนุษย์สามารถมี “ปัจจัยสี่” ได้ครบถ้วน การไขว่คว้าดิ้นรนมีอยู่ทุกที่ อากาศที่ว่าร้อน แต่ใจของคนยุคนี้กลับร้อนยิ่งกว่า ภาพลักษณ์สำคัญยิ่งกว่าตัวตนที่แท้จริง ... ตัวตนที่แท้จริงกลายเป็นยี่ห้อที่เจ้าของเชื่อถือและยึดมั่นว่าจริงแท้ อัตตาและอีโก้เข้าวินมาด้วยกัน เปลือกถูกสวม ความอ่อนแอถูกซ่อน ไม่ว่าใครก็ไม่ต้องการพ่ายแพ้ ทุกคนต่างต่อสู้เพื่อให้มีที่ยืนในสังคม น้ำตา ความเสียใจ ความเจ็บใจ ความเหงา ฝังรากอยู่ในความรู้สึก มิตรแท้หายากยิ่งกว่างมเข็ม เผชิญปัญหาด้วยความกล้าที่ถูกสร้างขึ้น ต่างวิ่งตามบางอย่างที่ตนเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแท้จริงนั้นสิ่งนั้นคืออะไร จะครอบครองไปทำไม ชีวิตต้องการอะไร หัวใจร่ำร้องสิ่งใดกันแน่ ... ด้วยเหตุนี้ ทุกคนต่างหวาดกลัว ต่างเหงา และติดอยู่ในกำแพงที่ก่อขึ้นมาเอง

กว่าจะสลัดความกลัวหลุด ... ก็สูญเสียอะไรไปมากมายเหลือเกิน
กว่าจะรู้ว่าสิ่งที่ตนจัดหามาให้ตนนั้น มันปลอมและน่าเจ็บปวด เวลาก็ผ่านไปนานเนิ่นแล้ว

คำถามว่า “เกิดมาทำไม และความหมายของชีวิตคืออะไร” จึงกลายเป็นสิ่งยากเย็นที่จะค้นหา เมื่อชีวิตดำเนินอยู่ในวิถีแห่งเมือง ... เมืองที่ไม่เคยหลับ และพาให้จิตใจไม่เคยได้หลับตามไปด้วย
ผู้คนมากมายต่างพยายามหาคำตอบให้คำถามนี้ พยายามหยุดและออกมาจากวิถีแห่งเมือง โดยที่ใจยังคงห่วงภาพลักษณ์และสถานะทางสังคม ซึ่งไม่อาจเป็นไปได้ ... เมื่อเราต่างดิ้นรนเพื่ออยู่รอด

เงินตรา อำนาจ --- ความกลัว ... อาภรณ์แห่งตน
ความหมายของชีวิต ... ปริศนาแห่งยุคสมัย --- ยุคที่ใครๆต่างค้นหาจุดเริ่มต้น --- ในขณะที่จุดจบนั้นอยู่รำไร ...
ตัวตนที่แท้จริงอยู่ที่ไหน หลับใหลอยู่ห้วงใดของจิตวิญญาณ เทพนิยายแห่งเปลือกกลายเป็นเรื่องราวแห่งชีวิตจริง ... อะไรคือสิ่งที่ควรเป็น อะไรคือสิ่งที่ต้องเป็น สองสิ่งนี้แทบจะแยกไม่ออก แทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวและหลอมชีวิตให้เหลว ... สลายลงไป ... ในนาทีเดียวกัน
เงาที่สะท้อนออกมาคือเงาของใคร สิ่งที่หุ้มตัวราคาแพงนั้นมันต้องรสนิยมแท้จริง หรือเป็นเพียงการประกาศให้ชาวโลกรับรู้ว่า ข้าเป็นใคร ...


ภาพยนตร์เรื่อง “หมานคร” สามารถสะท้อนภาวะแห่งการสูญสลายแห่งตัวตนและการค้นหาความหมายของชีวิตได้เป็นอย่างดี

เมื่อตัวละครภายในเรื่องแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มคนเมือง และกลุ่มที่ไม่ใช่คนเมือง (“เมือง” ในที่นี้หมายความถึง กรุงเทพมหานคร) เอกลักษณ์สำคัญของคนเมืองคือ ต้องมีหาง

คำถาม คือ ทำไมต้องมีหาง? ? … และทำไมต้องสมุดต้อง “ปกขาว”

ป๊อด ... เมื่อครั้งแรกๆอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดก็ไม่รู้เรื่องหางอะไรกับใคร จนเมื่อเพื่อนของป๊อดซึ่งกลับมาจากกรุงเทพพร้อมกับนำ “หาง” มาอวดและบอกกับป๊อดว่า คนทันสมัยใครๆก็มีกันทั้งนั้น ป๊อดจึงเริ่มเดินทางมาทำงานเข้ากรุงเทพ แต่ป๊อดก็ไม่มีหางสักที จนป๊อดมาพบกับจิน ซึ่งจินนั้นก็ยังไม่มีหางเหมือนกัน จินนั้นตกหลุมรักฝรั่งคนหนึ่งและเที่ยวตามหาฝรั่งคนนั้นซึ่งทิ้งไว้เพียงสมุดปกขาว
สมุดปกขาว ... กับความใฝ่ฝันของจิน เมื่อจินเชื่อว่าภายในสมุดเล่มนี้จะเขียนสิ่งดีงามบางอย่างไว้ จินวิ่งไขว่คว้าตามหาอะไรบางอย่างไปตามกระแสของอะไรบางอย่างซึ่งจินเองก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันคืออะไรกันแน่

ท่ามกลางสังคมเมืองที่ทุกคนต่างไขว่คว้าและตามหาอะไรบางอย่างที่จะเข้ามาเติมเต็มชีวิต เพื่อให้ชีวิตมีบางอย่างให้ยึดติด --- เด็กหญิงผู้ละทิ้งตุ๊กตาหมีที่เธอเคยคุยด้วยไปคุยกับโทรศัพท์มือถือ และสุดท้ายก็พบว่าตุ๊กตาหมีของเธอมีค่าเพียงใด เธอจึงออกตามหามัน / ตุ๊กตาหมีผู้ตามหาเด็กหญิงที่มันรัก และหาโทรศัพท์มือถือมาใช้เพื่อให้เด็กหญิงโทรคุยกับมัน / ชายหนุ่มผู้ลืมเลือนว่าตนเองเป็นใคร หากแต่จำได้เพียงว่าต้องไปที่ๆหนึ่งซึ่งเขาเองก็จำไม่ได้ว่าเป็นที่ไหน แต่เขาต้องตามหามัน และเดินทางไม่สุดสิ้น / จินผู้ตามหาความรักและความหมายของสิ่งที่อยู่ภายในสมุดปกขาว และ ป๊อด ผู้ตามหาจิน ...

ความเหงา ความไม่เข้าใจ ความเคว้งคว้างในชีวิตเป็นเหมือนสนามอันกว้างใหญ่ซึ่งกินเนื้อที่กว้างใหญ่ภายในหัวจิตหัวใจของคนเมือง การพยายามตามหาบางอย่างในชีวิตที่ขาดหายไปกลายเป็นความหมายของการใช้ชีวิต เมื่อสภาพสังคมแปรเปลี่ยนไปจากยุคสมัยก่อน การทำงานที่แข่งกับเวลา การพยายามต่อต้านสิ่งที่คุกคาม และตารางเวลาของชีวิตที่ซ้ำซากในทุกวันกัดกร่อนชีวาที่ควรมีในชีวิตให้จางหายไป การค้นหาเอกลักษณ์เพื่อมาแสดงความเป็นตัวตนกลายเป็นการดิ้นรน ไขว่คว้า ตามหา ... และอ่อนแรงลงเรื่อยๆ

ใครๆก็มีหางในสังคมเมืองเป็นสิ่งที่เราควรจะครุ่นคิดว่า หางนั้นคืออะไร และเราจำเป็นต้องมีมันแน่หรือ? การมีหางจะทำให้ความหมายของชีวิตเราเปลี่ยนไป หรือทำให้ตัวตนของเรายิ่งใหญ่ขึ้น เหตุใดสมุดปกขาวจึงเป็นตัวแทนของความใฝ่ฝันและความเชื่ออันดีงาม ความฝันและความดีงามนั้นมีจริงหรือไม่ ภาพของจินที่ยืนสะท้านท่ามกลางความจริงว่า สิ่งที่อยู่ภายในสมุดปกขาวคือเรื่องลามก คือสิ่งที่ตั้งคำถามกับเราว่า เรายังสามารถเชื่อในสิ่งที่เราเคยเชื่อได้หรือไม่

ความดีงาม ความใฝ่ฝัน เอกลักษณ์ ... ยังคงมีอยู่จริงหรือเปล่า?
ความหมายของชีวิต ตัวตนที่แท้จริง แท้จริงนั้นคืออะไร ... และอยู่ที่ใดเล่า ?


http://candyole.multiply.com/reviews/item/1

" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
Re: หมานคร – เรื่องรัก สีลูกกวาด ประหลาดโลก
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2010, 06:07:45 am »



หมานคร..
โอเค หนังแม่งนานโคตรแล้ว เค้าได้รางวงรางวัลฉลองกันจนตูดบานไปนานแล้ว..
แต่ข้าเป็นเหี้ยอะไรไม่รู้ เกิดความคาตับกับหนังเรื่องนี้มาก..อย่างไร้เหตุผล ไร้ที่มาที่ไป
คือแบบ..คาตับข้าซะอย่างงั้น
คือประมาณว่ารอบแรกที่ข้าได้ดูหนังเรื่องนี้..ข้านั้นดูไม่รู้เรื่อง คิดในใจว่าหนังเหี้ยอะไรกูดูไม่เห็นรู้เรื่อง..
อาจเป็ฯนพราะข้าไม่ได้ใส่ใจจะดู ไม่ได้สนใจดู ไม่ได้ตั้งใจดู ไม่ได้เอาใจไปใส่ดู
เรียกได้ว่าไม่ได้ใช้ใจดูนั่นเอง
ก็เลยบังเกิดความไม่แล้วใจแบบตงิด..
เมื่อวานซืนนี้ข้าเลยตัดสินใจเปิดดูแม่งอีกรอบ..ดูซิ มันจะคาใจข้าไปได้ซักกี่น้ำ
เลยดูไป..ดูไป..ดูไป
บังเกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้นในใจข้า ที่ข้าไม่เคยรู้สึกกับหนังหรือการ์ตูนเรื่องใดที่อุบัติขึ้นในชีวิตข้ามาก่อน
ข้าเรียกมันว่าความพึงใจอย่างประหลาด...
ดูอย่างประหลาด
ด้วยอารมณ์ประหลาดๆ
รู้สึกดีๆอย่างประหลาด
จนมันทำให้ข้าเข้าใจความหมายประหลาดของหนังนั้น
อย่างประหลาดๆ
เอ๊ะ..หรือว่าข้านั้นได้กลายเป็นมนุษย์ประหลาดไปเสียแล้ว?
ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรข้าถึงได้เข้าใจสิ่งที่หนังต้องการจะบอกอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย..
ที่จริง สิ่งที่ข้าเข้าใจกับสิ่งที่คนเขียนบทอยากจะสื่อ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องเดียวกันก็ได้
แต่คนเราก็มีความเข้าใจที่แตกต่างกันออกไปมิใช่หรือ?
เอาเป็นว่าเข้าใจก็แล้วกันนะ..
หากข้าต้องให้คำจำกัดความของหนังเรื่องนี้จำนวนสามคำ คงไม่พ้น หาง ความฝัน และป๊อด
คำแรก หาง..
คำว่าหาง ในหนังเรื่องนี้ มันสื่อถึงอะไรหลายๆอย่าง ยางคนดูแล้วอาจจะก่นด่าในใจว่า ควาย..แล่วคนที่ไหนจะมีหางงอกได้ บ้าหรือเปล่า
หางคืออะไร ทำไมคนเราถึงอยากมีหาง คนธรรมดาทั่วไปนั้นไม่มีหาง จะมีก็แต่คนไม่ธรรมดาเท่านั้นที่จะมี..โอเค ถ้ามีหางมันธรรมดาแล้วคนธรรมดาๆทำไมถึงไม่มีหาง
เขียนไปเขียนมา ข้าว่าข้าอยากจะตัดหางตัวเองทิ้งซะแล้ว..
คำต่อมา..ความฝัน
คนเราทุกคนมีความฝัน..ใครไม่มีความฝัน มันก็ไม่ใช่คน..หรืออาจะเป็นคนนั่นแหละ แต่เป็นคนไม่มีความฝัน
การไล่ตามความฝันนั้นเป็นสิ่งที่เหนื่อย..อย่างที่ จิน นางเอกของเรื่องพยายามทำอยู่ตลอดเวลาที่หนังดำเนินไปนั่นเอง..
แต่อย่างน้อย จินก็ได้ทำให้ข้ารู้ว่า ความฝัน เป็นสิ่งสำคัญที่มนุษย์ทุกคนพึงมีไว้เฉกเช่นยาสามัญประจำบ้าน..
ไม่ใช่ขาดไม่ได้..แต่ไม่ควรขาด
เพราะมันหล่อเลี้ยงชีวิตและโลกมนุษย์เราให้ดำเนินมา และดำเนินต่อไป
อืม..พูดได้ดีนี่ธิติธรรม์
ส่วนคำสุดท้าย..ป๊อด
ป๊อดนั้นคือพระเอกของเรื่อง เป็นตัวดำเนินเรื่อง หนังได้บรรยายคาแรคเตอร์ของป๊อดว่าเป็นคนธรรมดา ไม่มีความฝันอะไร ดำเนินชีวิตไปเรื่อยๆ
และมักจะเลือกอะไรผิดอยู่เสมอๆ เช่นจะใช้เตารีดก็เสียบปลั๊กพัดลม และเมื่อป๊อดจะเปิดพัดลม เขาก็มักจะเสียบปลั๊กเตารีด..
ชีวิตของป๊อด ไม่เคยมีดมุ่งหมายอะไร แต่มันเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับจิน..และจากนั้นเป็นต้นมา ป๊อดก็ใช้ชีวิตของเขา เพื่อจิน..
สำหรับข้าแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตขอมนุษย์เรา..การได้มีชีวิตอยู่ เพื่อใครซักคน
อืม...เยี่ยม กูว่ากูไปเปิดบรรยายปาฐกถาเลยท่าทางจะรุ่งดีนะนี่
สุดท้าย หนังไทยเรื่องนี้ก็เป็นหนังรัก งดงาม ประหลาดโลก
สมกับคำที่เขาใช้โคนาเลยจริงๆ เยี่ยมไปเลย..
ยิ่งข้ามาเจอสองประโยคเด็ด..
อันแรก ประโยคตอนขึ้นต้น
"บางสิ่งยิ่งค้นหาก็ยิ่งไม่พบ
แต่ถ้าหากลองหยุดค้นหา แล้วอยู่เฉยๆ
มันจะออกมาหาเราเอง"
กับอีกประโยตหนึ่งที่พี่มอเตอไซค์ผีผู้ซึ่งตายเพราะฝนหมวกกันน็อคตกใส่หัวได้บอกกับป๊อดตอนหนึ่งว่า..
"รีบบอกรักจินซะ ก่อนที่มันจะสายไป เพราะเอ็งไม่รู้หรอกว่า
เมื่อไหร่ ที่ฝนมันจะตกลงมาเป็นหมวกกันน็อคอีก"
กินใจโคตรๆ..
เอาเป็นว่าหมานคร ชื่อภาษาปะกิตว่า Citizen Dog เป็นหนังไทยเรื่องแรกที่ทำให้ข้าเกิดความพึงใจได้ขนาดนี้..
ประหลาด ยิ่งแล้ว หมานคร..
ปล.อาจเป็นได้ว่าตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่า การเป็นหมาในนครนั้น มันเป็นอย่างไร ทำให้ข้าดูหนังรู้เรื่อง..(เกี่ยวรึเปล่า?)
เพราะสุดท้ายแล้ว..
ข้าก็ไม่ต่างอะไรจาก(ชีวิต)หมา(ๆ)ใน (มหา)นคร(แอลเอ)เลยแม้แต่น้อย..



" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
Re: หมานคร – เรื่องรัก สีลูกกวาด ประหลาดโลก
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2010, 06:10:17 am »
หมานคร "หนังรักแสนเซอร์"

STILLWATER


(เคยลงใน สนามวิจารณ์ นสพ.กรุงเทพธุรกิจ 7 ม.ค. 48 )


? ผมเป็นคนกรุงเทพฯมาแต่กำเนิด แต่เป็นคนจนในกรุงเทพฯ อย่างชื่อเรื่อง ?หมานคร?
จริงๆก็คือคำว่า หมาในเมือง คนต่างจังหวัดที่เข้ามากรุงเทพฯ ก็เหมือนหมาที่หลงอยู่ตามสี่แยกเราก็เป็นแบบนั้นเราแปลกแยกจากโลกเพราะเราเป็นคนจน เราเป็นคนต่างจังหวัด เมื่อมาอยู่ในกรุงเทพฯ เราจะอยู่ท่ามกลางกระแสที่ไหลไปอย่างเร็ว แล้วเราก็ถูกตบไปทางโน่นทีทางนี้ที คล้ายๆกับว่าเราต้องมาอยู่ในสังคมที่ไม่ยอมรับเรา เห็นเรา แต่ไม่มีตัวตน ?



เป็นคำอธิบายถึงชื่อหนัง เรื่องล่าสุดของ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ผู้กำกับไทยคนแรกที่นำหนัง ?ฟ้าทะลายโจร? ไปไกลถึงเมืองคานส์มาแล้วเมื่อสี่ปีก่อน ครั้งนี้เขายังทำหนังสีสวยแสนแสบตาอีกเช่นเคยกับภาพยนตร์รักงดงามประหลาดโลก ตั้งแต่ครั้งเป็นพ็อกเก็ตบุ๊คชื่อเดียวกันของนักเขียน ?คอยนุช? ศรีภรรยาของผู้กำกับเอง ด้วยคำจำกัดความที่ว่าเป็น ?นวนิยายเซอร์แตก? อาจทำให้ใครหลายคนขยาดกับบรรดาผู้กำกับมือรางวัลว่า เมื่อเป็นหนังแล้วจะดูรู้เรื่องไหมนี่?


คำว่า ?เซอร์? คนส่วนใหญ่ตีความว่า ดูไม่รู้เรื่อง แต่คำนี้มาจากภาษาอังกฤษ Surreal ที่แปลว่า เหนือจริง ในทางศิลปะ เซอร์เป็นศิลปที่มาจากความฝัน เป็นความเหนือจริงที่อยู่ภายใต้สภาวะจิตที่ไร้สำนึกของความฝัน ผู้กำกับย้ำว่า เซอร์ก็คล้ายๆกับแฟนตาซี แต่หนักกว่า อย่างแฟนตาซีจะเหมือนชวนฝันแบบนิทานสำหรับเด็ก
ส่วนเซอร์ในหนังนั้น เช่น ตอนนางเอกเก็บขวดพลาสติกมากองเป็นภูเขา ถามว่าความจริงเป็นไปได้ไหม? ซึ่งอาจจะเป็นได้แต่ไม่เคยเห็นหรือเกิดขึ้นจริง อย่างนี้แหละ เซอร์เรียล




แล้ว เซอร์ในหนังประมาณไหนรึ? ตัวละครต่อไปนี้คงพอจะอธิบายได้ดี


ยอด เพื่อนสนิทที่โรงงานปลากระป๋องของพระเอก ที่รู้จักกันเพราะบังเอิญ ?นิ้วชี้สลับกัน? ยอดชอบกล่าวเชิงปรัชญาว่า ? อะไรที่เรายิ่งตามหา เราก็หาไม่เจอ แต่ถ้าเราอยู่เฉยๆมันจะมาหาเราเอง ?

หมวย พนักงานเสิร์ฟอาหาร สาวคนรักของยอดที่พบรักและเป็นผัว-เมียกันบนรถเมล์ เธอเชื่อว่าตนเองสืบเชื้อสายมาจากจักรพรรดิในประเทศจีน แล้ววันหนึ่งเธอจะกลับไป

ติ๊ก บุรุษความจำเสื่อมที่ออกตามหาเกาะไม่มีชื่อ ผู้แสดงความรักต่อคนรอบข้างด้วยการ ?เลีย?


น้องแหม่ม สาวอายุ 22 แต่อยู่ในร่างเด็กวัย 8 ขวบ เพราะตัดสินใจว่าจะไม่โตเป็นผู้ใหญ่ ชอบสูบบุหรี่บวกกับดูดนมสลับกัน

ธงชัย ตุ๊กตาหมีที่เป็นเพื่อนคุยของน้องแหม่ม จึงติดบุหรี่เหมือนกัน มักถูกทิ้งหลังจากทะเลาะกับน้องแหม่มทุกที

คง มอเตอร์ไซค์รับจ้างผู้ตายไปแล้วเพราะถูกฝนหมวกกันน็อคตกใส่ แต่เขายังคิดถึงการขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างเสมอ

ปีเตอร์ ฝรั่งผู้มีหนังสือปกขาวแบบเดียวกับนางเอก ไม่ระบุอาชีพ เป็นชายที่นางเอกหลงรักและใฝ่หา





ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงตัวประกอบรายทางแสนแปลกเท่านั้น เพราะเรื่องหลักจริงๆของหนังเป็นคู่ของพระเอก ป็อด (มหาสมุทร บุณยรักษ์)หนุ่มธรรมดาชาวต่างจังหวัด ชายผู้ไม่มีหางและไม่รู้จักความฝัน เขารู้อยู่อย่างเดียวว่าเขาหลงรัก จิน (แสงทอง เกตุอู่ทอง) แม่บ้านทำความสะอาดสาวผู้มาจากต่างจังหวัดเช่นกัน แต่เธอใฝ่ฝันจะมีหาง และพยายามอ่านหนังสือที่มีปกสีขาวให้ได้อยู่ตลอดเวลา


จินยังแพ้รถเมล์กับรถไฟฟ้าเวลาขึ้นจะทำให้เกิดฝื่นเล็กๆเกิดขึ้นที่แขนของเธอ ร้อนถึงป็อดต้องเปลี่ยนอาชีพจาก รปภ.ไปเป็นคนขับแท็กซี่เพี่อรับ-ส่งจิน หญิงที่เขารัก จนเมื่อป็อดบอกรักจินคำตอบและเหตุผลที่เขาได้รับจากจินก็คือ

? ถ้าคนจนอย่างเธอและป็อดแต่งงานกัน นอกจากลูกๆของเธอและเขาจะไม่มีวันมีหางแล้ว พวกลูกหลานที่ตามมาอาจจะไม่มีความฝันอีกด้วย เธอทนไม่ได้ที่เวลานอนแล้วไม่ฝัน เธอไม่อยากให้ลูกหลานมาตราหน้าด่าเธอว่า

ทำให้พวกเขาไม่มีแม้แต่ความฝัน มันโหดร้ายยิ่งกว่าการไม่มีหางอีก?






แค่นี้เซอร์พอไหมละ? ถึงเนื้อเรื่องและบุคลิกของตัวะครจะดูแปลกสุดขั้วแต่เมื่อหนังเปิดเรื่องด้วยเพลง ?ก่อน? ของโมเดิร์น ด็อก ที่ขึ้นต้นว่า


? ก่อนท้องฟ้าจะสดใส ก่อนความอบอุ่นของไอแดด ...ในใจไม่เคยมีผู้ใด จนความรักเธอเข้ามา ทำให้ดวงตาฉันเห็นความสดใส ...?

พร้อมกับภาพทุกคนที่มาปรากฎบนจอทั้งบนรถเมล์ ตามถนน หนทาง ฯลฯ ทุกคนหันหน้าเข้าหากล้องแล้วร้องเพลง ?ก่อน? จนจบลง นับว่าเป็นสัญญาณหลุดโลกว่าต่อไปนี้ เซอร์แตกแน่ๆ...ครับท่าน

แม้ว่าความเพี้ยนต่างๆจะระดมเข้ามาใส่คนดูให้ตั้งรับชนิดไม่ลืมหูลืมตา พร้อมด้วยมีคำถามนัยยะในใจตลอดเวลาว่าหนังกำลังพูดถึงอะไร หรือล้อเรื่องอะไรอยู่กันแน่? ส่วนกลวิธีการใช้คำพูดบรรยายภาพที่มีมากกว่าบทสนทนานั้นทำได้ดี ทำให้เสมือนเป็นเรื่องเล่าให้ฟังไม่ต้องจริงจังอะไรมากมาย ยิ่งฉากเล่าประวัติการเกิดของยายของป็อดด้วยจังหวะแร็บแล้วเฉียบคมสุดๆ


นอกจากภาพในสไตล์สีสวยสดใสสุดเวอร์จะช่วยตรึงความสนใจของผู้ชมอีกทางหนึ่งแล้ว ในส่วนแกนหลักเรื่องความรักของหนังนั้นมีอบอวลอยู่ตลอดเวลา กับพฤติกรรมต่างๆที่ป็อดทำเพื่อจิน หรือเฝ้ารอเธอ ทั้งพยายามตามใจเธอช่วยเหลือเธอ แม้ผลที่ได้รับดูจะเลือนลาง ยิ่งฉากที่จินบอกป็อดว่า
? จินอยากอยู่ห่างป็อดสักระยะหนึ่ง ?


ที่หันไปทางไหนใครๆก็พูดประโยคนี้กับป็อด นับเป็นการตอกย้ำตัวละครแบบทื่อๆตรงไปตรงมาดี ซึ่งป็อดก็ยอมปฎิบัติตามอีกเพื่อจิน และหลังจากนั้นหนังยังมุ่งที่ความรักอย่างสม่ำเสมอจนถึงบทสรุปสุดท้าย สมกับที่โฆษณาว่าเป็น ภาพยนตร์รักงดงามประหลาดโลกจริงๆ


จากบทสัมภาษณ์ผู้กำกับวิศิษฏ์ในนิตยสาร pulp ฉบับที่ 17 กับการตอบคำถามที่ว่า รู้สึกโดดเดี่ยวไหม?




? นักข่าวชอบถามผมว่า ผมทำหนังแบบนี้ไปทำไม ทำไมไม่ทำหนังแบบองค์บาก หรือโหมโรง เราก็บอกว่า อ้าว พวกคุณเรียกร้องสิ่งใหม่ๆตลอดเวลา แต่พอมีสิ่งใหม่เกิดขึ้นมากลับไม่มีใครสนับสนุนเลย อยากจะดูแต่หนังอย่าง แฟนฉัน ตลอดมันไม่ใช่สิ่งผิด

แต่เราผิดมากเหรอที่ไม่ได้ทำแฟนฉันเนี่ย
ก็เราไม่ได้ทำหนังแบบนั้น จะให้ที่ยืนเราบ้างไม่ได้เลยเหรอ มันแสบตรงนี้ มันช้ำใจเหมือนกันนะ คือ เวลาเราทำอะไรที่ไม่เหมือนชาวบ้าน เราต้องยอมรับในความโดดเดี่ยวไว้ก่อน อย่าไปหวังการตอบรับในวงกว้าง แต่เราขอแค่ที่ยืนเล็กๆเงียบๆ และขอยืนอยู่ตรงนี้ไปเรื่อยๆได้ไหม มันก็ยังไม่ได้เลย มีคนที่พยายามจะไล่เราให้ตกขอบไปเลยแบบ ?มึงทำไปทำไมวะ? ?



ถึงวันนี้หลังจากหนังหลุดโปรแกรมภายในสองสัปดาห์กับรายได้ไม่ถึงสิบล้านบาท แต่ผมกับคิด(เอาเอง)ว่า ?หมานคร? คงได้ไปเจิดจ้าประกาศศักดาบนเวทีเทศกาลหนังทั่วโลกอย่างแน่นอน และทำให้นึกไปถึงคำร้องท่อนหนึ่งของเพลง ?ก่อน? ที่ว่า

?ก่อนดวงดาวจะเต็มฟ้า ก่อนชีวิตจะรู้คุณค่า ก่อนสิ้นศรัทธาจากหัวใจ ก่อนที่คนอย่างฉันจะหมดไฟ.....เป็นพลังให้ฉันสู้ต่อไป (บนโลกที่โหดร้าย...เหลือเกิน)?[/COLOR]



http://www.popcornmag.com/bbs/lofiversion/index.php?t612.html
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...