พระสูตรสัทธรรมปุณฑรีกะ
วัดโพธิ์แมนคุณาราม
นายชะเอม แก้วคล้าย แปลจากต้นฉบับสันสกฤต
บทที่ 19
สทาปรภูตปริวรรต
ว่าด้วยสทาปริภูตโพธิสัตว์ ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาค ได้ตรัสกะพระมหาสถามปราปตโพธิสัตว์มหาสัตว์ว่า ดูก่อนมหาสถามปราปตะ โดยปริยานนี้ ท่านพึงทราบอย่างนี้ว่า ชนเหล่าใดปฏิเสธธรรมบรรยายนี้ สาปแช่ง บริภาษภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ผู้รักษาพระสูตรนี้ ดูถูกเขาด้วยวาจาที่ไม่เป็นจริง และหยาบคาย วิบากกรรมอันไม่พึงปรารถนาเห็นปานนี้ ที่ไม่อาจบรรเทาได้ด้วยวาจา จักมีแก่เขา ส่วนชนผู้รักษา อ่าน แสดง
และเผยแพร่พระสูตรนี้ เขาย่อมประกาศต่อผู้อื่นอย่างกว้างขวาง วิบากกรรมอันน่าปรารถนาเห็นปานนี้ จักมีแก่พวกเขา บุคคลเช่นนี้เองที่เราพรรณนามาก่อนแล้ว จักษุ โสต ฆานะ ชิวหา กายและใจ ของเขา
จักถึงความบริสุทธิ์ ด้วยประการฉะนี้
ดูก่อน มหาสถามปราปตะ ในอดีตกาลล่วงมาแล้วหลายกัลป์จนนับไม่ได้ นานยิ่งจนนับไม่ได้ มากมายมหาศาลจนประมาณไม่ได้ คิดคำนวณไม่ได้ เรื่องเคยมีมาแล้วตามลำดับว่า กาลสมัยนั้น พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า ภีษมครรชิตสวรราช ผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ผู้เสด็จไปดีแล้ว ผู้เป็นโลกวิทู ผู้เป็นสารถีฝึกบุรุษ ที่ไม่มีใครยิ่งกว่า ผู้เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ผู้เบิกบาน ผู้จำแนกธรรม ทรงอุบัติขึ้นในโลกนี้ ดูก่อนมหาสถามปราปตะ พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ภีษมครรชิตสวรรราช นั้น ทรงแสดงธรรมแก่ชาวโลก รวมทั้งเทวดา มนุษย์ และอสูระใน มหาสัมภวโลกธาตุ นั้น พระองค์ทรงแสดงธรรม ที่ประกอบด้วยความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ แก่พระสาวกคือ การปฏิบัติเพื่อปฎิจจสมุปบาท ที่มีพระนิพพานเป็นที่สุด และเพื่อข้ามพ้นชาติ ชรา พยาธิมรณะ โศกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส และอุปายาสะ พระองค์ปรารภอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณที่มีตถาคตญาณทัศนะเป็นที่สุด ซึ่งประกอบด้วยบารมี 6 ของพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ทั้งหลาย ดูก่อนมหาสถามปราปตะ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ภีษมครรชิตสวรราช มีพระชนมายุประมาณร้อยพันหมื่นโกฏิกัลป์ ซึ่งมีจำนวนเท่ากับเมล็ดทรายใน 40 แม่น้ำคงคา
เมื่อพระองค์ปรินิพพาน พระสัทธรรมจักตั้งอยู่สิ้นร้อยพันหมื่นโกฏิกัลป์ เท่ากับธุลีปรมณูของชมพูทวีป
สัทธรรมปฏิรูปตั้งมั่นอยู่ต่อไป สิ้นร้อยพันหมื่นโกฏิกัลป์ เท่ากับธุลีปรมาณู ในชมพูทวีปทั้ง 4 ดูก่อนมหาสถามปราปตะ ในมหาสัมภวโลกธาตุ นั้น เมื่อพระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ภีษมครรชิตสวรราช ปรินิพพานแล้ว สัทธรรมปฏิรูปก็อันตรธานไป พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าชื่อ ภีษมครรชิตสวรราช อีกองค์หนึ่ง ก็อุบัติขึ้นในโลก เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว เป็นโลกวิทู เป็นนายสารถีผู้ฝึกบุรุษ ที่ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบาน เป็นผู้จำแนกธรรม ดูก่อนมหาสถามปราปตะ ในมหาสัมภวโลกธาตุนั้น ได้เกิดพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า ภีษมครรชิตสวราช สืบต่อมาถึงยี่สิบร้อยพันพันหมื่นโกฏิ พระองค์ในครั้งนั้น
ดูก่อนมหาสถามปราปตะ พระตถาคตนั้นใด เป็นพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่า ภีษมครรชิตสวรราช องค์แรกของพระตถาคตทั้งปวง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว เป็นโลกวิทู เป็นนายสารถีผู้ฝึกบุรุษที่ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบาน เป็นผู้จำแนกธรรม เมื่อพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น นิพพานแล้ว พระสัทธรรมก็เสื่อมไป สัทธรรมปฏิรูปก็กำลังเสื่อมสลาย ศาสนานี้ถูกละเมิดโดยภิกษุ ผู้มีอธิมานะ ได้เกิดมีภิกษุ ผู้เป็นพระโพธิสัตว์ขึ้นองค์หนึ่งนามว่า สทาปริภูตะ ดูก่อนมหาสถามปราปตะ เพราะเหตุไร? พระโพธิสัตว์มหาสัตว์นั้น จึงได้ชื่อว่า สทาปริภูตะ ดูก่อนมหาสถามปราปตะ พระโพธิสัตว์มหาสัตว์นั้น เมื่อพบเห็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาใดก็ตาม ได้เข้าไปหาภิกษุนั้น แล้วกล่าวว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ เราย่อมไม่ดูหมิ่นท่าน เราไม่เคยดูหมิ่นท่านทั้งหลาย ข้อนั้น เป็นเพราะเหตุใด?เป็นเพราะว่า ท่านผู้เจริญทั้งหลายทั้งปวง ย่อมดำเนินตามจรรยาวัตรของพระโพธิสัตว์ ท่านทั้งหลายจักเป็นพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนี้ ดูก่อนมหาสถามปราปตะ โดยปริยายนี้ พระโพธิสัตว์มหาสัตว์แม้ได้พบเห็นภิกษุใด แม้ไปสู่ที่ไกล ไม่ทำการแสดงธรรม ไม่ทำการศึกษาในที่อื่น ได้เข้าไปหาภิกษุทั้งปวง แล้วให้ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก หรืออุบาสิกา ฟังอย่างนั้น ครั้นเข้าไปหาแล้วได้กล่าวกับภิกษุอย่างนี้ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ เราย่อมไม่ดูหมิ่นท่าน เราไม่เคยดูหมิ่นท่าน ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุใด? เป็นเพราะว่า ท่านทั้งปวง
ประพฤติตามจรรยาของพระโพธิสัตว์ท่านทั้งหลาย จักเป็นพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
ดูก่อนมหาสถามปราปตะ สมัยนั้น พระโพธิสัตว์มหาสัตว์นั้น ได้ให้ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก หรืออุบาสิกา ได้ฟังอย่างนี้ ภิกษุทั้งปวงย่อมโกรธ พยาบาท เกิดความไม่เลื่อมใส ด่า บริภาษ ด้วยอาการต่างๆ จำนวนมากว่า ทำไม ภิกษุนี้ ใครๆก็ไม่ได้ถาม แล้วเข้าไปชี้แจ้งแก่เราว่า ไม่มีจิตคิดดูหมิ่น เรา เขาได้ทำตนเองให้เป็นที่น่าดูหมิ่น และเขาได้พยากรณ์พวกเราไว้ในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ทั้งๆที่พวกเราไม่มีความปรารถนาอย่างนั้น ดูก่อนมหาสถามปราปตะ หลายปีผ่านไป ที่พระโพธิสัตว์มหาสัตว์นั้น ถูกด่า ถูกบริภาษ แต่พระโพธิสัตว์นั้น ไม่โกรธต่อใครๆ แต่ไม่มีจิตคิดพยาบาทอีกด้วย ชนเหล่าใด ย่อมปาก้อนดินหรือท่อนไม้ แก่ท่าน ผู้ทักทายอยู่อย่างนั้น ท่านได้ทักทายชนเหล่านั้น ด้วยเสียงอันดังมาแต่ไกลว่า เราไม่ดูหมิ่นท่าน ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา ผู้มีอธิมานะเหล่านั้น ที่ท่านเคยให้ฟังคำอย่างนั้น มาอย่างต่อเนื่อง จึงตั้งชื่อท่านว่า สทาปริภูตะ ด้วยประการฉะนี้ ดูก่อนมหาสถามปราปตะ สทาปริภูตะโพธิสัตว์มหาสัตว์นั้น ได้ฟังธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ เมื่อมรณะกาลสมัยใกล้เข้า การกระทำกาลกิริยาก็ใกล้เข้ามา พระผู้มีพระภาคตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธภีษมครรชิตสวรราชพระองค์นั้น กำลังแสดงธรรมบรรยายนี้ด้วยคาถาจำนวน 20 ร้อยพันหมื่นโกฏิ พระสทาปริภูตโพธิสัตว์มหาสัตว์นั้นได้ฟังธรรมบรรยายนี้จากเสียงในอากาศ ใกล้มรณะกาลสมัยมาถึง เขาเมื่อได้ยินเสียงในอากาศ ที่ผู้หนึ่งผู้ใดกล่าวแล้ว ก็ได้จับใจความธรรมบรรยายนี้ จึงได้คุณสมบัติต่างๆเห็นปานนี้คือ ความบริสุทธิ์แห่งจักษุ โสตะ ฆานะ ชิวหา กาย และใจ ด้วยความบริสุทธิ์ที่ได้รับนั้น ท่านจึงได้อธิษฐานถึงการกระทำตนให้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีก ตลอด 20 ร้อยพันหมื่นโกฏิปี เพื่อประกาศธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ สัตว์ทั้งหลายผู้มีอธิมานะ จะเป็น ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสกและอุบาสิกาก็ตาม ที่เคยได้ยินคำว่า เราไม่ดูหมิ่นท่าน แล้วตั้งชื่อท่านว่า สทาปริภูตะ เมื่อได้เห็นพลศักดิ์แห่งฤทธิ์อันยิ่งใหญ่ของท่าน พลศักดิ์แห่งประติภาณของการอุปไมย พลศักดิ์แห่งปัญญา ทั้งหมดจะกลายมาเป็นบริวาร เพื่อฟังธรรม (จากท่าน) ท่านได้ทำให้สัตว์เหล่าอื่น หลายร้อยพันหมื่นโกฏิ ตั้งอยู่ในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ดูก่อนมหาสถามปราปตะ พระโพธิสัตว์มหาสัตว์องค์นั้น ก็ได้ไปจากที่นั้น เพื่อบูชาพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จำนวน 20 ร้อยพันหมื่นโกฏิพระองค์ ที่มีนามเหมือนกันว่า จันทรสวรราช และได้ประกาศธรรมบรรยายนี้ ในศาสนาของพระตถาคตทุกพระองค์ ด้วย กุศลมูลในอดีตตามลำดับนั้น พระโพธิสัตว์นั้น ได้บูชาพระตถาคต จำนวน 20 ร้อยพันหมื่นโกฏิพระองค์ ซึ่งพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเหล่านั้น ล้วนทรงพระนามว่า ทุนทุภิสวรราช มาตามลำดับ ในศาสนาของพระตถาคตเหล่านั้น เมื่อได้บูชาธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้แล้ว เขาก็ได้ประกาศธรรมแก่บริษัททั้ง 4 ด้วยกุศลมูลในอดีตนั้นพระโพธิสัตว์นั้นได้บูชาพระตถาคตจำนวน 20 ร้อยพันหมื่นโกฏิพระองค์ ซึ่งพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเหล่านั้นล้วนมีพระนามว่า เมฆสวรราช มาตามลำดับในอดีต ในศาสนาของพระตถาคตทั้งปวง เขาได้บูชาธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ และได้ประกาศแก่บริษัททั้ง 4 ในศาสนาของพระตถาคตทั้งปวง ท่านเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติเห็นปานนี้คือ จักษุ โสตะ ฆานะ ชิวหา กาย และใจที่บริสุทธิ์ ดูก่อนมหาสถามปราปตะ พระสทาปริภูตโพธิสัตว์มหาสัตว์นั้น ได้ทำการสักการะ เคารพ นับถือ บูชา นอบน้อม สรรเสริญพระตถาคตเหล่านี้ จำนวนร้อยพันหมื่นโกฏิพระองค์และได้ทำสักการะ เคารพ นับถือ บูชา นอบน้อม สรรเสริญพระพุทธเจ้าเหล่าอื่นอีกจำนวนมากถึงร้อยพันหมื่นโกฏิพระองค์ ในศาสนาของพระพุทธเจ้าทั้งปวงเหล่านั้น เขาได้บูชาธรรมบรรยายสัทธรรมปุณฑรีกสูตรนี้ ครั้นได้บูชาแล้ว เขาจึงได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณด้วยกุศลในอดีตที่เขาได้สะสมไว้นั้น ดูก่อนมหาสถามปราปตะ ท่านอาจจะมีความสงสัยความเข้าใจผิด หรือความลังเลใจว่า โดยกาลสมัยนั้น พระโพธิสัตว์มหาสัตว์นามว่า สทาภีษมครรชิตสวรราช เขาได้รับขนานนามจากบริษัท 4 ว่า สทาปริภูตะ เขาได้บูชาพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ามากมายถึงเพียงนั้น ดูก่อนมหาสถามปราปตะ ท่านอย่าคิดเห็นอย่างนี้ อีกเลย เพราะเหตุไร? ดูก่อนมหาสถามปราบปตะ เพราะเหตุว่า เราเองคือ สทาปริภูตโพธิสัตว์มหาสัตว์ ในกาลสมัยนั้น ดูก่อนมหาสถามปราปตะ หากเรา ไม่เคยศึกษา ไม่เคยรักษา ธรรมบรรยายนี้ม่าก่อน เราคงไม่ตรัสรู้ อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณโดยเร็ว ดูก่อนมหาสถามปราปตะ เราได้รักษา อ่านและแสดงธรรมบรรยายนี้ จากสำนักของพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่มีในอดีต เพราะเหตุนั้น เราจึงได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิณาณโดยเร็ว ดูก่อนมหาสถามปราปตะ ส่วนภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา จำนวนหลายร้อยที่พระสทาปริภูตะโพธิสัตว์มหาสัตว์นั้น ให้ฟังธรรมบรรยายนี้ ในศาสนาของพระผู้มีพระภาคนั้นว่า เราไม่ดูหมิ่นท่าน ท่านผู้เจริญทั้งปวง จงประพฤติจรรยาวัตรของพระโพธิสัตว์ ท่านทั้งหลายจักเป็นพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ชนเหล่าใดก่อนให้
เกิดจิตคิดพยาบาทต่อพระโพธิสัตว์องค์นั้น
พวกเขาจะไม่ได้พบพระตถาคตตลอด 20 ร้อยพันหมื่นโกฏิกัลป์ เขาจะไม่ได้ยินเสียงพระธรรม จะไม่ได้ยินเสียงพระสงฆ์ เขาจะได้รับทุกขเวทนาอันทารุณ ในมหานรกอเวจี ตลอดหมื่นกัลป์ เมื่อเขาพ้นจากธรรมอันไม่น่าปรารถนานั้น พระโพธิสัตว์มหาสัตว์นั้นเอง ได้อบรมเขาไว้ในอนุตตรสัมมาสัมโพธิณาณ ดูก่อนมหาสถามปราปตะ ท่านอาจจะมีความสงสัย ความเข้าใจผิด และความลังเลใจอีกว่า ใครละ ที่ล้อเลียน เยาะเย้ย พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ที่มีอยู่ในกาลสมัยนั้น ดูก่อนมหาสถามปราบปตะ ในบริษัทนี้เอง คือพระโพธิสัตว์ 500 รูป มีท่าน ภัทรปาละ เป็นหัวหน้า ภิกษุณี 500 รูป มี สิงหจันทรา เป็นหัวหน้า อุบาสกอุบาสิกา 500 คน มี สุคตเจตนา เป็นหัวหน้า ทั้งหมด ล้วนมีเจตนาตั้งมั่นในอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ดูก่อนมหาสถามปราปตะ การรักษา อ่าน แสดง ธรรมบรรยายอันมีประโยชน์มากนี้ เป็นการนำพระโพธิสัตว์มหาสัตว์ไปสู่อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณโดยแท้ ดูก่อนมหาสถามปราปตะ เพราะเหตุนั้น เมื่อพระตถาคตปรินิพพานแล้ว พระโพธิสัตว์มหาสัตว์ทั้งหลายจึงควรรักษา อ่าน และประกาศธรรมบรรยายนี้บ่อยๆ
ในเวลานั้น พระผู้มีพระภาค ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า1 เราย่อมระลึกถึงอดีตกาล สมัยที่พระภีษมสวรราชชินเจ้า ทรงพระชนม์อยู่ พระองค์มีอานุภาพมาก เป็นผู้ที่มนุษย์และเทวดาบูชาแล้ว เป็นผู้นำของมนุษย์ เทวดา ยักษ์ และรากษสทั้งหลาย
2 เมื่อพระชินเจ้าพระองค์นั้นปรินิพพานแล้ว พระสัทธรรมก็เสื่อมลง ในกาลต่อมาบังเอิญได้มีภิกษุ ผู้เป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง ซึ่งใครก็เรียกท่านว่า สทาปริภูตะ
3 เมื่อภิกษุ ภิกษุณีอื่นเข้าไปหา ได้พบกับคำวิจารณ์(จากท่าน) ว่า ความดูหมิ่นจากเรา ย่อมไม่มีในกาลไหนๆเพราะท่านทั้งหลายย่อมประพฤติจรรยาวัตรในพระโพธิสัตว์อันประเสริฐ
4 ท่านได้ฟังคำอย่างนี้ตลอดกาลเป็นนิตย์ ท่านย่อมอดทนต่อคำด่า คำปริภาษ ของชนเหล่าอื่น เมื่อกาลกิริยาเข้ามาใกล้ ท่านจึงได้ฟังพระสูตรนี้
5 ท่านผู้เป็นบัณฑิต ยังไม่ทำกาละ (ตาย) แต่ได้อธิษฐานให้มีอายุยืนนาน ท่านจึงได้ประกาศพระสูตรนี้ ในศาสนาของพระผู้นำพระองค์นั้น6 ชนทั้งหลายจำนวนมาก ผู้มีความเชื่อต่อสิ่งที่ได้รับเฉพาะหน้า ถูกเขาอบรมให้อยู่ในพระโพธิญาณ เขาผู้เป็นพระโพธิสัตว์ เมื่อไปจากที่นั้นแล้ว ควรได้รับการสดุดีตลอดพันโกฏิพุทธกาล
7 เพราะบุญที่ทำไว้ในอดีตตามลำดับนั้น พระชินบุตรผู้บรรลุพระโพธิญาณแล้ว จึงได้ประกาศพระสูตรนี้อยู่เป็นนิตย์ พระโพธิสัตว์ศากยมุนี ในครั้งนั้นคือเราเอง
8 บุคคลทั้งหลายผู้มีความเชื่อต่อสิ่งที่ได้รับเฉพาะหน้า ทั้งภิกษุ ภิกษุณี อุบาสกและอุบาสิกา เป็นผู้อันบัณฑิตโพธิสัตว์ได้สอนให้ตั้งอยู่ในพระโพธิญาณแล้ว
9 ชนทั้งหลาย ผู้เฝ้าพระพุทธเจ้า จำนวนหลายโกฏิ เขาเหล่านั้น ไม่ต่ำกว่า 500 คน เป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสกและอุบาสิกาที่อยู่ต่อหน้าเราในขณะนี้
10 เขาทั้งปวงคือผู้ที่เราให้ฟังธรรมอันประเสริฐแล้ว ทั้งหมดเป็นผู้ที่เราอบรมแล้ว เมื่อเราปรินิพพาน เขาทั้งปวง ซึ่งเป็นผู้มีปัญญา จักรักษาพระสูตรอันประเสริฐนี้ไว้
11 ธรรมเช่นนี้ ชนทั้งหลายจำนวนมากจนนับไม่ถ้วน ยังไม่เคยได้ฟังตลอดโกฏิกัลป์ พระพุทธเจ้าจำนวนร้อยโกฏิพระองค์ที่มีอยู่ ก็ไม่เคยแสดงพระสูตรนี้
12 ฉะนั้น ชนทั้งหลายผู้ได้ฟังธรรมที่บรรยายมานี้ จากพระสวยัมภูโดยตรง ให้ทำการบูชาพระองค์บ่อยๆ เมื่อเราปรินิพพานแล้ว พึงประกาศพระสูตรนี้ต่อไปบทที่ 19 สทาปริภูตปริวรรค ว่าด้วยพระสทาปริภูตโพธิสัตว์
ในธรรมบรรยาย สัทธรรมปุณฑรีกสูตร อันประเสริฐ
มีเพียงเท่านี้http://www.mahayana.in.th/tmayana/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81/สัทธรรมปุณทรีกะบท17-18-19.htm