๔.๕
สรุปประเภทโภชนาการ
ในโลกนี้มีโภชนาการหลัก ๆ อยู่ ๔ ประเภท คือ
๑) โภชนาการเฟ้อ คือ การกินที่เป็นไปตามความอยากอันเคยชิน และความพึงพอใจในรสชาติ คนที่เลือกโภชนาการในลักษณะนี้จะแกว่งไปแกว่งมาเอาแน่ไม่ได้ เป็นไปเพื่อตอบสนองความอยากชั่วคราว โภชนาการประเภทนี้เรียกว่า การกินตามใจอยากที่ไร้คุณประโยชน์
๒) โภชนาการที่มีคุณภาพมาตรฐานสำหรับคนส่วนใหญ่ เกิดขึ้นจากข้อสรุปทางชีววิทยา อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมีจุดมุ่งหมายเพื่อบำรุงเลี้ยงร่างกายสามารถเรียกได้ว่าเป็นโภชนาการแบบวัตถุนิยมวิทยาศาสตร์
๓) โภชนาการที่อยู่บนหลักเกณฑ์ทางจิตวิญญาณและปรัชญาเชิงอุดมคติ หากจำกัดขอบเขตของอาหาร อาหาร "ธรรมชาติ" ส่วนใหญ่จะอยู่ในโภชนาการประเภทนี้ อาจเรียกว่าโภชนาการตามหลักเกณฑ์
๔) โภชนาการธรรมชาติ เป็นไปตามเจตนาของสวรรค์ ละทิ้งความรู้ทั้งมวลของมนุษย์ โภชนาการประเภทนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นโภชนาการแห่งการไม่แบ่งแยก
คนเราจะเริ่มต้นจากการผละออกจากโภชนาการไร้คุณประโยชน์ ซึ่งเป็นบ่อเกิดของโรคภัยนานาชนิด ถัดมาจะเลิกหลงใหลในโภชนาการวิทยาศาสตร์ซึ่งมุ่งบำรุงรักษาแต่เพียงด้านชีววิทยา หลายคนจะมุ่งไปสู่โภชนาการตามหลักเกณฑ์ และในที่สุดเมี่อไปพ้นโภชนาการประเภทนี้ คนจะเริ่มเข้าสู่โภชนาการที่ไม่แบ่งแยกของบุคคลที่เข้าถึงความเป็นธรรมชาติ
โภชนาการแห่งการไม่แบ่งแยก
ชีวิตของมนุษย์มิได้ดำรงอยู่โดยตัวของมันเอง ธรรมชาติให้ชีวิตมนุษย์และหล่อเลี้ยงบำรุงให้คงอยู่ นี่คือสายสัมพันธ์ที่มนุษย์มีกับธรรมชาติ อาหารคือของขวัญจากสรวงสวรรค์ คนเรามิได้สร้างอาหารจากธรรมชาติ แต่สวรรค์ประทานอาหารนั้นมาให้
อาหารคืออาหาร และอาหารมิใช่อาหาร มันเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์และก็เป็นส่วนที่ต่างหากจากมนุษย์
เมื่ออาหาร ร่างกาย หัวใจ และจิตได้เชื่อมรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์ตามธรรมชาติ โภชนาการธรรมชาติจึงจะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ร่างกายที่เป็นอย่างที่มันเป็น เช่นเป็นไปตามสัญชาติญาณ กินสิ่งที่มีรสอร่อย หลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่อร่อย เป็นร่างกายที่อิสระ
เป็นไปไม่ได้ที่จะกำหนดกฎเกณฑ์หรือสัดส่วนให้กับโภชนาการธรรมชาติ โภชนาการชนิดนี้จะกำหนดตัวเองไปตามสภาพแวดล้อมของท้องถิ่น และความจำเป็นอื่น ๆ ตลอดจนองค์ประกอบทางร่างกายของแต่ละคน
โภชนาการตามหลักเกณฑ์
ทุกคนควรจะตระหนักรู้ว่าธรรมชาตินั้นมีความสมบูรณ์ มีสมดุลอย่างกลมกลืนภายในตัวมันเองอยู่เสมอ อาหารธรรมชาติมีความสมบูรณ์หนึ่งเดียวและภายในความสมบูรณ์เช่นนี้จะมีคุณภาพในการบำรุงหล่อเลี้ยง และรสชาติอันละเอียดสุขุม
รหัสหรือระบบที่แน่นอน ซึ่งใช้เลือกหรือกำหนดคำถามดังกล่าวอย่างเจาะจงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ธรรมชาติหรือเนื้อแท้ของมันสามารถใช้เป็นเพียงแนวทาง แต่แนวทางที่ละเอียดอ่อนนี้ มักจะผ่านโสตประสาทไปอย่างไม่มีใครสนใจ เนื่องมาจากความอึกทึกวุ่นวายของความทะยานอยาก และกิจกรรมที่เกิดจากจิตแห่งการแบ่งแยก
ถ้าใช้ระบบของยิน-หยัง เราจะสามารถอธิบายถึงต้นกำเนิดของจักรวาลและการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ ทั้งยังดูเหมือนว่าความกลมกลืนของร่างกายมนุษย์สามารถกำหนดและรักษาไว้ได้อย่างมีเจตนา แต่ถ้าบุคคลได้ลงลึกไปในทฤษฎีดังกล่าวมากเกินไป (ซึ่งมีความจำเป็นในการศึกษาการแพทย์ตะวันออก) เขาจะเข้าไปในขอบเขตของวิทยาศาสตร์ และไม่อาจก้าวพ้นทัศนะแบ่งแยก ไปได้
ผู้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของโภขนาการประเภทนี้ หากไม่รู้ชัดถึงขีดจำกัดของความรู้ ก็อาจจะถูกความรู้อันละเอียดซับซ้อนชักพาไป จนหลงเกี่ยวข้องอยู่กับเรื่องต่าง ๆ อย่างแยกขาดจากเรื่องอื่น ๆ เมื่อเขาพยายามจะเข้าใจความหมายของธรรมชาติด้วยทัศนะที่กว้างไกล เขาก็ไม่อาจสังเกตเห็นสิ่งเล็กสิ่งน้อยที่เกิดต่อหน้าได้
โภชนาการแบบฉบับสำหรับคนป่วย
ความเจ็บไข้จะเกิดขึ้นเมื่อบุคคลแยกห่างออกจากธรรมชาติ ความรุนแรงของโรคภัยเป็นสัดส่วนโดยตรงกับระดับของการแยกขาดจากธรรมขาติ ถ้าผู้ป่วยกลับไปหาสิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์บริสุทธื้ โรคภัยมักจะหายไป เมื่อความแปลกแยกกับธรรมชาติทวีความรุนแรงขื้น ปริมาณของคนป่วยก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วย เมื่อนั้นความปรารถนาจะกลับคืนสู่ธรรมชาติก็ยิ่งทวีมากขึ้น แต่การค้นหาหนทางกลับสู่ธรรมชาตินั้น หากปราศจากความเข้าใจที่แจ่มชัดว่าธรรมชาติคืออะไร ความพยายามเหล่านั้นก็เปล่าประโยชน์
แม้ว่าบุคคลนั้นจะใช้ชีวิตแบบบรรพกาลอยู่หลังเขา เขาก็ยังอาจจะพลาดจากการเข้าใจสภาพที่เป็นจริงของสิ่งปรากฏนั้น เมื่อคุณพยายามทำอะไรสักอย่าง ความพยายามดังกล่าวก็จะไม่อาจส่งผลตามที่ปรารถนาได้
ผู้คนที่อาศยอยูในเมืองต้องประสบกับความยากลำบากอย่างยิ่งยวด ที่จะหาอาหารธรรมชาติมาบริโภค อาหารธรรมชาติเป็นสิ่งที่หาไม่ได้เพราะเกษตรกรเลิกปลูก แม้ว่าเขาจะสามารถหาซื้ออาหารธรรมชาติได้ แต่ร่างกายของเขาก็ต้องมีการปรับเพื่อจะย่อยอาหารแข็งเช่นนั้น
ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าคุณพยายามที่จะกินอาหารที่ถูกอนามัยหรือได้รับอาหารที่มียิน-หยังสมดุล คุณต้องอาศัยวิธีการที่เหนือธรรมชาติและอำนาจในการวินิจฉัยที่สามารถปฏิบัติได้ อาหาร "ธรรมชาติ" ประเภทแปลก ๆ และซับซ้อนมีส่วนในการดืงผู้คนให้ถอยห่างออกจากธรรมชาติยิ่งขื้น ยิ่งกว่าจะเป็นวิธีกลับไปหาธรรมชาติ
ถ้าคุณลองเข้าไปดูในร้าน "อาหารสุขภาพ" ในปัจจุบัน คุณจะพบอาหารประเภทต่าง ๆ ที่ทำให้รู้สึกงวยงง ตั้งแต่ อาหารสด อาหารกล่อง ไวตามิน และอาหารเสริม ในหนังสือคุณจะพบอาหารลักษณะต่าง ๆ กันที่ปิดฉลากว่าเป็นอาหาร "ธรรมชาติ" ที่มีคุณค่าทางโภชนาการและดีที่สุดต่อสุขภาพ ถ้ามีคนบอกว่าการต้มอาหารรวมกันเป็นวิธีที่ถูกอนามัย ก็จะมีคนที่บอกว่า การต้มอาหารรวมกันจะทำให้คนกินเจ็บป่วย บ้างก็ให้ความสำคัญกับคุณค่าของเกลือในอาหาร บ้างบอกว่าใส่เกลือในอาหารมากเกินไปทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ ถ้ามีคนรังเกียจผลไม้ว่าเป็นยิน และว่าเป็นอาหารสำหรับลิง ก็จะมีอีกคนที่บอกว่าผลไม้และพืชผักเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับช่วยให้ชีวิตยืนยาว และจิตใจเบิกบานผาสุก
ความคิดเหล่านี้ในเวลาและเหตุการณ์ที่แตกต่างกัน ก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่คนก็จะรู้สึกสับสน หรือมิฉะนั้นทฤษฎีทั้งหมดนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องที่ทำให้คนซึ่งสับสนอยู่แล้ว สับสนหนักยิ่งขึ้นไปอีก
ธรรมชาติมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา คนเราไม่สามารถเข้าใจปรากฏการณ์ที่แท้จริงของธรรมชาติได้ โฉมหน้าของธรรมชาติเป็นสิ่งที่ไม่อาจรู้ได้ การพยายามจะจับสิ่งที่ไม่อาจรู้ได้นี้มาใส่ในทฤษฎี และกำหนดเป็นหลักเกณฑ์ ก็เปรียบเหมือนกับการพยายามจับสายลม ด้วยสวิงจับผีเสื้อนั่นเอง
ถ้าคุณปาไปยังเป้าที่ผิด คุณก็พลาด
มนุษยชาติก็เหมือนกับคนตาบอดที่ไม่รู้ว่าตนกำลังเดินไปไหน เขาคลำทางไปด้วยไม้เท้าของความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ขื้นอยู่กับยิน-หยังในการกำหนดเส้นทางของ ตน
ดังนี้ผมต้องการจะพูดก็คือ อย่ากินอาหารด้วยสมอง และนั่นก็คือการพูดว่าให้กำจัดจิตแห่งการแบ่งแยกเสีย ผมหวังว่ามณฑลอาหารที่ผมทำไว้ก่อนหน้านี้จะช่วยทำหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์ที่จะแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างอาหารชนิดต่าง ๆ และความสัมพันธ์กับมนุษย์ แต่คุณสามารถทิ้งมันไปได้เลย หากว่าคุณสามารถเห็นมันด้วยตัวคุณเองสักครั้งหนึ่ง
ข้อพิจารณาข้อแรกที่สำคัญที่สุดก็คือ เพื่อให้บุคคลสามารถพัฒนาประสาทสัมผัสที่ว่องไวที่จะปล่อยให้ร่างกายเลือกอาหารของมันเอง การคิดถึงแต่เพียงตัวอาหารโดยละเลยจิต ก็เหมือนกับการไปวัด อ่านพระสูตร แต่ทิ้งพระพุทธไว้ข้างนอก แทนที่จะศึกษาทฤษฎีทางปรัชญาเพื่อจะเข้าใจเรื่องอาหาร แต่ละคนควรจะเข้าถึงทฤษฎีจากโภชนาการประจำวันของตนจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า
แพทย์จะดูแลคนป่วย ส่วนคนที่มีสุขภาพสมบูรณ์ได้รับการดูแลจากธรรมชาติ แทนที่จะรอให้ป่วยแล้วกินอาหารธรรมชาติเพื่อรักษาตัว คนเราควรจะมีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ เพื่อป้องกันไม่ให้โรคภัยไข้เจ็บเกิดขื้น
คนหนุ่มสาวที่มาอยู่อาศัยในกระท่อมบนภูเขา และใช้ชีวิตแบบบรรพกาลกินอาหารธรรมชาติ และทำเกษตรกรรมธรรมชาติ เป็นผู้ที่ตระหนักรู้ในเป้าหมายสูงสุดของมนุษย์ และเขาได้ตัดสินใจที่จะดำเนินชีวิตไปตามเป้าหมายเช่นนั้นด้วยหนทางที่ตรงที่สุด