เมื่อถึงวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปีผู้คนจะแห่ไป "เคานต์ดาวน์" กันตามย่านใจกลางเมือง ผับดัง ๆ หรือบินไกลไปนับถอยหลังถึงต่างประเทศ เพื่อให้ชีวิตได้ก้าวข้ามปีด้วยความสนุกสนานครื้นเครงเคล้าด้วยแอลกอฮอล์
แต่ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2553 ข้ามถึง 1 มกราคม 2554 ของปีนี้ดูจะพิเศษกว่าปีก่อน ๆ
พิเศษตรงที่เป็นปีแห่งการเกิด "เคานต์ดาวน์ธรรม" อย่างแพร่หลายที่สุดทั้งในรูปแบบของการเข้าร่วมกิจกรรมในวัด ไปจนถึงการสวดมนต์ข้ามปีแบบออนไลน์ !
โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มูลนิธิศึกษาธิการ มูลนิธิวัดปัญญา สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า องค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
เป็นการขยายผลต่อเนื่องจากเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ที่เริ่มจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี 2551 จนมีจำนวนวัดเข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี กระทั่งปีนี้ได้มีความร่วมมือจากหลาย หน่วยงาน การเคานต์ดาวน์ธรรมจึงส่งพลังแห่งกุศลแรง !
นายประญัติ เกรัมย์ ผู้ประสานงานโครงการสวดมนต์ข้ามปี เครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในปีนี้ถือได้ว่าเราจัดงานยิ่งใหญ่ขึ้น เพราะมีการประสานงานกันหลายภาคส่วน ทั้งเครือข่ายวัด 45 วัดใน 20 จังหวัดที่มีกิจกรรมนี้เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งจะมีการขยายผลเพิ่มเติมไปยังวัดใกล้เคียงเพื่อทำกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี และยังมีการประสานงานผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและภาคีเครือข่าย มูลนิธิวัดปัญญา กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ตลอดจนเครือข่ายวัดที่มีเว็บไซต์ 46 วัด
ทั่วประเทศ ตลอดจนได้กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และคุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย แห่งดีซี คอนซัลแทนส์
เคานต์ดาวน์ธรรมสวดมนต์ข้ามปี 2553 รับปี 2554 จึงได้รับการสนับสนุนจากวัดทั่วประเทศ ซึ่งมหาเถรสมาคม (มส.) ได้มีมติสนับสนุนให้วัด 3 หมื่นกว่าแห่งทั่วประเทศ สถานที่ปฏิบัติธรรม 1,000 กว่าแห่ง และวัดไทยในต่างประเทศอีก 79 วัด จัดสวดมนต์ข้ามปีเพื่อเป็นสิริมงคลและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
น่าสนใจคือ ในปีนี้มีการสวดมนต์ข้ามปีออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ http//t.stopdrink.com เป็นครั้งแรก !
"ปีนี้นอกจากเราจะมีการถ่ายทอดสดการสวดมนต์ข้ามปีผ่านทางช่อง 9 และช่อง 11 จากวัดราชนัดดาฯ และวัดสระเกศฯแล้ว เรายังมีการสวดมนต์ข้ามปีผ่านโลกออนไลน์ให้กับผู้ที่ไม่สะดวกจะ
เดินทางไปวัดด้วย โดยจะออนไลน์จากวัดคลองตาลอง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา กิจกรรมนี้น่าจะเป็นอีกทางเลือกให้กับผู้คนหันมาเคานต์ดาวน์ธรรมกันมากขึ้น โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่น่าจะให้ความสนใจกันมาก เพราะเรามีเครือข่ายมหาวิทยาลัยรับน้องปลอดเหล้าอยู่แล้ว ขณะนี้แอลกอฮอล์แทรกซึมอยู่ในสื่อออนไลน์ เราจึงอยากดึงเยาวชนเข้ามาสนใจเรื่องธรรมะแทน"
...เราตั้งใจจัดกิจกรรมนี้ก็เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนค่านิยมจากเดิม ที่บ้านเราเคานต์ดาวน์มาบูมเมื่อปี 2000 จนถึงวันนี้ผ่านมาแล้ว 10 ปี ทุกครั้งที่จัดเคานต์ดาวน์เรามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากมาย เวลามีเคานต์ดาวน์เราหนีไม่พ้นเรื่องของแอลกอฮอล์ ซึ่งผมคิดว่าถ้ามีเคานต์ดาวน์ธรรมน่าจะทำให้เกิดความสงบสุขเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่
ท.พ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เชื่อว่าการสวดมนต์คือความเป็นมงคลหนึ่งในชีวิต หากในโอกาสส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ชาวไทยได้มาร่วมกัน "สวดมนต์ข้ามปี" จะเป็นการเริ่มต้นสิ่งดี ๆ ให้ชีวิต และแรงแห่งความตั้งใจดีจะเป็นพลังส่งให้ความดีงามเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา
และในปี 2554 นี้ค่านิยมในการเคานต์ดาวน์ธรรม ดูท่าจะได้รับความสนใจจากผู้คนไม่น้อย เนื่องจากผลวิจัยที่ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้เผยสำรวจอันเกี่ยวเนื่องกับการสวดมนต์ข้ามปี ประชาชนเกินครึ่งหรือร้อยละ 53.9 สนใจจะเข้าร่วมโครงการสวดมนต์ข้ามปี เริ่มต้นดี ชีวิตดี ในปีใหม่ ขณะที่ร้อยละ 46.1 ไม่สนใจ
อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มคนที่สนใจส่วนใหญ่หรือร้อยละ 87.8 ยังไม่ทราบสถานที่ที่จะไปร่วมสวดมนต์ข้ามปี และร้อยละ 87.0 ไม่ทราบข้อมูลจากวัดใกล้บ้านว่าจะมีการสวดมนต์ข้ามปี
สำหรับวัดที่ได้รับความสนใจไปเคานต์ดาวน์ธรรม อาทิ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร, วัดราชนัดดาวรวิหาร, วัดเทวราช กุญชร, วัดยานนาวา, วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร, วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และวัดอื่น ๆ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
เช่นเดียวกับงาน "ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ 2554" ที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมา เป็นปีที่ 5 และได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างล้นหลามกว่าหมื่นคนทุกปี โดยปีนี้จัดงานตั้งแต่ 16.00 น.ของวันที่ 31 ธันวาคม 2553 และ 00.19 น.ของวันที่ 1 มกราคม 2554
พระธรรมสิทธินายก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศกล่าวว่า กิจกรรมนี้จัดเป็นปีที่ 5 แล้ว ซึ่งทุกปีได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างมาก เนื่องจากมีผู้มาเข้าร่วมเกือบหมื่นคน และคาดหวังให้มีผู้เข้าร่วมเป็นหลักล้านในอนาคต
ด้าน นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนากล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้คือ ต้องการให้ประชาชนมีความพร้อมในการระลึกสติในตนเอง ตั้งใจทำในสิ่งที่ดี ซึ่งการฟังธรรมนั้นจะเป็นการสร้างบุญกุศลให้กับตนเอง ไม่หลงใหลในอบายมุข และคาดหวังให้ครอบครัวและประชาชนรับสิ่งดี ๆ แก่ตนเอง ให้ฟังธรรมเพื่อเป็นการพิสูจน์และนำไปปฏิบัติเพื่อเป็นประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น
เคานต์ดาวน์ทางโลกแล้ว หันมาเคานต์ดาวน์ทางธรรมบ้างก็น่าจะดี ยิ่งหากมีการผลักดันให้การสวดมนต์ข้ามปีเป็นวาระแห่งชาติดังที่เครือข่ายองค์กรต่าง ๆ ได้ร่วมกันผลักดันไปยังรัฐบาล ก็น่าจะทำให้แผ่นดินไทยกลายเป็นแผ่นดินทองแผ่นดินธรรมอันแท้จริง
http://variety.teenee.com/foodforbrain/32213.html