ผู้เขียน หัวข้อ: ความทรงจำนอกมิติ : เมื่อจิตตื่น - โลกก็ตื่น  (อ่าน 1516 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด



 
ข้อมูลที่รับซ้ำซากจากนักคิดตะวันตกตั้งแต่ก่อนช่วงต่อของ ศตวรรษ ที่คือช่วงต่อของสหัสวรรษที่สามของคริสต์ศักราชที่โลกยอมรับและ นำมาใช้เป็นสากลในทุกวันนี้ว่า
 
โลกที่หมายถึงสังคมของมนุษยชาติเป็นแกน หลักได้มีการเคลื่อนย้ายรูปแบบของสังคมไปบ้างแล้ว และเชื่อว่าคนที่เคยอ่าน บทความของผู้เขียนมาบ้าง และรับฟังข้อมูลข่าวสารจากสื่อระดับโลกบ้าง คงจะไม่สงสัยกังขาอะไรอีกต่อไป เพราะแม้ไม่ต้องสังเกตอย่างละเอียดถี่ถ้วน เท่าไรนัก ก็คงรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงของสังคมมนุษย์ กับสภาพใกล้ล่มสลาย ของโลกทางกายภาพมันฟ้องให้เรามองเห็นจะจะอยู่แล้วโดยเฉพาะในประเด็น หลัง สำหรับประเด็นแรกนั้น แม้ว่าสังคมมนุษย์ทั้งโลกจะยังมีความไม่เท่า เทียมกันมากหรือน้อยบ้างในทางกายภาพและทางวัตถุ ซึ่งเราเคยใช้เป็นตัว กำหนดความเจริญก้าวหน้าหรือความเป็นอารยธรรมสมัยใหม่ซึ่งแทบจะอยู่ ตรงกันข้ามกับธรรมชาติในทุกๆ ด้าน
 
โดยเฉพาะความเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกันที่เยื่อใยภายในของสรรพสิ่ง แต่ในขณะเดียวกัน เราก็พอเริ่มมอง เห็นการตื่นขึ้นมาของจิตร่วมแห่งสังคมของคนในสังคมตะวันตกที่พัฒนาแล้ว เช่นเดียวกัน นั่นคือคนที่ในอดีตที่เป็นผู้นำมาซึ่งอุดมการณ์วัตถุอารยธรรม สมัยใหม่มาสู่โลกด้วยการย่ำยีธรรมชาติ ด้วยความไม่รู้บนความผิดพลาดทาง จิตวิญญาณ ที่ทุกวันนี้คนเหล่านั้นบางคนเริ่มทำในสิ่งตรงกันข้าม การตื่นตัว ของจิตร่วมทางสังคมดังกล่าวทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งของโลกในระยะหลังๆ พากันปรับตัวเองไปสู่แนวทางของธรรมชาติมากขึ้น
 
จนผู้ที่สนใจอาจมองเห็น - แม้ว่าการปรับตัวเองที่ว่านั้น จะยังไม่เป็นเอกภาพและไม่กระจ่าง ชัดพอที่จะทำให้คนทั่วไปทุกคนรับรู้ได้เป็นเช่นเดียวกัน หรือการปรับตัวอย่าง ว่าอาจจะถูกเบี่ยงเบนประเด็นไปจนทำให้เรามองไม่เห็น หรือเห็นแต่คิดเป็น อย่างอื่น เช่น ถูกเบี่ยงเบนไปด้วยองค์ประกอบย่อยหรือส่วนของความไร้ระ เบียบ (Chaos) ที่ร่วมอยู่ในกระบวนการในขณะที่ความไร้ระเบียบยังไม่ถึงจุด วิกฤติ หรือยังไม่ถึงจุดที่ไกลสุดจากสมดุล (far-from-equilium) ที่จะนำมา ซึ่งการโผล่ปรากฏของสิ่งใหม่ให้เกิดขึ้น (emergent)
 
ดังนั้นเองที่เห็นในขณะ นั้นคือภาพแห่งความสับสนครึ่งๆ กลางๆ ดังเช่นทุกวันนี้ที่มีความขัดแย้งใน ทางความคิดเกิดขึ้นในทุกหนแห่งตลอดเวลา นั่นคือความขัดแย้งระหว่างคนที่ มีการตื่นทางจิตวิญญาณ เช่นว่าฝ่ายหนึ่งกับคนกลุ่มใหญ่กว่าที่ยังติดอยู่กับ กรอบและโครงสร้างของสังคม ของกระบวนทัศน์เก่าเดิมที่ตั้งอยู่บนจิตแห่ง ตัวตนและเหตุผลและหลักการแยกส่วน
 
ความขัดแย้งที่กำลังเกิดอยู่ในทุกๆ วันในแทบทุกประเทศใน โลก มากบ้างน้อยบ้างนั้น บางคนอาจมองไม่เห็นหรือนึกไม่ถึง และจะคิด ว่าความขัดแย้งที่เกิดกับหมู่ชนในทั่วทุกหัวระแหงทุกๆ วันเหล่านั้น ไม่ได้เป็นไปตามแนวเดียวกัน โดยเฉพาะความขัดแย้งของประชาคมโลกต่อ องค์กรทางวัฒนธรรม หรือองค์กรทางการเมืองและเศรษฐกิจเก่าเดิมที่เคยแตะ ต้องไม่ได้ในอดีต แต่ถ้าหากว่าเราศึกษาและติดตามกระบวนการต่อสู้ของ ประชาชนดังกล่าวให้ละเอียด โดยเฉพาะศึกษาที่มาของความคิดหรือวิสัย ทัศน์ที่อยู่เบื้องหลัง เราจะพบว่าการต่อสู้หรือความขัดแย้งเหล่านั้นไม่เหมือน เดิม และเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
 
นอกจากนั้น ความขัดแย้งและการต่อสู้ นั้นไม่ว่าจะเป็นที่สังคมไหน ประเทศใด ล้วนเป็นไปในแนวทางเดียวกัน มีสาเหตุหรือพื้นฐานเช่นเดียวกัน นั่นคือระหว่างกระบวนทัศน์ใหม่จิต วิญญาณระดับใหม่กับกระบวนทัศน์เก่าเดิมวัฒนธรรมเดิม อย่าลืมว่า วัฒนธรรมนั้นตั้งอยู่บนจิตร่วมแห่งสังคมในช่วงเวลาหนึ่งใด ที่จะเคลื่อนที่ไป อย่างสอดคล้องไปกับระนาบและระดับของจิตแห่งปัจเจกในเวลานั้นๆ
 
ดังนั้น เราอาจเห็นการต่อสู้ขัดแย้งเช่นว่าระหว่างกลุ่มคนที่ต้องการให้รัฐบาลสหรัฐรื้อทิ้งเขื่อนทั้งสี่เขื่อนที่แม่น้ำสเน็คริเวอร์ในรัฐวอชิงตัน กลุ่มคนที่นำโดยนัก วิทยาศาสตร์นักสิ่งแวดล้อมที่มีชื่อเสียง เพียงเพื่อให้ปลาซาลมอนแปซิฟิก สามารถเข้ามาวางใช่ได้ตามธรรมชาติ เหมือนกับที่รัฐบาลสหรัฐได้รื้อเขื่อน เอ็ดเวิร์ดที่รัฐเมน ที่สูงกว่าเขื่อนทุกเขื่อนในประเทศไทยทิ้งไปแล้วในปี 1998 เพื่อให้ปลาซาลมอนแอตแลนติกเข้ามาวางไข่ หรือเช่นเดียวกับการรื้อทิ้งเขื่อน อื่นใดอีก 12 เขื่อน ที่รื้อทิ้งไปในปี 1999 นั่นคือตัวอย่างของความขัดแย้งบน วิสัยทัศน์เก่ากับใหม่ที่ต่างกัน


จริงๆ แล้วในพหุสังคมแห่งความหลากหลายที่เป็นธรรมชาติ ทุกครั้งที่มีการต่อสู้ทางความคิด หรือทุกครั้งมีการเคลื่อนไหวทางการเมือง ระหว่างคนที่อยู่ในกระบวนทัศน์ที่ต่างกันที่มีตลอดมาของประวัติศาสตร์ ของมนุษยชาติ ต่างล้วนเป็นเรื่องปกติธรรมดาของวิวัฒนาการและอุบัติการณ์ โผล่ปรากฏอันเป็นไปตามกฎธรรมชาติ ซึ่งในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อก่อนแนวทาง ใหม่จะเกิดขึ้นและตั้งอยู่ได้นั้น บางครั้งกระบวนทัศน์ใหม่อาจมีชัยชนะ แต่ในระยะแรกๆ มักเป็นกระบวนทัศน์เก่าที่เป็นฝ่ายได้เปรียบมากกว่ากันมาก นัก เช่นเดียวกับการเคลื่อนไหวของประชาชนต่อการขนย้าย หรือเก็บทิ้งกาก สารนิวเคลียร์ หรือการสร้างโรงไฟฟ้าปรมาณู เช่นเดียวกับการต่อสู้ ระหว่างกระบวนทัศน์ใหม่กับอนุรักษนิยมเก่าเดิมในเรื่องของสิทธิมนุษย์ชนกับ ความเชื่อทางการเมืองหรือทางศาสนา เช่นเดียวกับการเดินขบวนต่อต้าน การประชุมว่าด้วยการเงินการค้าโลกของประเทศนายทุน และองค์กรระดับ โลกเหล่านั้น รวมทั้งเช่นเดียวกับความขัดแย้งทางการเมืองการทหารใน ประเทศต่างๆ ที่ประชากรโลกในนามของสหประชาชาติเข้าไปยุ่งเกี่ยว เราจะมองเห็นได้ชัดเลยว่า ความขัดแย้งหรือการต่อสู้ไม่ได้จำกัดอยู่ที่คนกลุ่ม ไหนอยู่ในประเทศใด หากเป็นคนของโลกที่ไร้พรมแดนที่มารวมตัวกันด้วย เจตนาเดียวกันทั้งสิ้น ซึ่งหากว่าเราพิจารณาให้ละเอียด ก็จะพบว่าการต่อสู้ ขัดแย้งส่วนใหญ่ จะเป็นเรื่องของความคิดที่มีวิสัยทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปจาก เดิมเป็นพื้นฐาน ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องของความต้องการส่วนกลุ่มในสมาคม ชุมชนตัวเองหรือประเทศตัวเอง ซึ่งก็ยังมีอยู่บ้างแต่ก็ลดน้อยลงไปทุกที การต่อสู้ความขัดแย้งระดับโลกที่กล่าวมาย่อมต้องมีกลุ่มย่อยองค์ประกอบย่อย ที่ได้กล่าวมาแล้ว ที่ได้นำเอาความเห็นส่วนตัวทัศนคติของตัวหรือผล ประโยชน์มาบังหน้าเข้ามาร่วมในกระบวนการ จนทำให้ประเด็นถูกเบี่ยงเบน หรือทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งเข้าใจผิดหรือเกิดเป็นความรุนแรง ซึ่งเหตุการณ์ เช่นนั้นจะมีน้อยและจะค่อยๆ หายไปในอนาคตเมื่อถึงเวลา เมื่อถึงจุดวิกฤติ ไปตามกฎธรรมชาติหรือกฎแห่งวิวัฒนาการดังที่ได้กล่าวมาแล้ว จักรวาลทั้ง หมดได้วิวัฒนาการมาเช่นนั้น ระบบสุริยะและโลกของเราก็วิวัฒนาการมาเช่น นั้น กรวดหินดินทรายหรือภูเขาและแม่น้ำก็วิวัฒนาการเช่นนั้น รวมทั้งชีวิต ทุกชีวิตกระทั่งมาเป็นมนุษย์และเป็นสังคมของมนุษย์ก็เป็นเช่นนั้น ต่อไปก็จะ ถึงช่วงเวลาของวิวัฒนาการทางจิตวิญาณที่จะต้องผ่านขั้นตอนไปอย่างแบบ เดียวกัน นั่นคือทิศทางแห่งธรรมชาติที่ต้องเป็นไปเช่นนั้น (predestination) สังคมโลกเรากำลังเปลี่ยนแปลงจริงๆ และการวิวัฒน์เปลี่ยนแปลงจะไม่มีสิ่ง ใดที่สามารถขัดขวางยับยั้งได้ แต่กระนั้นความเจ็บปวดสูญเสียก็คงต้องมี ซึ่งในตอนแรกความเจ็บปวดจะเป็นทางฝ่ายกระบวนทัศน์ใหม่ที่จะพบกับการ สูญเสียบ้าง หรือท้อแท้ใจไปบ้าง แต่ด้วยกฎแห่งธรรมชาติที่เป็นความจริงที่ แก้ไขไม่ได้เมื่อสุดขอบของความไร้ระเบียบ (at the edge of ehaos) องค์กรใหม่ที่มีระเบียบก็จะต้องโผล่ปรากฏขึ้นมาเอง ซ้ำซากเรื่อยไปจนกว่าจะ ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงใหม่อีกครั้ง
 
สำหรับประเด็นหลังในด้านของโลกกายภาพนั้น ทั้งด้านของ ปฐพีธรณีวิทยาน้ำฟ้าอากาศ และทางด้านของไอโอสเฟียร์ต่างก็แทบมาถึงจุด จบของมันไปแล้วโดยที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้สึกตัว มาตรโลกมันยิ่งใหญ่ไพศาล เมื่อเทียบกับเรากับชีวิตเราจึงมองไม่เห็น ตอนนี้ความสูญเสียของสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นสิ่งไม่มีชีวิตหรือสิ่งที่เป็นชีวิตที่เรารู้จัก โมเทนตัมของทั้งหมด โดยมวลได้ผ่านจุดที่หวนกลับคืนเดิมไม่ได้ไปแล้ว ซึ่งผลที่ชี้บ่งการหวนกลับ ดินไม่ได้ก็ปรากฏให้เห็นแล้ว เหมือนกับคนที่เป็นโรคตับแข็ง เป็นมะเร็งตับ ที่ตราบใดที่ความสูญเสียโดยสิ้นเชิงหรือเนื้อตับยังถูกทำลายไปไม่ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ บุคคลผู้นั้นก็จะเป็นเช่นคนปกติธรรมดา ที่ไม่ว่าเราจะเจาะเลือด ตรวจการทำงานของตับกันอย่างละเอียดลออแค่ไหน ผลที่ได้คือค่าที่เป็นปกติ ตลอดไป กระทั่งตับถูกทำลายไปจนถึง 80 เปอร์เซ็นต์อาการที่แสดงความ ล้มเหลวของตับจึงจะปรากฏให้เห็น และบุคคลผู้นั้นก็จะไม่ใช่คนปกติอีกต่อ ไป แต่เป็นผู้ป่วยโรคตับที่หลังจากนั้นบุคคลที่เป็นผู้ป่วยไปแล้ว เช่นนั้นจำ เป็นจะต้องได้รับการรักษาอย่างจริงจังและทันทีทันใด ผู้ป่วยจะต้องเปลี่ยน แปลงตัวเอง เปลี่ยนวิถีชีวิตหรือความคิดคำนึงที่เป็นพื้นฐานของการดำรงอยู่ ของตนไปอีกทางด้านหนึ่งไปทางด้านที่สอดคล้องกับธรรมชาติ
 
แต่ความเจ็บป่วยปางตายนั้นเองก็ให้บทเรียนที่นำไปสู่การ สะท้อนตัวเอง ทำให้จิตของผู้ป่วยตื่นขึ้นมา ฉันใดฉันนั้น ตอนนี้จิต วิญญาณของสังคมใหญ่ของครอบครัวของมนุษยชาติโดยรวม ก็เริ่มตื่นตัวขึ้น มาบ้างแล้ว เรามีเพียงสองทางเลือก การรักษาหรือยอมตาย เราจะเอา ธรรมชาติหรือวัฒนธรรม หากว่าโลกกายภาพจะหายป่วยและกลับมาเป็นปกติ อีกครั้ง จิตวิญญาณของโลกหรือจิตร่วมของสังคมโลกจะต้องตื่นขึ้นมาทั้งหมด

ในช่วงที่วิกฤติเช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่เราจะหนีความจริง จึงไม่ใช่เรื่องที่เราจะทำไม่รู้ไม่ชี้ได้กับกระแสของการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าการ เปลี่ยนแปลงจะเป็นโลกภายภาพดินฟ้าอากาศ หรือไม่ว่าจะเป็นการสูญสิ้น เผ่าพันธุ์ของพืชพรรณไม้หรือส่ำสัตว์ หรือการหมดสิ้นไปของทรัพยากร ธรรมชาติ ต่างมีมนุษย์กับอารยธรรมเป็นส่วนใหญ่ของสาเหตุ แล้วเราจะ หลับหูหลับตาหวังจะให้สภาพกลับคืนมาเหมือนเดิม โดยที่เราไม่เปลี่ยนแปลง อะไรเลยได้อย่างไร? เรายังคงความคิดและพฤติกรรมเก่าเดิม ยังคงวิสัยทัศน์ กระบวนทัศน์เดิมอีกต่อไป พร้อมๆ กับที่เราขอให้ทุกสิ่งกลับเหมือนเดิมได้ อย่างไร? นั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
 
หากเราแยกตัวออกมาแล้วหันไปมองดูวิวัฒนาการของชีวิต วิวัฒนาการของมนุษย์และสังคมของมนุษยชาติที่มีขั้นตอนอันน่าพิศวงเหมือน กับว่าถูกวางให้เป็นเช่นนั้น เราก็อดที่จะถามตัวเองไม่ได้ว่า จักรวาลเป็น เพียงเศษธุลีดินที่ไร้จิตวิญญาณและความหมายกระนั้นหรือ? หากเป็นเช่นนั้น ทำไมจักรวาลถึงได้มีวิวัฒนาการที่เป็นระบบได้เช่นนั้น? ทำไมวิวัฒนาการ ของโลกกับของมนุษย์ และแม้แต่วิวัฒนาการของสังคมของมนุษยชาติจึงเป็น เสมือนกับว่ามีทิศทางกำหนดให้เป็นขั้นตอนเช่นนั้น? เรามาที่นี่มีความหมาย หรือเป้าหมายอย่างใดและเพื่ออะไร? หรือว่าจากนี้เราในความเป็นเผ่าพันธุ์ ของเราจะไปไหน? อนาคตข้างหน้าของมนุษยชาติจะเป็นอย่างไร? เราจะเดินไปข้างหน้าอย่างตาบอดตาใสด้วยการปล่อยให้มันเป็นไปตาม ยถากรรมอย่างไร้ความหมายกระนั้นหรือ?
 
เราคงตอบคำถามทั้งหมดให้สำเร็จเด็ดขาดไม่ได้ ที่ตอบได้คือ ความสอดคล้องกันอย่างมีทิศทางและมีขั้นตอนของวิวัฒนาการ ตั้งแต่ระดับ มหภาคลงมาหาระดับจุลภาค ตั้งแต่จักรวาลลงมาถึงเคมี โมเลกุล ถึงอะตอม และอนุภาค ตั้งแต่โลกและไบโอสเฟียร์ลงมาถึงจุลชีพแบคทีเรีย ทั้งหมดให้ รูปแบบที่เป็นเช่นเดียวกันเป็นสากล ยิ่งกว่านั้น ศาสนาและอภิปรัชญาที่มีมา พร้อมกับประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณที่เป็นตัว “รู้” ที่อยู่ในมนุษย์และวิทยา ศาสตร์แห่งยุคใหม่เองก็ให้หลักฐานคล้ายๆ กัน ว่าทุกอย่างต่างวิวัฒนาการมา ด้วยกระบวนการที่สูงส่งซับซ้อนอย่างมีขั้นตอนที่ต้องเป็นเช่นนั้น รวมทั้ง วิวัฒนาการของจิตวิญญาณการเพื่อรู้ตัวเองและรู้ความจริง นั่นคือเป้าหมายที่ เราจะต้องไปให้ถึง และต้องมั่นใจว่าเราต้องไปถึง ดังนั้นตราบใดที่ วิวัฒนาการของจิตยังไม่ถึงจุดหมาย มนุษย์คงยังไปไหนไม่ได้ ที่สำคัญกว่า นั้น เราจะยอมแพ้และทำลายตัวเองด้วยการทำลายโลกธรรมชาติสิ่งที่ให้ชีวิต แก่ทั้งหมดต่อไปไม่ได้ เราต้องสังวรณ์ว่า เรามีเป้าหมายมีที่ไป เมื่อจิตเรา ตื่นโลกก็จะตื่นด้วย และแล้วจักรวาลก็จะตื่นจะรื่นเริงเบิกบานกับการรู้ตัวเอง ผ่านจิตรู้ของเรา.
 
- ความทรงจำนอกมิติ จาก โทยโพสต์ -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 05, 2011, 10:21:02 pm โดย มดเอ๊กซ »
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ แก้วจ๋าหน้าร้อน

  • สิ่งใดคือธรรมะ สิ่งนั้นย่อมดีแล้วสูงสุด
  • ทีมงานกวาดลานดิน
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 6503
  • พลังกัลยาณมิตร 1741
  • ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครอง
    • kaewjanaron
    • facehot
    • ดูรายละเอียด
    • ใต้ร่มธรรม
 :45: ขอบคุณครับพี่มด
การโพสภาพโดยใช้เว็บฝากไฟล์ภาพ imageshack.us/ (เว็บกบ)
การปรับแต่งห้องสมาชิกไร้ขีดจำกัด Ultimate Profile + ห้องเพลงส่วนตัว
การตั้งกระทู้และการโพสกระทู้ในเว็บใต้ร่มธรรมครับ
การแก้ไข้ข้อมูล ชื่อ ระหัส ส่วนตัวของสมาชิกใต้ร่มธรรมครับ
การใส่รูปประจำตัวเรา Avatar รวมทั้งลายเซ็นต์ ในกระทู้หรือโพสของเราครับ
เพิ่มไอคอน ทวิสเตอร์ เฟชบุ๊ค ยูทูบ ในโปรโปรไฟล์ของเรา
การสร้างอัลบั้มภาพส่วนตัวในห้องสมาชิก Profile Pictures
การเพิ่มเพื่อน กัลยาณมิตรใต้ร่มธรรม ในห้องสมาชิกส่วนตัว
การดูกระทู้ทั้งหมดที่เรายังไม่ได้อ่านครับ
โค้ดสี bb color code ไว้สำหรับโพสกระทู้ครับ
*วิธีเคลียร์แคชในทุกเว็บเบราว์เซอร์ครับ เมื่อคอมอืด*

ห้องประชุมของทีมงาน
~ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ~