เตรียมรับความตายความตายรอคอยเราอยู่ ไม่ว่าเราจะพร้อมหรือไม่ก็ตาม ไม่ว่าเราจะคิด ถึงมันหรือไม่ สำหรับพวกเราเป็นอันมาก ลำพังเพียงแค่คิดถึงความ ตายก็ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ จนอยากจะเลี่ยงไม่คิดถึงมันอย่างสิ้นเชิง อาจถึงขั้นหลอกตัวเองว่าเราไม่กลัวตาย และความตายหาใช่เรื่องใหญ่ ไม่ ทว่าผู้ทีต้องเผชิญกับมันอย่างไม่ทันตั้งตัวย่อมตกอยู่ในห้วงของ ความหวาดหวั่นอย่างสุดแสน เป็นความหวาดหวั่นพรั่นพรึงซึ่งไม่อาจ เปรียบได้กับสิ่งใดที่เคยประสบมาก่อน เมื่อไม่อาจควบคุมบังคับร่าง กายได้ เมื่อต้องสูญเสียทุกสิ่งที่คุ้นเคย นอกจากจะทำให้รู้สึกหวาดหวั่น พรั่นพรึงแล้ว ยังทำให้สับสนงงงวยเป็นอย่างยิ่ง บางคนอาจรู้สึกเศร้า เสียใจอย่างสุดซึ้ง เป็นความเสียใจที่ชีวิตและกิจกรรมทั้งมวลของตนหา ได้มีจุดมุ่งหมายใด ๆ ไม่ เขาย่อมรู้สึกเศร้าสลดอย่างสุดแสนเมื่อหวน มองย้อนกลับและได้พบว่าตนได้พลาดสาระสำคัญไปสิ้น
เราจำต้องตระเตรียมตนไว้ให้
พร้อมสำหรับชั่วขณะที่จิตกับร่างแยกออก จากกัน โดยการบ่มเพาะนิสัยอันแรงกล้าแห่งการปฏิบัติธรรมจะไม่ฟุ้ง กระจายไปเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตาย มีภาษิตทิเบตกล่าวไว้ว่า
" หากเกิดปวดท้องขึ้นมาก็สายเกินไปที่จะสร้างส้วม " ถ้าหากเราได้ทำ ความคุ้นเคยกับมรณะวิถีแล้วไซร้ เราย่อมไม่ตกอยู่ในความประมาท เรา จะไม่ตัวแข็งด้วยความกลัวหรือวนเวียนอยู่ในความสับสน
หากเราได้ ฝึกฝนมรณานุสติอย่างสม่ำเสมอ ความตายย่อมเป็นประตูที่เปิดออกสู่ อมตภาวะแห่งการตรัสรู้ ซึ่งอำนวยประโยชน์อันไพศาลแก่สรรพสัตว์เมื่อมวลธาตุซึ่งก่อรูปขึ้นเป็นกายเนื้อหนังนี้ยังเกาะกุมสมดุลกันอยู่ เรา ก็ย่อมมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
ปฐวีธาตุสัมพันธ์อยู่กับกระดูกและเนื้อ หนัง อาโปธาตุสัมพันธ์กับโลหิตและของเหลวต่าง ๆ ในร่างกาย เตโช ธาตุสัมพันธ์กับความร้อนในร่างและการย่อยอาหาร และวาโยธาตุต่าง ๆ สัมพันธ์กับลมหายใจ ระบบหมุนเวียน และการผนึกกายกับจิตเข้าไว้ ด้วยกัน ถ้าหากธาตุต่าง ๆ เหล่านี้เสียสมดุล เมื่อ
ธาตุใดธาตุหนึ่งแรงกล้า ยิ่งกว่าธาตุอื่น ๆ เราย่อมป่วยไข้ เราอาจพบนิมิตเมื่อไกล้ถึงกาลแตกดับ ในความฝัน ฝันว่าขี่วัวหรือขี่ลามุ่งติดตามดวงตะวันที่กำลังจะลับฟ้า ฝัน ว่าคว่ำหน้า หรือได้พบปะพูดคุยกับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วอยู่เนือง ๆ ความ ฝันเหล่านี้ล้วนเป็นลางบ่งบอกถึงพลังชีวิตที่เริ่มอ่อนล้า
ใน
วัชรสาธนา โดยเฉพาะใน
การปฏิบัติเพื่ออายุวัฒนะนับว่ามีประสิทธิ ผลอย่างยิ่งในการชำระล้างกรรมอันเป็นสาเหตุของความเจ็บป่วย และ ยังเป็นการสร้างบุญกุศลอันเป็นเหตุปัจจัยซึ่งช่วยให้มีอายุยืนยาว แต่ถ้า หากคุณไม่คุ้นเคยกับการปฏิบัติดังกล่าว
คุณก็อาจสร้างบุญกุศลอันยิ่ง ใหญ่ด้วยการช่วยชีวิตสัตว์ซึ่งกำลังจะถูกฆ่า เช่นว่าคุณอาจช่วยซื้อปลา กระป๋องและไส้เดือนเป็น ๆ ในร้านเหยื่อและนำไปปล่อย อันเป็นการ กระทำด้วยความเกื้อการุณย์จากความเข้าใจที่ว่าสัตว์ทุกชนิดล้วนรักชีวิต ของตน บุญกุศลอัยิ่งใหญ่อมเกิดจากการช่วยรักษาชีวิต โดยอุทิศผลบุญ เหล่านั้นให้แก่ผู้ที่ต้องเผชิญกับเหตุปัจจัยที่ไม่เกื้อหนุนให้มีชีวิตยืนยาว โดยสวดภาวนาให้อุปสรรคเหล่านั้นหมดสิ้นลง จงทำบุญซื้อชีวิตดังนี้ อย่างต่อเนื่อง ถ้าหากนิมิตในความฝันของคุณยังคงเป็นดุจเดิม นั่นหมาย ความว่ากรรมของคุณได้มาถึงวาระ และความตายย่อมอยู่ไม่ไกลแล้วในยามที่คุณป่วยหนัก สัมผัสรู้ต่าง ๆ ย่อมเสื่อมถอยลง เว้นแต่คุณจะคุ้น เคยกับธรรมชาติที่แท้ของดวงจิต หาไม่ก็จะเป็นช่วงเวลาอันน่าพรั่นพรึง และสับสนยิ่ง ด้วยเหตุที่ทุกสิ่งที่คุณเคยพึ่งพาอาศัยกลับไม่อาจใช้การได้ ดวงตาของคุณจะพร่ามัว ภาพที่เห็นจะเป็นดุจเงามายาอันแปรเปลี่ยน จะ บังเกิดนิมิตต่าง ๆ นานา ร่างกายจะหน่วงหนัก ดุจดังจะจมลงสู่เตียง
เมื่อมรณกาลมาถึง ธาตุทั้งสี่จะสูญสิ้นพลัง มันไม่อาจค้ำจุนกันและกัน ได้อีกต่อไป จิตจะแยกออกจากร่าง เมื่อธาตุเหล่านั้นแยกสลายออกจากกัน ความสามารถที่จะคิด ที่จะแยกแยะตัวงเราตัวเขา จิตและวัตถุจะลดน้อย ลง
พลังบุรุษซึ่งสถิตอยู่ตรงกระหม่อมจะโคจรย้อนกลับลงมา และพลัง สตรีซึ่งอยู่ตรงสะดือจะตีกลับขึ้นไป พลังทั้งสองจะมาบรรจบกันตรงหัวใจ คุณจะตกอยู่ในภวังค์มรณะ เป็นอาการโคม่าซึ่งคุณจะไม่ฟื้นคืนกลับมาอีก เมื่อมาถึงจุดนี้ อกุศลจิตทั้งมวลจะดับสูญลง และ
ดวงจิตจะเปิดออกสู่ภาวะ แสงสุกใส นี่คือลำดับแรกแห่ง ซอนยิดบาร์โด อันเป็นบาร์โดของธรรม ชาติแท้แห่งสัจจะคำว่า
" แสงสุกใส " มิได้หมายถึงแสวงสว่างในฟากฟ้า หรือที่ผู้คนซึ่งมี ประสบการณ์ใกล้ตายบรรยายไว้ว่าเป็นแสงอันเจิดจ้าซึ่งดึงดูดตนใกล้เข้า ไปทุกขณะ พร้อมกับมีเสียงดังขึ้นว่า " เธอจะต้องกลับไปเดี๋ยวนี้ " แสง สุกใสหาได้มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับแสงสว่างไม่ ทว่าบ่งชี้ถึง
ความกระจ่างใน ความหมายของภาวะที่ปราศจากความหลงปราศจากการแบ่งแยก เรา - เขา ปราศจากความคิดและทึบทึม มันหมายถึงภาวะการรับรู้อันเปิดกว้าง หรือ ที่เรียกว่า
แสงสุกใสพื้นฐาน ด้วยเหตุที่มันเป็นธรรมชาติพื้นฐานของสรรพ สัตว์
ถ้าหากเรามีความเจนจัดในการดำรงภาวะการกำหนดรู้ในธรรมชาติแห่งจิต แล้วไซร้ เราย่อมพบความหลุดพ้นใน
ซอนยิดบาร์โด โดย
การตระหนักถึง แสงสุกใสว่าเป็นธรรมชาติเดิมแท้ของเรา การหลอมรวมการกำหนดรู้เข้า กับแสงสุกใสนี้ย่อมก่อให้เกิด ธรรมกายวิมุติ แต่หากเรามิได้มีความสำเร็จผลในสมาธิภาวนา
แสงสุกใสย่อมอุบัติขึ้นรวด เร็วดุจประกายสายฟ้าและลับหายไป ด้วยเหตุที่ไม่คุ้นเคยกับธรรมชาติแท้ แห่งดวงจิต เราย่อมไม่สามารถใช้ช่วงผ่านอันแสนสั้นนี้เพื่อเข้าถึงการตรัสรู้ครั้นแล้ว
ภวังคจิตก็อุบัติขึ้นมาเป็น
ทวยเทพและสีสันอันเลื่อมพราย นี่คือ ลำดับสองแห่ง
ซอนยิดบาร์โด หากเราตระหนักได้ว่าปรากฏการณ์นี้มิใช่ อื่นใด หากคือ
ประภัสสรแห่งสภาวะการรับรู้เดิมแท้แล้วไซร้ ช่วงผ่านมา นี้จะกลับกลายเป็นโอกาสเพื่อเข้าถึงความหลุดพ้น อันมีนามว่า
สัมโภค กายวิมุติ แต่หากว่าเรายังไม่มีความเข้าใจถึงสภาวจิตที่ก่อให้เกิดรูปปรากฏ ต่าง ๆ เราย่อมไม่อาจตระหนักรู้ถึงอาการอันสำแดงออกของมันอย่างที่ เป็น มันย่อมเป็นเหมือนกับการได้เห็น
เงาร่างของตนชั่ววูบ ทว่าไม่อาจจด จำได้ถ้าหากการปฏิบัติในแนวทาง
มหาบริบูรณ์อันมี
เทรคชอด และ
ทอดกัล นั้นหนักแน่นเข้มแข็ง เราย่อมพบ
ความหลุดพ้นในลำดับที่สองแห่ง ซอน ยิดบาร์โด หาไม่โอกาสแห่งการหลุดพ้นย่อมหลุดลอยไป และการแบ่ง แยกในดวงจิตก็จะบังเกิดขึ้นอีกครั้ง เกิดการรับรู้ว่ามีเรามีเขาขึ้นมา อัน เป็นกระบวนการสามัญของความจริงในสังสารวัฏ เราย่อมเข้าสู่
ซิดปะ บาร์โด หรือบาร์โดแห่งจุติกาล เป็น
ช่วงผ่านสี่สิบเก้าวันเพื่อไปจุติใหม่ ใน ช่วงเวลาดังกล่าว ดวงวิญญาณของเราเมื่อปราศจากร่างให้ครองย่อมซัด ส่ายไปมา เต็มไปด้วยภาพและเสียงอันน่าหวาดหวั่น ความคิดใด ๆ ที่อุบัติ ขึ้นย่อมพัดพาเราไปสู่สิ่งนั้น ถ้าหากว่าในยามมีชีวิตเราคุ้นเคยกับการสวด มนต์ในเวลาที่สิ่งต่าง ๆ ดูสิ้นหวัง เราย่อมระลึกได้และลงมือสวดมนต์ ชั่ว ขณะที่เราคิดถึงไตรสรณาคมน์ เราย่อมถือกำเนิดขึ้นในดินแดนสุขาวดีของ เหล่าอริยสัตว์ นี่คือ นิรมาณกายวิมุติ พ้นไปจากนี้ ดวงจิตจะเคลื่อนไปสู่ห้วงฝันถัดไป ไปถือกำเนิดขึ้นในภพใด ภพหนึ่งใภพทั้งหก สูญเสียโอกาสที่จะตื่นขึ้นโดยสิ้นเชิงที่จะพบจุติกาลใน โลกุตระ มีวิธีการอย่างหนึ่งซึ่งเรียกว่า
โพวา จะนำมาใช้ในช่วงมรณกาลเพื่อชักนำ วิญญาณไปสู่สุขาวดี ดินแดนสุขาวดีนี้ต่างจากเทวภูมิตรงที่มันเป็นการสำ แดงออกของธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของเรา เป็นภูมิแห่งปีติไม่มีสิ้นสุดเหนือ สังสารวัฏ
ผู้ที่ไปถือกำเนิดเกิดในดินแดนแห่งนี้ย่อมนิราศจากความทุกข์ และย่อมเข้าถึงการตรัสรู้เป็นแม่นมั่น ที่เรียกขานกันว่า สมาธิอันปราศจากการภาวนา ก็ด้วยเหตุที่มันค่อนข้าง ที่จะบรรลุถึง
โพวา นี้จะสอนกันอยู่อย่างแพร่หลายใน
สายธรรมวัชรยาน แม้แต่
สอนให้กับผู้เริ่มต้นปฏิบัติธรรม ด้วยเหตุที่มันเป็นเหมือนหลักประ กันเมื่อถึงมรณกาล หลังจากได้ฝึกฝนปฏิบัติไปเพียงสักเล็กน้อย ย่อมมี ลางแห่งความสำเร็จผลปรากฏให้เห็น เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าช่องทางเดินของ ปราณในกายละเอียดนั้นมิได้ติดขัดอีกต่อไป และ
ดวงวิญญาณของเราย่อม ผ่านขึ้นสู่กลางกระหม่อมและออกไปสู่ดินแดนสุขาวดีได้ในขณะสิ้นใจ ปฏิบัติดังนี้เหมือนสะพานซึ่งเชื่อมต่อสืบทอดสภาวธรรมจากชีวิตนี้ไปสู่ ชีวิตหน้า
มีผู้ปฏิบัติในสายวัชรยานบางคนไม่จำเป็นต้องอาศัยการปฏิบัติเพื่อส่งผ่าน วิญญาณ
ด้วยเหตุที่มีสมาธิภาวนาในขั้นเริ่มต้นและขั้นสมบูรณ์แก่กล้าพอใน ช่วงสลายกลายกลืนของขั้นเริ่มต้น เราจะสร้างนิมิตเป็นจักรวาลทั้งหมด รวมถึงปวงธาตุทั้งมวล ให้สลายลงสู่พีชมนต์แห่งองค์เทพ และให้มันสูญ สลายลงในความว่าง ครั้นแล้วเราก็พำนักอยู่ในธรรมชาติของจิต นี่คือขั้น สมบูรณ์
ท้ายที่สุดเราจึงหวนกลับไปสู่ความตระหนักรู้ถึงบรรดารูป เสียง ความคิด ว่าเป็นดุจดังสรีระ วจี และจิตของเทพ การปฏิบัติด้วยการคงการ กำหนดรู้ในวัชรกาย วัชรวาจา และวัชรจิตอย่างต่อเนื่องตลอดชั่วชีวิต ย่อม นำไปสู่การหลุดพ้นในบาร์โดถ้าหากคุณกำลังจะตาย ทว่าไม่คุ้นเคยกับการปฏิบัติในวัชรยานหรือไม่ มีความมั่นใจพอในการปฏิบัติธรรมของตน ขอให้เพ่งผู้ผู้ใดก็ตามซึ่งคุณมี ความศรัทธาเชื่อถือ ดังเช่นลามะของคุณถ้าหากคุณเป็นผู้ปฏิบัติธรรม ว่า อาจารย์ท่านนั้นหาได้ต่างจากองค์อมิตตาภพุทธไม่ พระองค์ห้องล้อมอยู่ ด้วยเหล่าสงฆ์สาวกในแดนสุขาวดี สถิตอยู่สูงศอกหนึ่งเหนือเศียรของคุณ ทุก ๆ วันตราบกระทั่งสิ้นชีวิต ให้สารภาพบาปทั้งมวลที่เคบก่อมาทั้งใน ชาตินี้และในอดีตชาติต่อเบื้องพระพักตร์ขององค์อมิตาพุทธ ขอให้อุทิศ ส่วนกุศลทั้งมวลเพื่อประโยชน์สุขของสรรพสัตว์ และสวดมนต์ขออย่า ได้ไปจุติในภพภูมิอื่นใดเมื่อถึงกาลมรณา ทว่าขอให้ตนและสัตว์ทั้งหลาย ได้ไปเกิดในเทวาเชนหรือสุขาวดีภพแห่งองค์อมิตาภพุทธ ให้ได้รับคำสอน โดยตรงจากพระองค์ ให้ได้มีโอกาสปฏิบัติและบรรลุถึงการตรัสรู้ เพื่อยัง ประโยชน์เกื้อกูลสรรพสัตว์ โดยทั่วไปแล้ว วิสุทธิภูมิภพย่อมเผยออกเมื่อ ความหมองมัวซึ่งเคลือบคลุมความบริสุทธิ์ดังเดิมของเราได้ถูกขจัดออก ไป ด้วยเหตุที่การรับรู้อันไม่บริสุทธิ์ย่อมเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงประสบ การณ์บริสุทธิ์ในวาระสุดท้ายของชีวิต ดังนั้นเราจึงเพ่งจิตจดจ่ออยู่ในองค์ อมิตาภอันเป็นหมายแห่งพระบริสุทธิ์คุณ และแม้ว่านิมิตภาวนาจะเป็นสิ่ง ที่ทำได้ยาก
ลำพังแค่การได้ยินพระนามและได้สวดมนต์อ้อนวอน แม้ว่า จะมีบาปหนาเพียงใดก็ตาม ก็ย่อมไปจุติในสวรค์สุขาวดีเป็นแม่นมั่นหากคุณมิใช่ผู้ปฏิบัติธรรมหรือไม่คุ้นเคยกับรูปลักษณ์ของพระอมิตาภพุทธ คุณก็อาจเพ่งจดจ่ออยู่ตรงความว่างเหนือกระหม่อม การทำดังนี้มีคุณอยู่สอง ประการ หนึ่งคือ การไปจดจ่ออยู่ตรงส่วนอื่น คุณก็อาจลืมความเจ็บปวดและ ความกลัว สองคือ
วิญญาณของคุณย่อมออกจากร่างผ่านทางช่องทางหนึ่ง ใดของทวารทั้งเก้า แต่ละช่องทางล้วนนำไปสู่การเกิดใหม่ในภพภูมิที่แตก ต่างกัน ห่างจากวงขวัญแปดนนิ้วตรงกลางกระหม่อม คือทวารที่ไปสู่การ เกิดใหม่ในแดนสุขาวดี แต่ก็ย่อมจะไม่ไปเกิดในอบายภูมิอย่างแน่นอนหากคุณกำลังจะช่วยคนใกล้ตาย ซึ่งมีความเชื่อต่างออกไป คุณอาจอธิบาย ถึงการเพ่งนิมิตดังว่าให้ฟัง แต่หากคุณมัวพูดถึงหลักปฏิบัติในทางพุทธขณะ ที่ความตายกำลังแผ่ปกคลุม นั่นกลับจะก่อให้เกิดความสับสนและยิ่งทำให้ ยุ่งยาก คุณพึงช่วยผู้นั้นโดยการบอกให้เขาเพ่งภาพสิ่งที่เขาศรัทธาอยู่เหนือ เศียร และสวดภาวนาขอให้ตนได้ไปอยู่ร่วมกับอริยบุคคลท่านนั้นในสรวง สวรรค์หรือในที่ใด ๆ ก็ตามที่เปรียบดังแดนสุขาวดี และในขณะที่สิ้นใจ
จง แตะตรงกระหม่อมของเขา นี่จะช่วยนำดวงวิญญาณให้ผ่านออกทางทวาร ซึ่งนำไปสู่สุขาวดี จงอย่าได้สัมผัสส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย เพราะนั่นจะชักนำ ดวงวิญญาณไปสู่ทวารอื่น ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การถือกำเนิดในภพภูมิเบื้องต่ำจะเป็นการดียิ่งที่จะขอให้ญาติมิตรและผู้ที่ผูกพันรักใคร่กับผู้ตายออกไป จากห้องก่อถึงมรณกาล ผู้คนเหล่านี้พึงกล่าวสิ่งที่อยากจะกล่าวและอำลา หากเป็นเช่นนั้นความผูกพันที่เขามีต่อกันจะโน้มน้าวให้หันเห และแทน ที่ผู้ตายจะจดจ่ออยู่กับสรณะของตน หรือเพ่งอยู่ตรงความว่างเหนือกระ หม่อม ก็อาจมาจดจ่ออยู่กับผู้คนที่ตนรักแทน
ถ้าหากก่อนตาย คนเหล่านั้นมิได้ปล่อยวางความผูกพันยึดมั่นกับผู้คนที่ ตนรักและข้าวของที่ตนหวงแหน ดวงจิตของเขาก็จะติดอยู่ในความยึดมั่น ถือมั่นเหล่านั้นหลังจากตายไปแล้ว และจะกลายเป็นสิ่งที่เราเรียกว่าภูติผี วิญญาณของเขาจะตกค้างอยู่ในโลกมนุษย์ และอาจรับรู้ได้โดยผู้คนที่อยู่ เบื้องหลัง และถึงแม้เขาจะมิได้มีเจตนาที่จะทำร้ายผู้ใด แต่ก็อาจก่อให้เกิด ความเดือดร้อนหรือเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นได้
การเพ่งแสงสว่าง เพ่งกระแสจิต ในพระอมิตาภพุทธ หรือสรณะอื่น ๆ เหนือเศียรเกล้า จะช่วยชักนำความ จดจ่อออกห่างความยึดมั่นถือมั่นไม่ว่าคุณจะมีอายุมากหรือน้อย ทว่าก็จำเป็นยิ่งที่จะต้องเขียนพินัยกรรม ไว้ เพราะถ้าหากคุณเกิดสิ้นชีวิตลงโดยปราศจากพินัยกรรม คุณก็อาจ ยึดติดอยู่ทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การกลับมาเกิดเป็นเปรต คุณ จะพลาดจากบุญของสละละ ในความตายนั้นแม้คุณจะมิได้ก่อกุศลกรรม ใด ๆ แต่ก็มิได้ประกอบกุศลกรรมเช่นกัน
การมอบทรัพย์สมบัติให้แก่ผู้ อื่นเท่ากับเป็นการให้ทานซึ่งก่อให้เกิดบุญกุศลนอกจากจะช่วยเกื้อกูลครอบครัวลูกหลานแล้ว คุณยังมอบบางสิ่งให้แก่ ผู้ทุกข์ยากเจ็บป่วย หรือแด่ผู้ปฏิบัติธรรม ในพุทธศาสนามีประเพณีอย่าง หนึ่งซึ่งอาจมีอยู่ในศาสนาอื่นเช่นกัน นั่นคือกรทำบุญให้วัดในนามของ คนเจ็บหรือผู้ล่วงลับ ในช่วงประกอบพิธีกรรม พระจะสวดให้แก่บรรดา ผู้คนซึ่งมีส่วนช่วยอุปถัมภ์ค้ำจุนอาราม ไม่ว่าจะด้วยแรงศรัทธา ด้วยการ ภาวนา ด้วยแรงกาย ด้วยการสละทรัพย์หรือวัตถุสิ่งของ บุญกุศลเหล่านี้ จะอุทิศให้แก่สรรพสัตว์ ก่อเกิดผลบุญอันไพศาลสืบทอดไปในอนาคต กาล ถ้าหากคุณได้บริจาคให้วัดไว้ในพินัยกรรม
ก่อนจะสิ้นใจพึงอุทิศ กุศลแห่งทานนั้นรวมทั้งผลของมันให้แก่สรรพสัตว์ทั้งมวลถ้าหากคุณไม่ได้เขียนพินัยกรรมไว้ และแม้ว่าจะไม่อาจพูดหรือเขียนสิ่ง ใดได้ ก็ขอให้ตั้งจิตอธิษฐาน
" ข้าพเจ้าขอมอบทุกสิ่งที่ได้สั่งสมมานี้แด่ ชนทุกผู้ซึ่งจำเป็นหรือขาดแคลน เพื่อประโยชน์สุขของสัตว์ทั้งปวง " ทานแห่งการอธิษฐานนี้เช่นกัน ย่อมก่อให้เกิดบุญกุศล
จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องเริ่มเตรียมรับความตายเสียแต่บัดนี้ไม่ว่าคุณจะเยาว์ วัยหรือชรา ไม่ว่าจะแข็งแรงหรือป่วยไข้ โดยเริ่มจากการพิจารณาความไม่เที่ยง ทุก ๆ คืนเมื่อคุณเข้านอน จงจดจำไว้ว่าวันนี้อาจเป็นวันสุดท้าย คุณอาจไม่ได้ ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ครั้นแล้วให้ทบทวนพิจารณาดูชีวิตแะคิดถึงจุดมุ่งหมาย ของมัน พินิจดูความจริงที่ว่าความตายคือการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ให้
เพ่งนิมิตพระอมิตาภพุทธหรือองค์อริยสัตว์คุณศรัทธา ย้อนนึกถึงอกุศลกรรม ทั้งมวลที่ได้ก่อไว้และชำระล้างบาปกรรมเหล่านั้นด้วยการอาราธนาพลังทั้งสี่ คือ
พลังแห่งการเกื้อหนุน พลังแห่งการสำนึกผิด พลังแห่งการอธิษฐาน และ พร ทั้งให้หวนรำลึกถึง
การปฏิบัติธรรมที่ผ่านมาและกุศลแห่งการช่วยเหลือ เกื้อกูล ให้อุทิศกุศลผลบุญนี้แด่สรรพสัตว์ ถ้าหากคุณยังมิได้มอบหมายทรัพย์ สมบัติฝ่ายโลกให้แก่ผู้ใด
พึงน้อมใจมอบให้แด่ผู้ที่ขาดแคลน อย่าได้ยึดติดกับ สิ่งใด ครั้นแล้วพึงอุทิศกุศลแห่งทานนี้แด่สรรพสัตว์ด้วยจิตมุ่งหวังให้ทุกข์ แห่งสัวสารวัฏนี้สิ้นสุดลงเพื่อว่าทุกชีวิตจักตื่นขึ้นต่อธรรมชาติที่แท้ของตน จงสวดมนต์ขอให้ตัวคุณและผู้อื่นได้ไปถือกำเนิดใหม่ในแดนสุขาวดี โดยไม่ ถูกคั่นขวางด้วยภพภูมิอื่น หรือถ้าคุณมิใช่ชาวพุทธ ก็พีงสวดภาวนาขอให้ ตัวเองและสัตว์ทั้งมวลได้บรรลุถึงภาวะใด ๆ ก็ตามที่คุณเชื่อว่าอยู่เหนือทุกข์ แห่งโลกนี้ หลังจากได้สิ้นชีวิตไปแล้ว
ครั้นแล้วให้จินตนาการถึงความตายของตน ลองนึกภาพอุบัติเหตุทางรถ ยนต์หัวใจวายหรือป่วยเป็นมะเร็ง ลองนึกดูว่าจะเป็นอย่างไรหากต้องอยู่ ในรถพยาบาล ได้ยินหมอพูดว่า " ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้แล้วในตอน นี้ " ความรู้สึกหวาดกลัวและหดหู่สิ้นหวังจะกลืนกลบท่วมท้น คุณจะรู้สึก ผูกพันยึดมั่นอยู่กับครอบครัว รู้สึกได้ถึงความไร้สาระของชีวิต รู้สึกถึง ทุกข์แห่งความตายที่จะมาถึง จงกล่าวกับตนเองว่า
" ฉันกำลังจะตาย การ ยึดติดกับครอบครัวหรือเงินทองย่อมไม่อาจช่วยยืดเวลาออกไปได้แม้แต่ วินาทีเดียว ทุกผู้คนล้วนต้องตาย ตั้งแต่ศาสดาผู้ยิ่งใหญ่และผู้ทรงอำนาจ จนถึงแมลงตัวเล็กที่สุดล้วนเกิดมาแล้วก็จากไป ความตายเป็นเพียงความ ผันแปร ดุจดังห้วงแห่งความฝันที่เรียกว่าชีวิตนี้ ฉันได้ผ่านพบสิ่งเหล่านี้ มาก่อนแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ทว่าบัดนี้อย่างน้อยที่สุดฉันมีอุบายที่จะจัดการ กับมัน ผู้คนส่วนใหญ่มิได้มีโชคถึงเพียงนี้ " การเพ่งพิจารณาอย่างนี้อยู่ บ่อย ๆ จะช่วยให้เกิดแรงบันดาลใจและความปีติเบิกบานอย่างใหญ่หลวงก่อนเข้านอน ให้เพ่งภาพนิมิตของเทพที่คุณศรัทธาอยู่เหนือเศียรเกล้า สวดมนต์ขอให้ตัวคุณและสรรพสัตว์อื่น ๆ ได้เข้าถึงภูมิสุขาวดีหลัง จากสิ้นชีวิตไปแล้ว ด้วยอำาจแห่งบุญบารมีและพรแห่งไตรสรณคมน์ ครั้นแล้วจงสร้างนิมิตให้ดวงวิญญาณเคลื่อนออกผ่านทางกระหม่อม เข้าผนึกผสานกับหทัยธาตุของอริยสัตว์ในหรือเหนือความว่างพื้นฐานการเตรียมตนดังกล่าวไม่เพียงแต่จะช่วยลดทอนความกลัวและความ เจ็บ ปวดทุรนทุราย ทว่ายังช่วยเพิ่มพูนพลังสมาธิในช่วงมรณกาลอีกด้วย มันยัง ช่วยเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับโอกาสอันล้ำค่าของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ทั้งยังเสริมปณิธานที่จะใช้เวลาที่หลงเหลืออยู่เพื่อประโยชน์สุขอันยิ่งทั้ง ของตนเองและผู้อื่น คุณอาจจบ
มรณานุสติยามค่ำคืนลงด้วยการสวดมนต์ ว่า
" ถ้าหากฉันยังมิได้ตกตายไปในค่ำคืนนี้ หากยังมีลมหายใจอยู่ในวันพรุ่ง ฉันขอปวารณาที่จะใช้กาย วาจา ใจ อย่างเต็มเปี่ยมเพิ่อปฏิบัติธรรมและยัง ประโยชน์แก่สรรพสัตว์ " แม้ว่าครึ่งหนึ่งหรือสามในสี่ของชีวิตคุณได้ผ่าน พ้นไปแล้ว และคุณยังมิได้ตั้งจิตปณิธานมั่น ทว่าก็ยังอาจทำได้ในบัดนี้
มีคนเป็นอันมากคิดว่าถ้าตนเตรียมตัวไว้สำหรับเผชิญความตายก็เท่ากับ เป็นการเชื้อเชิญมันให้มาเร็วยิ่งขึ้น แต่โดยความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าคน ยากจนฝันถึงความมั่งคั่ง และแม้คนอดอยากหิวโหยจะฝันถึงอาหารอัน อุดม แต่นั่นก็ไม่อาจทำให้รวยหรืออิ่มขึ้นมาได้ และแม้ว่าเราจะอยากมี ชีวิตอยู่ยืนยาว แต่ก็อาจตายไปเมื่อยังเยาว์ ดังนั้นการเพ่งพิจารณาความ ตายจึงมิใช่การเร่งรัดให้มันมาถึงก่อนกาลอันควร
ตลอดวันทั้งวัน พึงกำหนดจิตว่าความตายมิได้อยู่ห่างไกลเลย เพียงแค่ ก้อนเลือดเล็ก ๆ อุดตันอยู่ในสมอง หรือแค่มีรถแล่นฝ่าไฟแดงมา แม้ว่า การพิจารณาดังนี้จะทำให้รู้สึกไม่สบายใจ
แต่ยิ่งคุณกระทำมรณานุสติ มากเพียงใด ก็จะยิ่งช่วยทำให้คลายความหวาดหวั่นพรั่นพรึงลงเพียงนั้นในช่วงมรณกาล จิตของเราจะหวนกลับไปเยือนที่ต่าง ๆ ที่เคยไป หาก ว่าในยามมีชีวิตทุกที่ทางที่เคยไป
คุณอาจเคยปฏิบัติคุรุโยคะ เพ่งนิมิต หรือสวดมนต์ต่อสรณะอื่น ๆ ขอให้ตนและสรรพสัตว์ได้ไปถือกำเนิด ในสุขาวดีสถาน ดังนั้นเองจิตของคุณจะหวนคืนไปสู่ที่เหล่านั้นเมื่อสิ้น ชีวิต ความทรงจำถึงการสวดภาวนาจะชักนำให้คุณสวดมนต์อีกครั้ง และ คุณจะอุบัติขึ้นทันทีทันใดในดินแดนสุขาวดีไม่ว่าจะไปที่ใดหรือทำสิ่งใด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พึงตักเตือนตนเอง ว่าเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงมายาสิ้น พึงปฏิบัติด้วยการกำหนดจิตดังนี้
" นี่ เป็นเพียงความฝัน หามีสิ่งใดจริงจังหรือแท้เที่ยงไม่ นี่เป็นบาร์โดเท่า นั้น " สวดมนต์ภาวนาต่อสิ่งที่คุณศรัทธา ขอให้ได้เข้าถึงความหลุดพ้น หากคุณเสริมสร้างนิสัยอย่างนี้ขึ้นมาอย่างมั่นคงก่อนถึงกาลมรณะ คุณ จะจดจำการภาวนาและการสวดมนต์เยี่ยงนี้ได้ในบาร์โดคุณอาจประเมินพลังแห่งสมาธิภาวนาว่าจะแรงกล้าเพียงใดในยามสิ้น ชีวิตด้วยการเฝ้าดูความฝัน ถ้าหากคุณดำรงในแสงสุกใสของดวงจิต โดยมิได้ตกอยู่ใต้ความฝันสามัญ ทว่าคงความตระหนักรู้ในธรรมชาติ แท้ของดวงจิตเอาไว้ได้ ย่อมถือได้ว่าการปฏิบัติของคุณบรรลุผลใหญ่ หลวง และความตายจะเป็นประตูไปสู่การหลุดพ้น และหากคุณกำ หนดได้ในความฝันว่าคุณกำลังอยู่ให้วงฝัน นั่นแสดงว่าในยามเข้าสู่ มรณกาล คุณย่อมสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ แต่หากคุณติดกับ อยู่ในความฝัน ถูกพัดพาไปในกระแส ดังเช่นรู้สึกโกรธศัตรูในฝันแทน ที่จะสามารถเมตตา อารมณ์เหล่านี้จะตัดสินความเป็นไปในสภาวะหลัง ความตาย ถ้าหากคุณยังมีความกังขาในพลังสมาธิของตน
บัดนี้เป็น เวลาดีที่สุดที่จะบ่มเพาะพลังทางจิตวิญญาณด้วยการปฏิบัติโดย
การตระเตรียมตลอดชีวิต ด้วยการเพ่งพิจารณามายาและอนิจจัง พิจารณาถึงธรรมชาติทั้งมวลว่าเป็นดุจความฝัน ด้วยอาศัยการสวดมนต์ ด้วยการปฏิบัติในขั้นต้นและขั้นสมบูรณ์ ด้วยการฝึกฝน โพวา และ มหาบริบูรณ์ ( ซอกเช็น ) ซึ่งคงการกำหนดรู้ไว้ในธรรมชาติของจิต คุณ อาจ
แปรเปลี่ยนความประหวั่นพรั่นพรึ่งในมรณะให้กลายเป็นโอกาส แห่งการปฏิบัติธรรมอันล้ำลึกและอิสรภาพอันสูงสุด * จาก ประตูสู่การภาวนา *-ธรรมเทศนาของ ท่านชักดุด ตุลกู หนึ่งในธรรมาจารย์ รุ่นสุดท้าย -
- แห่งวัชรนิกายของทิเบต-