ผู้เขียน หัวข้อ: บทปลงสังขาร  (อ่าน 8055 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
บทปลงสังขาร
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2011, 07:21:08 pm »




บทปลงสังขาร
       
สังขารร่างกายต้องตายเป็นผี        อยู่ในโลกนี้ไม่มีแก่นสาร
ทรัพย์สินเงินทองเป็นของสาธารณ์   ไม่ใช่ของท่านลูกหลานต้องลา

อย่ามัวประมาทโอกาสยังมี         อย่าหลงโลกีย์จะมีปัญหา
โลกนี้แท้จริงเป็นสิ่งมายา          เป็นสิ่งลวงตาใช่ว่าจีรัง

สังขารร่างกายอยู่ไม่กี่ปี           ก็ตายเป็นผีไม่มีความหวัง
เกิดแก่เจ็บตายร่างกายผุพัง        ทุกวันเดินทางสู่ยังกองฟอน

จะห้ามไม่ฟังจะรั้งไม่หยุด          เป็นสิ่งสมมุติตามพุทธะสอน
อำนาจใดๆอย่าไปวิงวอน          ให้ช่วยเราตอนที่วันสิ้นใจ


สังขารเรานี้เป็นสิ่งที่สังเวช        มันเป็นสาเหตุสังเกตเอาไว้
เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวปวดร้าวอาลัย    หิวอิ่มเกินไปก็อยู่ไม่นาน

หนาวก็จะตายร้อนไปก็จะแย่       ลำบากแท้ๆนี่แลสังขาร
ต้องกินต้องถ่ายทนไปทุกวัน       ดูน่าสงสารคิดกันให้ดี

สังขารร่างกายทั่วไปเน่าเหม็น       มีของกากเดนมองเห็นทุกที
ไหลเข้าไหลออกย้อนยอกมากมี     ล้วนเป็นสิ่งที่มีอยู่ทั่วกัน



น้ำเลือดน้ำหนองล้วนของปฏิกูล    ไหลมาเป็นมูลพอกพูนหลายชั้น
ข้างนอกเน่าเหม็นมองเห็นทุกวัน   อีกข้างในนั้นล้วนขั้นไม่งาม

สังขารร่างกายไม่ใช่ตัวตน       เกิดมาเป็นคนไม่พ้นโดนหาม
ต้องนอนเปลือยกายให้ไฟลุกลาม   เมื่อเจ้าโดนหามสู่เชิงตะกอน

ผู้ดีเข็ญใจก็ตายเหมือนกัน       อย่าหลงสังขารปลงกันไว้ก่อน
ลูกหลานหญิงชายส่งได้แน่นอน   ก็แค่กองฟอนแล้วย้อนกลับมา

สังขารร่างกายล้วนตายเป็นศพ    ถูกแผ่นดินกลบอยู่ในป่าช้า
หมู่หนอนชอนไชตามไต่กายา     เป็นเหยื่อนกกาหมูหมาในดง

กระดูกเกลื่อนกลาดเรี่ยราดทั่วไป   เอ็นเล็กเอ็นใหญ่ไร้จุดประสงค์
ต้องถูกทอดทิ้งนอนกลิ้งในดง    เป็นป่ารกพงเฝ้าดงกันดาร

กระทำให้แจ้งเจาะแทงตลอด     ให้จิตนี้ปลอดหลุดรอดสังขาร
หยุดความกระหายมุ่งไปนิพพาน    ไม่หลงสังขารทั่วกันด้วยเถิด

จะได้หยุดเกิดมันไม่ประเสริฐ       ตราบใดยังเกิดอยู่ในสงสาร
รีบภาวนาเพื่อละอัตตา          ข้ามพ้นมายาทั่วหน้ากันเทอญฯ




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 07, 2012, 12:36:12 am โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: บทปลงสังขาร
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2011, 07:30:33 pm »




เพลงบทปลงสังขาร (ฉบับโบราณ)
มนุษย์เราเอ๋ย เกิดมาทำไม นิพานมีสุข
อยู่ไยมิไป ตัณหาหน่วงหนัก หน่วงชักหน่วงไว้
ฉันไปมิได้ ตัณหาผูกพัน ห่วงนั้นพันผูก
ห่วงลูกห่วงหลาน ห่วงทรัพย์สินศฤงคาร จงสละเสียเถิด

จะได้ไปนิพพาน ข้ามพ้นภพสาม ยามหนุ่มสาวน้อย
หน้าตาแช่มช้อย งามแล้วทุกประการ แก่เฒ่าหนังยาน
แต่ล้วนเครื่องเหม็น เอ็นใหญ่เข้าร้อย เอ็นน้อยเข้าพัน
มันมาทำเข็ญใจ ให้ร้อนให้เย็น เมื่อยขบทั้งตัว

ขนคิ้วก็ขาว นัยน์ตาก็มัว เส้นผมบนหัว
ดำแล้วกลับหงอก หน้าตาเว้าวอก ดูหน้าบัดสี
จะลุกก็โอย จะนั่งก็โอย เหมือนดอกไม้โรย
ไม่มีเกสร จะเข้าที่นอน พึงสอนภาวนา



พระอนิจจัง พระอนัตตา เราท่านเกิดมา
รังแต่จะตาย ผู้ดีเข็ญใจ ก็ตายเหมือนกัน
เงินทองทั้งนั้น มิติดตัวเรา ตายไปเป็นผี
ลูกเมียผัวรัก เขาชักหน้าหนี เขาเหม็นซากผี

เปื่อยเน่าพุพอง หมู่ญาติพี่น้อง เขาหามเอาไป
เขาวางลงไว้ เขานั่งร้องไห้ แล้วกลับคืนมา
อยู่แต่ผู้เดียว ป่าไม้ชายเขียว เหลียวไม่เห็นใคร
เห็นแต่ฝูงแร้ง เห็นแต่ฝูงกา เห็นแต่ฝูงหมา

ยื้อแย่งกันกิน ดูน่าสมเพช กระดูกกูเอ๋ย
เรี่ยรายแผ่นดิน แร้งกาหมากิน เอาเป็นอาหาร
เที่ยงคืนสงัด ตื่นขึ้นมินาน ไม่เห็นลูกหลาน
พี่น้องเผ่าพันธุ์ เห็นแต่นกเค้า จับเจ้าเรียงกัน

เห็นแต่นกแสก ร้องแรกแหกขวัญ เห็นแต่ฝูงผี
ร้องไห้หากัน มนุษย์เราเอ๋ย อย่าหลงกันเลย
ไม่มีแก่นสาร อุตส่าห์ทำบุญ ค้ำจุนเอาไว้
จะได้ไปสวรรค์ จะได้ทันพระเจ้า จะได้เข้าพระนิพพาน


อะหัง วันทามิ สัพพะโส อะหัง วันทามิ นิพพานะปัจจะโย โหตุฯ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 07, 2012, 03:43:52 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: บทปลงสังขาร
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2011, 07:37:37 pm »



รำพึงตน

ยามเมื่อ ชราร่าง อ้างว้างจิต
คนึงนิจ ใฝ่หา ที่อาศัย
พอเป็นที่ พักผ่อน หย่อนกายใจ
หลังจากได้ ตรำงาน มานานปี

ที่พักกาย หาได้ ไม่ยากนัก
แต่ที่พักใจ สิลำบาก แม้อยากหนี
กิเลสล้น พ้นท่วม ทับทวี
อยากจะคลี่ คลายปลด ลดจำนวน

จะเข้าวัด ลัดทาง สงบสุข
แต่ตัวทุกข์ ตามหรือไม่ ใคร่สอบสวน
พบมนุษย์ ก็ต้องพบ สิ่งรบกวน
มีมากมวล โลภโมห์ โทโสร้าย

สู้สำรวม กายใจ ใฝ่ธรรมะ
หมั่นชำระ จิตสะอาด สมมาดหมาย
เลิกหลงโลก โศกรัก จักสบาย
เหตุทั้งหลายแหล่ แท้ เกิดแต่ใจ




ใดใดในโลก ล้วน อนิจจัง
คงแต่บาปบุญ ยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัว ตรัง ตรึงแน่น
ตามแต่บาปบุญ แล ก่อเกื้อรักษา

ชีวิตเรา จะเอา อะไรแน่
ย่อมแปรผัน เปลี่ยนจิต และนิสัย
ชั่วอาจดี มีอาจจน วนเวียนไป
เอาอะไร ได้แน่ แก่ตัวตน




บุญกุศลเร่งสร้างกันได้
วาสนาเร่งสร้างกันไม่ได้
เราทำความถูกต้องดีที่สุดแล้วหรือยัง
มีธรรมะวันละนิดชีวิตจะเป็นสุข






อ้างอิงจาก : หนังสือธรรมะ

http://www.baanjomyut.com/10000sword/resigned_to_death/index.html
Pics by : Google
ใต้ร่มธรรมดอทเน็ต * อกาลิโกโฮม
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ


f/bสมหัตถ์ เป็นปรัชญ์
2 สิงหาคม เวลา 8:59 น. ·
ครั้งหนึ่ง เมื่อฉันยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนในมหานคร ฉันรำพึงว่า

ชีวิตจิตใจไม่รู้แล้ว
ไม่รู้แนวไม่รู้ทางจะย่างเดิน
มันมืดมนจนใจเสียเหลือเกิน
จะดำเนินชีวิตไปอย่างไร

อย่างไรอะไรไม่รู้จบ
โลกมีมหรสพแบบไหน
ใครแสดงใครกำกับใครกับใคร
สู่จุดหมายแห่งใดอะไรกัน

อะไรกันฉันฝันว่าคนบ้าสอน
โลกคือโรงละครคือความฝัน
ไม่จริงแท้แน่นอนสักสิ่งอัน
ก็เพราะมันผันแปรและเปลี่ยนไป

ครั้งนี้ ฉันนอนอาบแดดอุ่น ค้นคิดว่า
เล่นละคร กับวัน กับปัญหา
กับเวลา กับรู้ กับอยู่อย่าง
รู้สมมติ วิมุติ์ หลุดทุกทาง
ก็กระจ่าง แจ้งใจ ในนิพพาน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 05, 2016, 01:59:22 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: บทปลงสังขาร
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2011, 07:44:02 pm »




เกษาผมหงอก

เกศาผมหงอก  บอกว่าตัวเฒ่า  ฟันฟางผมเผ้า
แก่แล้วทุกประการ  ตามืดหูหนัก  ร้ายนักสาธารณ์
บ่มิเป็นแก่นสาร  ใช่ตัวตนของเรา  แผ่พื้นเปื่อยเน่า
เครื่องประดับกายเรา  โสโครกทั้งตัว  แข้งขามือสั่น

เส้นสายพันพัว  เห็นน่าเกลียดกลัว  อยู่ในตัวของเรา
ให้มึนให้เมื่อย  ให้เจ็บให้เหนื่อย  ไปทั่วขุมขน
แก่แล้วโรคา  เข้ามาหาตน  ได้ความทุกข์ทน
โศกาอาวรณ์  จะนั่งก็โอย  จะลุกก็โอย

เหมือนดอกไม้โรย  ไม่มีเกสร  แก่แล้วโรคา
เข้ามาวิงวอน  ได้ความทุกข์ร้อน  ทั่วกายอินทรีย์
ครั้นสิ้นลมปาก  กลับกลายหายจาก  เรียกกันว่าผี
ลูกผัวเมียรัก  เขาชักหน้าหนี  เขาว่าซากผี

เปื่อยเน่าพุพอง  เขาเสียไม่ได้  เขาไปเยี่ยมมอง
เขาไม่แตะต้อง  ร่างกายเราหนา  เขาผูกคอรัด
มือเท้าเขามัด  รัดรึงตรึงตรา  เขาหามเอาไป
ทิ้งไว้ป่าช้า  เขากลับคืนมา  สู่เหย้าเรือนพลัน

ตนอยู่เอกา  ขาดคนคบหา  ดังเช่นทุกวัน
ทรัพย์สินของตน  เขาแบ่งปันกัน  ข้าวของทั้งนั้น
ไม่ใช่ของเรา  เมื่อมีชีวิต  ครอบครองยึดติด
เดี๋ยวนี้เป็นของเขา  แต่เงินใส่ปา  ก็ไม่ติดตามเรา

ไปแต่ตัวเปล่า  เน่าทั่วร่างกาย  อยู่ในป่ารก
ได้ยินเสียงนก  กึกก้องดงยาง  ได้ยินหมาไน
ร้องไห้ครวญคราง  จิตใจอ้างว้าง  วิเวกวังเวง
ยังมีชีวิต  มีมิตรมากมาย  รอบกายของตน

เมื่อยามเป็นคน  เป็นอย่างนี้เอง  มีมิตรครื้นเครง
รอบกายของตัว  ตายไปเป็นผี  เขาไม่ใยดี
ทิ้งไว้น่ากลัว  ยิ่งคิดยิ่งพรั่น  กายสั่นระรัว
รำพึงถึงตัว  อยู่ในป่าช้า  ลูกหลานสินทรัพย์

ยิ่งแลยิ่งลับ  ไม่เห็นตามมา  เห็นแต่ศีลทาน
เมตตาภาวนา  ตามเลี้ยงรักษา  อุ่นกายอุ่นใจ
ศีลทานมาช่วย  ได้เป็นเพื่อนม้วย  เมื่อตนตายไป
ตบแต่งสมบัติ  นพรัตน์อำไพ  เลิศล้ำผ่องใส

เพราะทำความดี  ศีลพาไปเกิด  ได้วิมานเลิศ
ประเสริฐโฉมศรี  นางฟ้าแห่ล้อม  ด้วยคุณความดี
ขับกล่อมดีดสี  มีสุขครื้นเครง  เพราะเหตุอย่างนี้
ควรมีศีลทาน  เพื่อเป็นสะพาน  ข้ามพ้นทุกข์เข็ญ



พ้นกรรมพ้นเวร  พ้นมารพ้นภัย  สั่งสมความดี
ให้มากหลากหลาย  เพื่อตนจะได้  มรรคผลนิพพาน
คุณพระทศพล  ให้ฝึกฝนกรรมฐาน  ละห่วงลูกหลาน
สามีภรรยา  ทั้งทรัพย์สมบัติ  เรือกสวนไร่นา

สิ่งนี้นำพา  เกิดแก่เจ็บตาย  เร่งบำเพ็ญเถิด
ประเสริฐมากมาย  สุขใจสุขกาย  ตามพระพุทธองค์
พระองค์ทรงชี้  ตถาคตมี  สมบัติสูงส่ง
ในรั้วในวัง  ในศากยวงศ์  สมบัติสูงส่ง

ละไม่ไยดี  เพราะเป็นเหตุทุกข์  ผูกพันมากมี
สุขไม่กี่ปี ต้องพรากจากไป  ตายแล้วเกิดอีก
ไม่มีทางหลีก  เพราะอนุสัย  กิเลสเหตุพา
เกิดแก่เจ็บตาย  ไม่วางไม่วาย  ไม่สิ้นเสียที

สิ่งนี้เป็นเหตุ  พระองค์ทรงเทศน์  กิเลสร้ายหนี
ละบ่วงโลกีย์  มุ่งสู่นิพพาน  นิพพานเป็นสุข
ทุกข์ไม่เผาผลาญ  พ้นจากบ่วงมาร  พ้นบ่วงอบาย.

นิพพานนัง สัมปัจจะโยโหตุ

คัดลอกมาจาก หนังสือสวดมนต์-ไหว้พระ-สาธยายธรรม
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=28&t=20838


   


    อันความตาย    ชายนารี     หนีไม่พ้น
    จะมีจน    ก็ต้องวาย    ตายเป็นผี
    ถึงแสนรัก     ก็ต้องร้าง    ห่างทันที
    ไม่วันนี้     ก็วันหน้า    จริงหนาเรา

    อันยศลาภ    หายไป    ไม่ได้แน่
    เว้นเสียแต่     ต้นทุน     บุญกุศล
    ทิ้งสมบัติ    ทั้งหลาย    ให้ปวงชน
    แม้ร่างตน     เขาก็เอา     ไปเผาไฟ

   

    อย่าแบ่งชั้นวรรณะเลยมนุษย์     ต่างจุดสุดท้ายกลายเป็นผี
    หลุมฝังศพกลบสิ้นซากอินทรีย์    ไพร่ผู้ดีมีหรือจนไม่พ้นตาย


   

โครงกระดูกนี้คือกายเรา ฉาบทาด้วยเลือดเนื้อ
เมื่อแยกเป็นส่วนๆ ไม่เหลือมนุษย์
ไม่เหลือ ตัวเรา แดนเกิดของ สุข - ทุกข์
ว่างเปล่า.. รอวัน.. แตกดับ...


   

-http://www.larnbuddhism.com/asupa/asupa4.htm
    Pics by : Google
อกาลิโกโฮม * สุขใจดอทคอม
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 12, 2013, 01:20:58 pm โดย ฐิตา »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: บทปลงสังขาร
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กันยายน 23, 2013, 10:03:51 pm »



“ความชรา มีซ่อนอยู่ในความหนุ่มสาว,
ความเจ็บไข้ มีซ่อนอยู่ในความไม่มีโรค,
ความตาย มีซ่อนอยู่ในชีวิต”
มหาวาร. สํ. ๑๙/๒๘๗/๙๖๔.




เมื่อกำเนิด….เกิดมา..….คราก็แก่
เป็นจริงแท้…แน่นอน..…ไม่จรหนี
สิ่งที่เกิด...…กับความแก่.…คือชั่วดี
คุณความดี…สะสมเถิด…เกิดแก่ตัว




พระท่านว่า...สังขาร.......นั้นไม่เที่ยง
ทั้งรูปรส......กลิ่นเสียง....เพียงเสาะหา
เมื่อมีใหม่....ของเก่าลด...หมดราคา
อย่าเริงร่า.....อวดมี........ดีไม่นาน




สิ่งที่กำหนดไม่ได้ 5 อย่าง
1.อายุ ไม่รู้ว่าอายุเราจะยืนยาวเท่าไร
2.พยาธิ ไม่รู้ว่าจะเจ็บป่วยเมื่อไร
3.กาลมรณ ไม่รู้ว่าจะตายเวลาไหน
4.ฐานมรณ ไม่รู้ว่าจะตายที่ไหน
5.คติ ตายแล้วไปที่ไหนก็ไม่รู้

อนิจจัง......สังขาร........มันไม่เที่ยง
เกิดเท่าไร..ตายเกลี้ยง..ไม่เหลือหลอ
ถึงแม้ว่า....มีเงิน.........เพลินพนอ
มิอาจต่อ...ติดปีก........หลีกความตาย




แม้นมีเงินทอง กองล้น พ้นภูเขา
จะซื้อเอา ชีวาไว้ ก็ไร้ผล
เมื่อความตาย มีหมายทั่ว ทุกตัวคน
ติดสินบน เท่าไหร่ ชีพไม่คืน

ยามเจ้าเกิด มีสิ่งใด ติดกายบ้าง
เห็นแต่ร่าง เปลือยเปล่า ไม่เอาไหน
สร้างสมบัติ พัสถาน บานตะไท
ถึงคราวไป ก็ไปเปล่า เหมือนเจ้ามา




ดินจะกลบ....ลบกาย...วายสังขาร
ไฟจะผลาญ..เผาซาก..สิ้นสาบสูญ
แต่ความดี...จะคงอยู่...คู่ค้ำคูณ
เป็นใบบุญ...แทนซาก..ที่จากไป




คนกินสัตว์ ....สัตว์กินพืช.... ยืดชีวิต
พืชก็มี ....สิทธิ์กินดิน.... สิ้นสงสัย
สัจธรรม....ในโลกเปลี่ยน ....หมุนเวียนไป
ผลสุดท้าย ....พืชและดิน.... ก็กินคน...
— กับ แสงดาว แห่งศรัทธา





หายใจเข้า หายใจออก คือบอกให้
คืบคลานใกล้ ในความตาย สลายร่าง
จากเปลแกว่ง ถึงหลุมศพ ที่จบวาง
ไม่มีทาง จะหลีกพ้น หนอคนเรา

พระท่านว่า อนิจจา ความไม่เที่ยง
เขาเอนเอียง ลงสู่ฝั่ง หลั่งไหลเข้า
เพราะความทุกข์ เบญจขันธ์ ไม่บรรเทา
อนัตตา เป็นของเขา ครองเจ้าเรือน
ระหว่างทาง เดินทางกลับ ก่อนดับร่าง

ใครจะวาง แลชั่วดี ที่คอยเฉือน
ด้วยลีลา ชีวิต คอยติดเตือน
สิ่งเป็นเพื่อน บาปกับบุญ เป็นทุนรอน
จงฝึกสอน จิตเจ้าของ รู้ซึ้งเอย...

สำนักสงฆ์พุทธธรรม มหาศิลาราชพุทธชยันตี
****************

อะธุวัง ชีวิตัง........ชีวิต เป็นของไม่ยั่งยืน,
ธุวัง มะระณัง........ความตาย เป็นของยั่งยืน

ชีวิตัง เม อะนิยะตัง.....ชีวิตของเรา เป็นของไม่เที่ยง,
มะระณัง เม นิยะตัง.....ความตายของเรา เป็นของเที่ยง


Jeng Dhammajaree
ได้แชร์ รูปภาพ ของ F/B วัดป่ามหาชัย นครพนม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 04, 2014, 08:41:50 pm โดย ฐิตา »