ผู้เขียน หัวข้อ: ธัมมธโรวาท ของ ท่านพ่อลี  (อ่าน 2630 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
ธัมมธโรวาท ของ ท่านพ่อลี
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2011, 02:01:45 pm »



ธัมมธโรวาท
ธัมมธโรวาท ของ ท่านพ่อลี ธมมฺโร
วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ

โลกมนุษย์มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย
โลกของเทวดานั้นมีเกิดกับตาย ไม่มีแก่ ไม่มีเจ็บ

โลกนิพพาน ไม่มีทั้งเกิด ไม่มีทั้งตาย...

กาย เป็นของสูญ เปื่อยเน่า จิต เป็นของไม่สูญ ไม่ตาย
จิตที่ดับจากกาย ย่อมหายไป เหมือนกับไฟที่ดับจากเทียน
ไม่มีรูปร่างลักษณะ

ให้ตาเนื้อของเราแลเห็น แต่ไฟนั้นก็มิได้สูญหายไปจากโลก


ธัมมธโรวาท
ใน หนังสือ ธรรมโอวาท ๙ หลวงปู่อริยสงฆ์

โดย ธรรมสภา
ชมรมนักเรียนเก่าแอล เอส อี 2535




http://www.oknation.net/blog/kanokrat/2008/10/31/entry-2
Pics by : Google
สุขใจดอทคอม * อกาลิโกโฮม
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ


ออฟไลน์ lek

  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • ****
  • กระทู้: 1724
  • พลังกัลยาณมิตร 687
    • ดูรายละเอียด
Re: ธัมมธโรวาท ของ ท่านพ่อลี
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 11, 2011, 06:50:10 am »
โ ล ก กั บ ก ร ร ม ฐ า น
พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)
วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ

ขณะใดที่เราวิ่งไปตามโลก
เราจะมองไม่เห็นโลกได้ถนัดนั้น
เราจำเป็นต้องหยุดวิ่งเสียก่อน
แล้วเราจึงจะมองเห็นโลกได้ชัดเจน
เมื่อโลกหมุนและเราก็หมุนด้วยอย่างนี้
จะมองเห็นกันอย่างไร

เปรียบเหมือนคนวิ่งกับคนวิ่ง
ย่อมยากที่จะมองเห็นหน้ากันได้
เราไม่หยุดวิ่ง แต่เขาวิ่ง ก็ยังพอมองเห็นกันบ้าง แต่ไม่ชัดเจน
ถ้าสองคนต่างวิ่งแล้ว ก็ยิ่งไม่แลเห็นกันเลย

ตัวอย่างเช่น เรานั่งหรือยืนอยู่เฉยๆ
มีคนๆหนึ่งแอบวิ่งมาตีหัวเราแล้วก็วิ่งหนีไป
อย่างนี้เราก็จับตัวได้อยาก

ฉะนั้นถ้าเราหมุนหรือแทรกแซงในความหมุนของโลก
เราก็จะยิ่งไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลย

ในทางธรรมท่านจึงสอนให้เป็นผู้หยุดหมุน “สังสารจักร”
เพื่อที่จะได้ทราบโลกแจ้งชัดๆ

ใบพัดเครื่องบินหรือใบจักรใดๆก็ตาม
เมื่อมันยังหมุนอยู่
เราจะมองไม่เห็นว่าใบพัดนั้นมีรูปร่างลักษณะอย่างไร
และมีกี่ใบพัดหรือใบจักรนั้นมีความหยาบละเอียดอย่างใด

ถ้ายิ่งหมุนเร็ว เราก็ไม่เห็นรูปร่างเลย
ต่อเมื่อหมุนช้าลง หรือหยุดหมุนแล้ว
เราจึงจะมองเห็นได้ถนัดชัดเจนว่า
รูปร่างของมันเป็นอย่างไร

นี้เป็นข้อเปรียบเทียบอย่างหนึ่ง
ในการหมุนตามกระแสของโลกโลกียฺ
เป็น “โอกาสโลก” กับตัวเราที่อาศัยอยู่ในพื้นโลก

   

(คัดลอกบางตอนมาจาก : โลกกับกรรมฐาน โดย พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)
๙ สิงหาคม ๒๕๐๑ ณ วัดอโศการาม ใน "เรื่องของลม ธมฺมธโรอนุสรณ์ ๒๕๔๔", หน้า ๑๐)


 :07: :07: :07:
การไม่ทำจริง เป็นเหตุให้ไม่เกิดผล
พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)
วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ

การไม่ทำจริง เป็นเหตุให้ไม่เกิดผล
เมื่อไม่เกิดผลก็ย่อมเกิดสนิมในใจ
คือ ความเบื่อหน่าย ท้อถอย เกียจคร้าน
แล้วในที่สุดก็เลิก

ถ้าทำจริงแล้วย่อมจะเกิดผลเป็นกำลัง

คือ พละ ๕ ประการ
คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา

   

(คัดลอกบางตอนมาจาก : ลมกับจิต พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)
๗ สิงหาคม ๒๕๐๑ ณ วัดอโศการาม ใน “เรื่องของลม : ธมฺมธโรอนุสรณ์", ๒๕๔๔ หน้า ๘)


ขอบพระคุณ คุณกุหลาบสีชา 
ขอบพระคุณที่มา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=37173

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: ธัมมธโรวาท ของ ท่านพ่อลี
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มีนาคม 17, 2011, 10:32:25 pm »



อนุโมทนาสาธุค่ะ น้องเล็ก   :13:


ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: ธัมมธโรวาท ของ ท่านพ่อลี
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มีนาคม 17, 2011, 11:45:58 pm »


ธรรมโอวาท   
ของ พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร
วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

(คัดลอกจาก หนังสือแนวทางปฏิบัติ วิปัสสนา-กัมมัฏฐาน.
จัดพิมพ์โดยชมรมกัลยาณธรรม พ.ศ. ๒๕๕๒. หน้า ๒๑๙ - ๒๒๐)

"โลก"เขาเอาสุขทางกายเป็นใหญ่ จิตใจจะทุกข์อย่างไรก็ช่างมัน
แต่"ธรรม"เอาสุขทางใจเป็นใหญ่ เพราะถือว่าใจเป็นส่วนสำคัญยิ่ง
ร่างกายภายนอกถือว่าเป็นส่วนต่ำ มีแต่คอยนำความทุกข์ เดือดร้อนและความเสื่อมความเลวมาให้

"ร่างกาย" เป็นเหมือนงูเห่า หรือ อสรพิษ ที่นำมาแต่ความเจ็บปวดเมื่อยเหน็บมาให้
หรือมิฉะนั้นก็เหมือน "เด็ก" เดี๋ยวก็อ้อน เดี๋ยวก็ดี กวนอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่หยุดหย่อน
บางคราวก็ดี บางคราวก็ร้าย

คนที่ทำแต่"บุญ" แต่ไมไ่ด้ทำ "หลักของใจ" ไว้
ก็เปรียบเหมือนกับคนที่มีที่ดินแต่ไม่มีโฉนด
จะซื้อจะขายเป็นเงินเป็นทองก็ได้ดอก แต่มันอาจจะถูกเขาฉ้อโกงได้
เพราะไม่มีเสาหลักปักเขตไว้

คนที่มีศีล มีทาน แต่ไม่มี "ภาวนา" (คือ หลักของใจ) ก็เท่ากับถือศาสนาเพียงครึ่งเดียว
เหมือนคนที่อาบน้ำแค่บั้นเอว ไม่ได้รดลงมาแต่ศีรษะก็ย่อมจะไม่ได้รับความเย็นทั่วตัว
เพราะไม่เย็นถึงจิตถึงใจ




..ขอน้อมถวายเป็นอาจาริยบูชา..

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=37300
ขอบพระคุณ คุณ Hanako
Pics by : Google
สุขใจดอทคอม * อกาลิโกโฮม
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ