คลายวิถีทุกข์ด้วยธรรมะ > ปัญหาชีวิต ความทุกข์ ความรัก
ทำยังไงดีคับกับการทำงานจริงที่แสนท้อจิงๆ
ดอกโศก:
สวัสดีค่ะ
พี่มาให้กำลังใจค่ะ ไม่มีหลักธรรมคำสอนใดๆมาแนะนำให้เลยค่ะเพราะพี่ไม่แม่นยำในหลักธรรมข้อใดเลย
สิ่งเดียวที่พี่ยึดถือในใจก็คือ คิดดี พูดดี ทำดี ค่ะ
ตอนที่พี่เรียนจบกลับมาทำงานใหม่ๆ ก็รู้สึกไม่ต่างจากที่น้องรู้สึกค่ะ
โลกในรั้วสถาบันที่เราเรียนมา เรามีเพื่อนเกื้อกูล ช่วยเหลือกัน
เราก็จะรู้สึกสนุกและมีความสุขกับทุกการงานที่นั่น
แต่ในโลกของการทำงานจริง เราต้องเรียนรู้ที่จะช่วยเหลือและดูแลตัวเองค่ะ
ไม่มีเพื่อนๆ รุ่นพี่ รุ่นน้องมาคอยช่วยเหลืออีกแล้ว
เพื่อนๆที่ทำงานก็คือคนที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน เราต้องเข้าใจกันและกันค่ะ
เขาไม่เคยรู้จักเราจะให้เขามาเอ็นดูเอื้ออาทรเราก็คงจะไม่ได้ เราก็ต้องค่อยเรียนรู้กันไปค่ะ
ส่วนงานที่ทำผิดพลาดไปแล้วก็ถือว่าเป็นครูค่ะ คนที่ไม่เคยทำผิดก็คือคนที่ไม่ทำอะไรเลยจริงไหมคะ
แต่อย่าทำผิดพลาดซ้ำเดิมอีกเพราะนั่นมันหมายถึงเราไม่เคยเรียนรู้จากความผิดพลาดเลย
คิดเสียว่าที่เจ้านายเรียกมาพูดคุย ตักเตือน ก็ให้คิดว่านั้นเขากำลังบอกทางให้เราอยู่
เป็นคำแนะนำที่จะช่วยให้เราเห็นทางที่จะปรับตัว เปลี่ยนตัวเองไงค่ะ
พี่คิดว่าการทำงานที่พิดพลาดของน้องน่าจะมาจาก "ใจ"
เพราะใจที่ห่อเหี่ยว ไม่มีกำลัง ก็ทำให้เราไม่มีใจกับงานไงคะ
ลองเริ่มต้นดูใหม่ค่ะ เริ่มวันใหม่ด้วยใจดีๆนะคะอาจจะคิดว่ามันทำยากแต่มันทำได้ค่ะ
ถ้าใจเราดี มันไม่ได้ดีกับคนอื่น มันก็ดีกับตัวเราเองทั้งนั้น
ยิ้มน้อยๆในใจให้ได้ทุกวัน กับทุกเรื่อง พยายามนะคะ สู้ๆค่ะ
พี่เอาใจช่วย แล้วต่อไปหากมีอะไร ไม่ว่าจะปัญหาเรื่องงานและเรื่องความไม่สบายใจ
แล้วอยากมีคนรับฟัง ก็แวะมาเข้ามาที่นี่นะคะ
พี่ๆ เพื่อนๆ หลายคนที่นี่อาจช่วยหาทางแก้ไขปัญหาให้ได้ค่ะ
ฐิตา:
--- อ้างจาก: ดอกโศก ที่ ตุลาคม 02, 2011, 09:05:38 am ---สวัสดีค่ะ
พี่มาให้กำลังใจค่ะ ไม่มีหลักธรรมคำสอนใดๆเพราะไม่แม่นยำในหลักธรรมขอใดเลย
สิ่งเดียวที่ยึดถือในใจก็คือ คิดดี พูดดี ทำดี ค่ะ
ตอนที่พี่เรียนจบกลับมาทำงานใหม่ๆ ก็รู้สึกไม่ต่างจากที่น้องรู้สึกค่ะ
โลกในรั้วสถาบันที่เราเรียนมา เรามีเพื่อนเกื้อกูล ช่วยเหลือกัน
เราก็จะรู้สึกสนุกและมีความสุขกับทุกการงานที่นั่น
แต่ในโลกของการทำงานจริง เราต้องเรียนรู้ที่จะช่วยเหลือและดูแลตัวเองค่ะ
ไม่มีเพื่อนๆ รุ่นพี่ รุ่นน้องมาคอยช่วยเหลืออีกแล้ว
เพื่อนๆที่ทำงานก็คือคนที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน เราต้องเข้าใจกันและกันค่ะ
เขาไม่เคยรู้จักเราจะให้เขามาเอ็นดูเอื้ออาทรเราก็คงจะไม่ได้เราก็ต้องค่อยเรียนรู้กันไปค่ะ
ส่วนงานที่ทำผิดพลาดไปแล้วก็ถือว่าเป็นครูค่ะ คนที่ไม่เคยทำผิดก็คือคนที่ไม่ทำอะไรเลยจริงไหมคะ
แต่อย่าทำผิดพลาดซ้ำเดิมอีกเพราะนั่นมันหมายถึงเราไม่เคยเรียนรู้จากความผิดพลาดเลย
คิดเสียว่าที่เจ้านายเรียกมาพูดคุย ตักเตือน ก็ให้คิดว่านั้นเขากำลังบอกทางให้เราอยู่
เป็นคำแนะนำที่จะช่วยให้เราเห็นทางที่จะปรับตัว เปลี่ยนตัวเองไงค่ะ
พี่คิดว่าการทำงานที่พิดพลาดของน้องน่าจะมาจาก "ใจ"
เพราะใจที่ห่อเหี่ยว ไม่มีกำลัง ก็ทำให้เราไม่มีใจกับงานไงคะ
ลองเริ่มต้นดูใหม่ค่ะ เริ่มวันใหม่ด้วยใจดีๆนะคะอาจจะคิดว่ามันทำยากแต่มันทำได้ค่ะ
ถ้าใจเราดี มันไม่ได้ดีกับคนอื่น มันก็ดีกับตัวเราเองทั้งนั้น
ยิ้มน้อยๆในใจให้ได้ทุกวัน กับทุกเรื่อง พยายามนะคะ สู้ๆค่ะ
พี่เอาใจช่วย แล้วต่อไปหากมีอะไร ไม่ว่าจะปัญหาเรื่องงานและเรื่องความไม่สบายใจ
แล้วอยากมีคนรับฟัง ก็แวะมาเข้ามาที่นี่นะคะ
พี่ๆ เพื่อนๆ หลายคนที่นี่อาจช่วยหาทางแก้ไขปัญหาให้ได้ค่ะ
--- End quote ---
ขออนุโมทนาสาธุในเมตตาจิตที่ให้คำแนะนำที่มีประโยชน์ยิ่งนะคะ
และขอร่วมเป็นกำลังใจให้น้อง Ju Ju ค่ะ...
ดอกโศก:
--- อ้างจาก: ฐิตา ที่ ตุลาคม 02, 2011, 09:54:18 am ---
--- อ้างจาก: ดอกโศก ที่ ตุลาคม 02, 2011, 09:05:38 am ---สวัสดีค่ะ
พี่มาให้กำลังใจค่ะ ไม่มีหลักธรรมคำสอนใดๆเพราะไม่แม่นยำในหลักธรรมขอใดเลย
สิ่งเดียวที่ยึดถือในใจก็คือ คิดดี พูดดี ทำดี ค่ะ
ตอนที่พี่เรียนจบกลับมาทำงานใหม่ๆ ก็รู้สึกไม่ต่างจากที่น้องรู้สึกค่ะ
โลกในรั้วสถาบันที่เราเรียนมา เรามีเพื่อนเกื้อกูล ช่วยเหลือกัน
เราก็จะรู้สึกสนุกและมีความสุขกับทุกการงานที่นั่น
แต่ในโลกของการทำงานจริง เราต้องเรียนรู้ที่จะช่วยเหลือและดูแลตัวเองค่ะ
ไม่มีเพื่อนๆ รุ่นพี่ รุ่นน้องมาคอยช่วยเหลืออีกแล้ว
เพื่อนๆที่ทำงานก็คือคนที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน เราต้องเข้าใจกันและกันค่ะ
เขาไม่เคยรู้จักเราจะให้เขามาเอ็นดูเอื้ออาทรเราก็คงจะไม่ได้เราก็ต้องค่อยเรียนรู้กันไปค่ะ
ส่วนงานที่ทำผิดพลาดไปแล้วก็ถือว่าเป็นครูค่ะ คนที่ไม่เคยทำผิดก็คือคนที่ไม่ทำอะไรเลยจริงไหมคะ
แต่อย่าทำผิดพลาดซ้ำเดิมอีกเพราะนั่นมันหมายถึงเราไม่เคยเรียนรู้จากความผิดพลาดเลย
คิดเสียว่าที่เจ้านายเรียกมาพูดคุย ตักเตือน ก็ให้คิดว่านั้นเขากำลังบอกทางให้เราอยู่
เป็นคำแนะนำที่จะช่วยให้เราเห็นทางที่จะปรับตัว เปลี่ยนตัวเองไงค่ะ
พี่คิดว่าการทำงานที่พิดพลาดของน้องน่าจะมาจาก "ใจ"
เพราะใจที่ห่อเหี่ยว ไม่มีกำลัง ก็ทำให้เราไม่มีใจกับงานไงคะ
ลองเริ่มต้นดูใหม่ค่ะ เริ่มวันใหม่ด้วยใจดีๆนะคะอาจจะคิดว่ามันทำยากแต่มันทำได้ค่ะ
ถ้าใจเราดี มันไม่ได้ดีกับคนอื่น มันก็ดีกับตัวเราเองทั้งนั้น
ยิ้มน้อยๆในใจให้ได้ทุกวัน กับทุกเรื่อง พยายามนะคะ สู้ๆค่ะ
พี่เอาใจช่วย แล้วต่อไปหากมีอะไร ไม่ว่าจะปัญหาเรื่องงานและเรื่องความไม่สบายใจ
แล้วอยากมีคนรับฟัง ก็แวะมาเข้ามาที่นี่นะคะ
พี่ๆ เพื่อนๆ หลายคนที่นี่อาจช่วยหาทางแก้ไขปัญหาให้ได้ค่ะ
--- End quote ---
ขออนุโมทนาสาธุในเมตตาจิตที่ให้คำแนะนำที่มีประโยชน์ยิ่งนะคะ
และขอร่วมเป็นกำลังใจให้น้อง Ju Ju ค่ะ...
--- End quote ---
:13: :43: :13:
ฐิตา:
*** พี่ช่วยหาหลักธรรมให้ผมหน่อยครับ
น้อง Ju Ju ลองอ่านพระสูตรนี้นะคะ...
สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ นิคมของชาวโกฬิยะ ชื่อว่ากักกรปัตตะ
ในครั้งนั้น มีชายคนหนึ่งชื่อทีฆชาณุ หรืออีกนามหนึ่งว่าพยัคฆปัชชะ
ได้เข้าไปเฝ้า แล้วกราบทูลว่า
“ข้าแต่พระองค์เจ้าผู้เจริญ ข้าพระองค์เป็นคฤหัสถ์ ยังบริโภคกาม อยู่ครองเรือน…
ยังยินดีทองและเงินอยู่
ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงแสดงธรรม ที่เหมาะแก่ข้าพระองค์ อันจะพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์
เพื่อความสุขในปัจจุบัน เพื่อประโยชน์และความสุขในภายหน้าเถิด พระเจ้าข้า”
พระพุทธองค์ได้ตรัสว่า
“พยัคฆปัชชะ ! ธรรม ๔ ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ และเพื่อความสุขในปัจจุบัน
แก่กุลบุตร คือ
๑. อุฏฐานสัมปทา ๒. อารักขสัมปทา ๓. กัลยาณมิตตตา ๔. สมชีวิตา…”
(ทีฆชาณุสูตร ๒๓/๒๕๖)
ลายแทง ๔ ข้อนี้ จัดว่าเป็น “หัวใจเศรษฐี” ที่พระพุทธเจ้าทรงประทานแก่ทีฆชาณุ
ที่เราเอามาย่อว่า อุ อา กะ สะ มีคำอธิบายโดยย่อ ดังนี้
อ่านต่อตามลิ้งค์นะคะ...
http://www.tairomdham.net/index.php/topic,5312.0.html
อนุโมทนาสาธุกับน้องที่มีใจกตัญญูต่อคุณพ่อ คุณแม่น่ะค่ะ เชื่อว่า
พอปรับตัวให้คุ้นกับหน้าที่ที่ทำอยู่ โดยใช้ความอดทน ศึกษางาน
อย่างมุ่งมั่นตั้งใจ ไม่ทัอต่ออุปสรรคใดๆ คุ้นชินแล้วข้อผิดพลาดก็
จะน้อยลงจนถึงหมดไปได้ในไม่ช้า สู้ๆค่ะ ดีกว่าไปเริ่มเรียนรู้งานใหม่
ซึ่งความไม่คุ้นชินก็ต้อง เริ่มนับหนึ่งใหม่อยู่ดี...
lek:
1. P-Positive Thinking คือ การมีทัศนคติที่เป็นบวก มองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ ไม่คิดใน ทางลบ เช่น หากเจอปัญหาในการทำงาน แทนที่จะมานั่งกลุ้มใจคิดว่าคราวนี้ต้องแย่แน่ๆ ก็ให้มองว่า นี่เป็นหนทางหนึ่งที่จะฝึกฝนให้เราเก่งกล้ามากยิ่งขึ้น
2. P-Peaceful Mind คือ การมีจิตใจที่สงบ เคยได้ยินคำพูดที่ว่า “จงใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว” หรือเปล่า คำพูดนี้ใช้ได้ผลดีทีเดียว เวลาเกิดปัญหาขึ้น เราอย่าเพิ่งตื่นตระหนกไปกับปัญหานั้น การที่เรามีจิตใจที่สงบ มีสมาธิ จะทำให้เราเกิดปัญญาในการคิดหาวิธีแก้ปัญหา นอกจากนี้ ยังทำให้เรามีสุขภาพจิตที่ดีอีกด้วย
3. P-Patient คือ การมีความอดทน คาถาข้อนี้ก็สอดคล้องกับข้อที่แล้ว เพราะการที่เราจะมีจิตใจที่สงบได้ เราต้องรู้จักอดทนอดกลั้น ระงับอารมณ์ความรู้สึกที่ไม่ดีต่างๆ หากสิ่งใดไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้ เราก็ต้องอดทนรอคอยให้ถึงช่วงเวลาของเรา นอกจากนี้ยังต้องอดทนต่อปัญหาและความยากลำบากในการทำงานด้วย
4. P-Punctual คือ การเป็นคนตรงต่อเวลา มนุษย์เราได้ถูกปลูกฝังให้เป็นคนมีวินัย รู้จักตรงต่อเวลามาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เช่น การไม่มาโรงเรียนสาย การส่งการบ้านให้ตรงเวลา ในการทำงานก็เช่นกัน หากเรามาทำงานสาย เจ้านายหรือหัวหน้าก็คงไม่ชอบแน่ๆ แล้วยิ่งถ้าเราผิดนัดลูกค้า ผลเสียคงตามมาอีกเป็นกระบุง เพราะแม้แต่เวลายังรักษาไม่ได้ แล้วคุณจะได้รับความไว้วางใจให้ทำงานใดๆ อีก
5. P-Polite คือ การเป็นคนสุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน การเป็นคนสุภาพนอบน้อมจะทำให้มีแต่คนรักใคร่ และอยากช่วยเหลือ ยิ่งถ้าเรามีตำแหน่งใหญ่โตด้วยแล้ว ยิ่งต้องมีความสุภาพอ่อนน้อม เพราะจะทำให้ผู้อื่นยิ่งเกรงใจเรามากขึ้น ตรงกันข้าม การทำตัวกระด้างกระเดื่องหยิ่งยโส ย่อมเป็นที่รังเกียจของสังคม และไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย
6. P-Professional คือ ความเป็นมืออาชีพในการทำงาน การที่เรามีหน้าที่อะไร เราก็ควรทำตัวให้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในหน้าที่นั้นๆ หมั่นแสวงหาความรู้ใหม่ๆ และหมั่นฝึกปรือฝีมือในการทำงานอยู่เสมอ เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด การทำงานอย่างมืออาชีพ จะเป็นที่ชื่นชมและไว้วางใจของเจ้านาย รวมไปถึงลูกค้าที่ย่อมจะพอใจ และไว้วางใจให้เราทำงาน ดูแลงานของเขาต่อไป
ขอบพระคุณที่มาจากhttp://www.vcharkarn.com/varticle/39081
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version