แสงธรรมนำใจ > ศิษย์โง่ไปเรียนเซ็น
"ยักคิ้วกระพริบตา" ฮานะ เอามาฝากจาก อกาลิโกดอทคอม ขะ
ฐิตา:
คุณขาจรเจ้าค่ะ
คำว่า ""คิดต้องนาน """
นั่นแหละ เค้าเรียกว่า ไม่เข้าใจพื้นฐานของเซนเลยซักกะติ๊ดๆ เจ้าค่ะ
รู้จัก ความไม่ต้องคิดของเซนไม๋จ๊ะ
ไม่ได้ให้คิดนานๆนะจ๊ะๆไม่ได้ให้ตามความคิดนะจ๊ะๆ
บอกว่า หลงคิดตั้งนานแสดงยังไม่รู้ตัวอีก ว่าหลงกับความคิด ไปนาน
แบบนี้เค้าเรียกว่าตามความคิด นะจ๊ะๆ
การเห็นความคิดแตกต่างกัน กับการตามความคิดนะจ๊ะ นะจ๊ะ
ทั้งหมดที่พูดมาไม่รู้ว่าใครพูดเหมือนกันแหละหาตัวตนคนที่พูดไม่ได้
ไม่พูด ก็ไม่ได้ เพราะ ไม่มีตัวตนจะ บังคับให้ไม่พูดก็ไม่ได้
ไม่ได้ต้องหุบปาก เพราะอายกลิ่นปากนี่จ๊ะ
และก็ไม่ได้พูดเพราะปากหอมนี่จ๊ะ
เทวะ ก็คือเทวะธรรมดาก็คือธรรมดาๆ
ฉะนี้เองโดยไม่ต้องคิด
เริ่มใหม่นะค๊ะไม่มีช้าไม่มีเร็ว
ให้กำลังใจนะ
มาให้ จุ๊ปส์ ทีนึงอิๆ
(น้องมารน้อย)
ฐิตา:
ท่านเว่ยกล่างกล่าวว่า
"ไม่มีต้นโพธิ์ไม่มีกระจกฝุ่นละอองจะจับที่ใด"
ในขณะที่ให้คนเขียนโศลกให้ เพราะท่านไม่รู้หนังสือ
และความเข้าใจ ขณะนั้น อาจจะแจ่ม กว่า บรรดาศิษย์ผู้ใดทั้งหมด
แต่โศลกนี้ ก็ต้องถูกลบด้วยรองเท้า
เพราะ โศลกนี้ ยังไม่อาจเข้าสู่ประตูแห่งความว่างได้
ท่านสังฆปรินายก จึงต้องเรียกท่านเว่ยหล่าง ไป ในตอนดึก
เพื่อต่อโศลก ให้สมบูรณ์
ท่านเว่ยหล่างถึงกับหุบปากเงียบ( แบบเซน) ในค่ำคืนนั้น
นี่คือปริศนาด่านสุดท้ายของพระสูตรเว่ยหล่าง ทั้งเล่ม และเป็นปริศนาของเซนทั้งหมด
ใครอยากรู้ ยกมือขึ้น
(น้องมารน้อย)
ฐิตา:
กราบขอบคุณ
และกราบอนุโมทนา คุณน้องมารน้อย ที่ให้ธรรมะได้ถึงใจจริง ๆ
หลงคิดตลอดเวลาแต่ไม่รู้ตัว
หลงซับหลงซ้อน หลงไม่เลิก
ความคิดมันไม่ใช่เราห้ามมันก็ไม่ได้
มันเกิดเพราะเหตุแล้วดับไปตามเหตุ
ไม่มีอะไรเหลือให้ยึดไว้ได้
เปล่า เปล่า ปลี้ ปลี้ จริง ๆ
ตาสว่างวันนี้เอง
สาธุสาธุสาธุ จ้ะคุณน้องมารน้อย
(ขาจร)
ฐิตา:
พี่ขาจรค่ะ
อนุโมทนานะค่ะ
เอาแหละ
เมือความคิด ไม่ใช่เรา ไม่ได้เเป็นของเราห้ามไม่ได้ บังคับไม่ได้
หลงคิดตลอดเวลา แต่ไม่รู้ตัว
หลงซับ หลงซ้อน หลงไม่เลิก
ความคิดมันไม่ใช่เรา ห้ามมันก็ไม่ได้
มันเกิดเพราะเหตุ แล้วดับไปตามเหตุ
ไม่มีอะไรเหลือให้ยึดไว้ได้
เปล่า เปล่า ปลี้ ปลี้ จริง ๆ
ถ้าเห็นได้จริงดังนั้น ก็ถูกทางค่ะ
แต่จะยังคงเห็นและเป็นเหมือน ท่านเว่ยหล่าง ขณะที่ให้คนเขียนโศลก
เป็นสภาวะเช่นเดียวกับท่านใน ขณะนั้น
ที่ ไม่มีต้นโพธิ์ ไม่มีกระจกฝุ่นจะจับอะไร
และจากโศลกนี้ท่านสัฆปรินายก เห็นอะไรจากโศลกนี้ จึงต้องเรียก ท่นเว่ยหล่างไป ในตอนดึก
นี่คือปริศนาด่านสุดท้าย ของพระสูตรเว่ยหล่าง ทั้งเล่ม และเป็นปริศนาของเซนทั้งหมด
ใครอยากรู้ ยกมือขึ้น
(น้องมารน้อย)
ฐิตา:
แสดงว่าไม่มีคนอยาก รู้มีแต่คนอยาก ไม่รู้
เลยไม่มีใครยกมือ
ใช่ป่าว อิๆ
หรือเข้าถึงความว่างอันบริบูรณ์กันหมดแล้ว เลยไม่มีใครที่จะมีมืออิๆ
สาธุๆๆ
ชอบ ๆๆๆๆเหมือนกันนะเนี่ย มีคนชม คนโมทนา อิๆ
จริงๆแล้วไม่ต้องทำเช่นนั้น ก็ได้ค่ะ
แต่ถ้าจะทำ จงรู้ว่า การกระทำทั้งหมด ทั้งหมดปราศจากการมีส่วนร่วมหรือบังคับบัญชาไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
ทำสักว่าทำทำตามบทตามความเคลื่อนใหวอันเป็นไปโดยอัตโนมัติ ของกาย และจิต
ไม่ได้ทำเพราะเห็นดีไม่ได้ทำเพราะชอบ ไม่ได้ทำเพราะ ถูกใจเรา
ไม่ได้เป็นเราเราไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆ กับการกระทำนั้นๆ เลย แม้ยักคิ้ว กระพริบตา
ที่สุดของธรรมะ
ธรรมะเป็นของว่างเปล่าในตัวเอง ตั้งแต่เดิม แต่ใหนแต่ไรมา
ให้ไปแสดงไป ก็ไม่มีใคร ได้อะไรสักอย่างไม่ได้ว่างขึ้นไม่ได้ว่างลง
แต่ถ้ามีใครมีตัวตนคนนั้นก็ได้ไปคนนั้นก็ยึดถือไป
ความว่าง หรือธรรมะมีอยู่เต็มเปี่ยมอยู่แล้ว ในจิตหนึ่ง ในทุกคน
แต่เมื่อ ไม่ได้มีความเป็นคนไม่ได้มีความเป็นตัวตน
เลยไม่มีใครได้อะไรเพิ่ม ไม่ได้ลดอะไรไป
เป็นของว่างเปล่าแท้จริง
คำเตือน
การแสดงธรรม ของใครก็ตามเป็นความสามารถเฉพาะตัว ห้ามลอกเลียนแบบ
บทบาทใครบทบาทคนนั้น
ธรรมชาติของคน ๆ ผู้แสดงธรรมนั้นเป็นเช่นนั้นเอง
เป็นธรรมชาติที่ แม้แต่ผู้แสดงธรรมเองก็ไม่อาจบังคับบัญชาไม่ได้แม้แต่คนเดียว แม้แต่นิดเดียว
ทั้งคำพูดและธรรมที่แสดง
ไม่ว่าจะแสดงเช่นไรย่อมเป็นไปตามอัตโนมัติ
ธรรมชาติ ของผู้ฟังธรรม ย่อมเป็นไป โดยบังคับบัญชา ตัวเองไม่ได้เช่นการยักคิ้วกระพริบตาเช่นกัน
เข้าใจ ไม่เข้าใจ ถึงใจ ไม่ถึงใจ ย่อมเป็นเช่นนั้นเอง
เสื้อผ้าที่สวม จะห่มจีวร หรือจะแก้ผ้า
ไม่มีใครสักคนเดียวที่จะเลือกเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มได้เอง แม้แต่คนเดียว
รู้บทบาทของตนเองรู้บทบาทของแต่ละคน
รู้ความเป็นออโตเมติก ของบทบาท และความเคลื่อนใหวของตัวเอง และของคนอื่นๆ
นั้นคือรู้ธรรมชาติ ความเป็นไปของธรรมชาติ ความเป็นตถตา ของสิ่งทั้งหลาย
ไม่ได้เข้าไปมีส่วน กับสิ่งใดๆเลย
เหมือนกับการยักคิ้วกระพริบตา
บทบาททุกคนย่อมต่างกันไปตามจริตของ กายา และใจ เป็นไปอย่างอัตโนมัติ
บิดาหนูคือท่านวิมลเกียรติธรรมชาติที่แท้จริงของท่านคือความว่าง
มารดาคือท่านปารามิตา คือความว่าง
ครูบาอาจาย์ คือท่านสังฆปรินายก คือความว่าง
อาจารย์ที่ปรึกษา คือ พระองค์เจ้ากฤษณะ คือความว่าง
ธรรมชาติที่แท้จริงของท่านทั้งหมดคือความว่างมีแต่จิตหนึ่งเท่านั้น
จึงปราศจากเครื่องข้องทั้งมวล
จึงไม่มีทั้งต้นโพธิ์ ไม่มีทั้งกระจกไม่มีแม้แต่ฝุ่นละออง แม้แต่ปรมาณูเดียว ที่หลวงปุ่ดุลย์กล่าวว่า มีเทวดาอยู่ได้ ถึง 8 องค์
มีแต่จิตหนึ่งเท่านั้น
(น้องมารน้อย)
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version