ผู้เขียน หัวข้อ: มัจจุราชสีน้ำผึ้ง  (อ่าน 7374 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ปาริชาต

  • เกล็ดเมล็ด
  • *
  • กระทู้: 8
  • พลังกัลยาณมิตร 31
    • ดูรายละเอียด
มัจจุราชสีน้ำผึ้ง
« เมื่อ: สิงหาคม 12, 2011, 03:59:26 pm »

                                                       


มัจจุราชสีน้ำผึ้ง

ภายในห้องอันเงียบสงบหน้าโต๊ะหมู่บูชาที่มีพระพุทธปฏิมากรองค์ขนาดเขื่องประดิษฐานอยู่ตรงกลาง  พักตร์แห่งองค์พระพุทธาฉายรัศมีแห่งความสุขสงบและอิ่มเอิบด้วยความร่มเย็นที่ราวกับจะแผ่ซ่านปกคลุมอยู่โดยรอบอาณาบริเวณ  กลิ่นดอกมะลิอันเป็นพุทธบูชาหอมอบอวลพาให้ชื่นนาสายิ่งนัก

เบื้องหน้าถัดออกมาไม่ไกลนักชายชราร่างหนึ่งนั่งสงบนิ่ง  ผมสีดอกเลาแห่งปัจฉิมวัยและเครื่องนุ่งห่มอันเป็นสีบริสุทธิ์ขาวโพลนอยู่ท่ามกลางแสงไฟ  ท่านั่งในลักษณะหลังตรงมือทั้งสองประสานกันอยู่บนตักนิ่งไม่ไหวติงอยู่ในกิริยานั้นเป็นเวลาเนิ่นนานราวกับมิรู้เมื่อยขบ ดูช่างตรงกันข้ามกับวัยเสียยิ่ง

คุณพฤกษ์หรือคุณตาผู้เป็นประมุขของบ้าน “พร้อมพงศ์”   ผู้อยู่ในวัยชราอายุเกือบเก้าสิบปีแล้ว  แต่สภาพสังขารของท่านมิได้บอกถึงวัยเลยแม้แต่น้อย  ผู้ที่มิได้ใกล้ชิดอาจนึกว่าคุณตาอายุเพียงแค่เจ็ดสิบเศษเป็นอย่างมากมิใช่เกือบเก้าสิบดั่งที่เป็นจริง  สุขภาพพลานามัยแข็งแรง ผิวพรรณผ่องใสซับสีเลือดฝาด  กระฉับกระเฉง  เดินเหินในอาการหลังตรงเป็นสง่า เค้าหน้าที่ยังคมคายส่อเค้าให้เห็นถึงความเป็นบุรุษรูปงามอย่างหาตัวจับยากในอดีต

ณ วันนี้สตรีผู้ที่อยู่เคียงข้างคุณตามาตั้งแต่ในวัยหนุ่มได้จากท่านไปเมื่อสิบปีที่แล้ว  มีธิดาคนเดียวคือพลอยแสง พลอยแสงเรียนจบด้านการบริหารแล้วเข้าทำงานในฝ่ายบริหารของ “โรงพยาบาลพร้อมบริบาล”   ที่คุณตาเป็นเจ้าของรวมทั้งเป็นนายแพทย์ผู้อำนวยการด้วย   พลอยแสงแต่งงานกับลูกชายนักธุรกิจที่มีกิจการค้าในระดับแถวหน้าของเมืองไทย ในหลายปีต่อมาก็ได้ให้กำเนิดบุตรชายคือศีลวัตร   ชีวิตของคุณพฤกษ์นับได้ว่าประสบความสำเร็จแทบทุกด้าน ตัวคุณพฤกษ์เองเป็นแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านอายุเวช และตลอดหลายชั่วอายุคนในตระกูลล้วนอยู่ในวงการแพทย์มาตลอด

คุณสันติสามีของพลอยแสงมาจากตระกูลที่ฐานะไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่า   ครอบครัวคุณสันติผู้เป็นลูกเขยนั้นเป็นเจ้าของบริษัทนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียงของประเทศ  เรียกได้ว่าพลอยแสงประสบความสุขในชีวิตแทบทุกด้านทีเดียว
แต่อนิจจา.....ใดๆในโลกล้วนอนิจจัง !  สมดั่งที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสไว้ยิ่งนัก


เมื่อศีลวัตรอายุได้เพียงสามขวบพลอยแสงและสันติก็มาด่วนจากไปด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก   ทิ้งเด็กน้อยศีลวัตรเป็นอนุสรณ์แห่งความรักและอาลัยไว้ให้คุณพฤกษ์และคุณเกื้อบุญผู้เป็นภรรยา  ความรักที่มีในบุตรสาวคนเดียวเช่นพลอยแสงมากมายเพียงใดความรักนั้นก็ได้ถูกถ่ายเทมาสู่ศีลวัตรอย่างทับทวี  ทั้งคุณพฤกษ์และคุณเกื้อบุญทุ่มเทเอาใจใส่ดูแลศีลวัตรเป็นอย่างดี  รวมทั้งครอบครัวทางคุณสันติที่ต่างก็รักใคร่เอ็นดูหลานชายคนเดียวนี้ก็เช่นกัน  และเนื่องจากคุณณสันติมิใช่ลูกชายคนเดียวของตระกูลหากยังมีบุตรธิดาอีกหลายคนต่างจากคุณพฤกษ์และคุณเกื้อบุญ  ทางคุณปู่และคุณย่าของเด็กชายศีลวัตรจึงยินยอมที่จะให้หลานเติบโตขึ้นมาในความคุ้มครองดูแลของตาและยายเพื่อทดแทนการที่สูญเสียลูกสาวคนเดียวไปไม่เหลือใครอีกแล้ว


ทั้งนี้ทั้งนั้นเด็กชายศีลวัตรก็ดูเหมือนจะเติบโตขึ้นท่ามกลางความรักของทั้งสองครอบครัว  เป็นคนที่มีสองบ้าน  ศีลวัตรในวันนี้จึงพรั่งพร้อมในความรักและความอบอุ่นมีความมั่นคงทางใจอันได้รับการอบรมจากคุณตาและคุณยายที่นำคำสอนของพระบรมศาสดาเป็นหลักในการดำเนินชีวิตที่ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท

ศีลวัตรต้องจากคุณตาคุณยายเป็นครั้งแรกในชีวิตเมื่อต้องไปศึกษาต่อต่างประเทศหลังจากจบแพทย์จากมหาวิทยาลัยแพทย์ในประเทศแล้ว  แน่นอนว่าคุณตาและคุณยายนั้นไม่มีวันเสียล่ะที่จะทนคิดถึงหลานได้นาน  ในแต่ละปีการศึกษาไม่คุณตาก็คุณยายล่ะที่จะต้องผลัดกันแวะเวียนไปหาหลานอย่างสม่ำเสมอมิได้ขาด  จนหลานรักเรียนจบครบหลักสูตรและกลับมาทำงานในโรงพยายาบาลพร้อมอภิบาลของผู้เป็นตา

ศีลวัตรหรือ “หมอศีล” ของทุกคนไม่ว่าจะคนไข้หรือผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา เป็นหมอรูปงาม อัธยาศรัยดี เป็นที่รักใคร่ของทุกคนโดยเฉพาะคนไข้ตัวเล็กตัวน้อย เด็กๆจะเรียกพี่หมอมากกว่าจะเรียกคุณหมอหรือหมอศีล เพราะพี่หมอจะมีวิธีหลอกล่อเด็กๆที่เมื่อแรกเข้ามารักษามักจะงอแงหรือกลัวเข็มฉีดยากันทั้งนั้น   บางที่จะมีนิทานมาเล่าให้เด็กฟังด้วย ทุกครั้งที่พี่หมอมาเยี่ยมที่แผนกนี้เด็กๆพากันมามะรุมมะตุ้ม พันแข้งพันขาพี่หมอดูวุ่นวายไม่น้อย   แต่พี่หมอคนใจดีใจเย็นไม่เห็นว่าจะทำท่ารำคาญให้เห็นสักทีอาจเป็นเพราะพี่หมอเป็นคนรักเด็กกระมัง

คุณพฤกษ์อยู่ในสมาธิที่จิตดิ่งลึกอันเป็นวัตรปฏิบัติที่ดำเนินมาตั้งแต่ก่อนปลดระวางตัวเองจากงานทุกด้าน  ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหลานชายและคนใกล้ชิดที่เป็นลูกจ้างที่ซื่อสัตย์มาแต่ครั้งสมัยพ่อสู่ลูก 
 
                             
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 02, 2011, 01:45:42 am โดย ปาริชาต »

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: มัจจุราชสีน้ำผึ้ง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 12, 2011, 05:07:43 pm »



 :12:  :13: ขอบคุณนะคะนู๋ปา...

           

ออฟไลน์ ปาริชาต

  • เกล็ดเมล็ด
  • *
  • กระทู้: 8
  • พลังกัลยาณมิตร 31
    • ดูรายละเอียด
Re: มัจจุราชสีน้ำผึ้ง
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2011, 04:35:55 pm »
ขอบคุณพี่แป๋ม, ขอบคุณใต้ร่มธรรม

ออฟไลน์ ปาริชาต

  • เกล็ดเมล็ด
  • *
  • กระทู้: 8
  • พลังกัลยาณมิตร 31
    • ดูรายละเอียด
Re: มัจจุราชสีน้ำผึ้ง
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2011, 05:13:34 pm »
                       

ตึกโบราณหลังใหญ่ล้อมรอบด้วยอาณาบริเวณกว้างอันมีต้นไม้ใหญ่สูงสล้าง ให้ร่มเงาแผ่ปกคลุมอยู่มากมาย
น่าจะร่มรื่นเย็นสบายในเวลากลางวัน  แต่ในเวลาค่ำคืนที่ท้องฟ้ามืดมิดและและฝนตกหนักเช่นเวลานี้กลับดูน่ากลัว  ว่าไม้ใหญ่เหล่านี้อาจพากันโค่นล้มได้โดยง่ายด้วยแรงแห่งพายุฝนที่กำลังโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง


ภายในตัวตึกมีแสงไฟลอดออกมาพียงบางบริเวณที่กำลังใช้งาน ส่วนอื่นๆกลับมืดมิดเหมือนร้างผู้อยู่อาศัย      มองจากภายนอกดูทะมึนทึมอยู่กลางหมู่ไม้ที่ไหวโอนเอนอยู่ไปมา  ส่วนที่มีแสงไฟลอดออกมาก็คือส่วนหน้าตึกที่  มีรถยนต์สีดำคันใหญ่รูปร่างแปลกตาอย่างชนิดที่ไม่เคยได้พบเห็นบ่อยนักไม่ต่างไปจากตัวตึกที่อยู่อาศัยเท่าใด  จอดอยู่เหมือนเตรียมไว้พร้อมที่จะออกจากบ้านในไม่ช้านี้  ข้างเคียงรถสีดำคันใหญ่มีรถสปอร์ตคันเล็กแบบทันสมัยชนิดที่เรียกได้ว่าตรงกันข้ามกับคันแรกแบบสุดขั้ว
มีเสียงสนทนาแว่วมาจากภายในพร้อมเสียงรองเท้ากระทบพื้นดังใกล้เข้ามา


“ท่านหญิงจะเด็จไปไหนเวลานี้  พายุแรงมิใช่น้อยเลยนะเพคะ”  เสียงนั้นมาจากหญิงสาวร่างบางสูงระหงอย่างที่ผู้หญิงทุกคนต้องอิจฉาในรูปร่าง รวมทั้งหน้าตาที่เรียกได้ว่าทั้งสวยทั้งหวาน  อีกร่างที่เดินเคียงข้างมาด้วยกันรูปทรงใกล้เคียงกับคนแรกความสวยก็ยากที่จะตัดสินได้  หากแต่มีอะไรอย่างหนึ่งที่....ลึกลงไปในความสวยสง่านั้น.....มีอำนาจสะกดให้....สะท้านอย่างไม่อาจบอกได้


“ฉันมีงานต้องทำนะสิ  เธอนั่นแหละ อัน  ที่ไม่น่าจะรีบกลับ  ควรจะรอให้ฝนฟ้าซาลงก่อน  เธอรอกลับทีหลังจะดีกว่านะหรือจะค้างที่นี่ก็ได้  เธอก็รู้ว่าฉันอนุญาตให้เธอพักได้ตามสบายมิใช่หรือ”
เมื่อทั้งคู่เดินออกมาสู่แสงไฟจึงเห็นชัดถึงความแตกต่างของสตรีทั้งสอง  ฝ่ายหน้าหวานผมยาวบิดเป็นเกลียวสลวยผิวสีน้ำผึ้งจางๆนั้นเนียนนวลงามจับตา เครื่องประกอบหน้าที่ทำให้ดูหวานน่าจะเป็นที่รอยยิ้ม ยามที่กลีบปากคลี่ออกทุกครั้งสะกดให้ผู้เห็นยากจะละสายตาได้   แต่แปลกที่ดวงตากลับดูเศร้าสร้อยไม่ยิ้มตามไปด้วยแม้แต่น้อย


ส่วนผู้ที่เดินเคียงกันมารูปร่างสูงปานกันผมดำขลับราวไหมเนื้อดียาวเคลียไหล่  ผิวเหลืองนวลดั่งขี้ผึ้ง รูปหน้างามไร้ที่ติทุกสิ่งที่ประกอบเป็นเครื่องหน้าไม่ว่าปากแก้มคิ้วคางล้วนเหมาะเจาะ งามเหมือนภาพวาดมากกว่าจะเป็นคนที่มีชีวิต  ท่าเดินน่าจะเรียกได้ว่า   “เหิรอย่างหงส์" เพราะสง่างามน่าเกรงขามแม้จะด้วยท่าทางสบายๆอย่างนี้ก็เถอะ

“ขอบพระทัยเพคะ แต่หม่อมฉันไม่อยากค้างโดยที่ท่านไม่อยู่  วังท่านน่ะจะว่าสวยงามก็สวยงามจริงในยามกลางวันแต่ในยามกลางคืนน่ะน่ากลัวออก  ยิ่งท่านไม่อยู่หม่อมฉันกลับดีกว่าเพคะ” ฝ่ายแรกตอบอย่างง่ายๆ

“ตามใจเธอเถอะฉันเสียใจที่อยู่เป็นเพื่อนเธอไม่ได้  วันไหนว่างก็แวะมาได้ทุกเมื่อฉันยินดีเสมอสำหรับเธอ”
“งั้นหม่อมฉันเห็นจะต้องทูลลาเพคะ”
“ไปเถอะ ขับรถระวังหน่อยก็แล้วกัน หวังว่าคงไม่คิดจะแวะที่ไหนนะ”
“ไม่หรอกเพคะ หม่อมฉันเหนื่อยอยากจะพักให้อิ่มๆ ซ้อมหนักมาหลายวันติดๆกันแล้วอีกสองวันก็จะถึงวันงาน  หม่อมฉันตั้งใจมากกับละคอนการกุศลคราวนี้เพราะเป็นงานที่ท่านหญิงขอมาไงเพคะ”
“ขอบใจเธอมากอันธกาล   การกุศลน่ะเธอทำเธอก็เป็นคนได้ไม่ใช่ฉัน”
“ทราบเพคะ แต่ท่านก็ทรงทราบว่าหม่อมฉันเป็นนางแบบมิใช่นักแสดงอาชีพ  อาจมีอะไรที่ตกๆพร่องๆทำได้ไม่สมกับที่ทรงกรุณาให้เกียรติเลือกหม่อมฉันมาแสดง”
“อย่าห่วงเรื่องนั้นเลยอัน   เธอเป็นคนมีความสามารถฉันเลือกไม่ผิดหรอกน่า   ไปเถอะรีบกลับบ้านซะ เวลาดึกขนาดนี้โบราณเค้าว่าเป็นเวลาของผีมิใช่เวลาของมนุษย์เช่นเธอที่จะเที่ยวสัญจร”
สุระเสียงนั้นออกจะให้ความเอ็นดูแก่หญิงสาวตรงหน้าไม่น้อย
“ตรัสราวกับท่านไม่ใช่มนุษย์งั้นแหละ งานของท่านก็กระไร ฝนฟ้าคะนองน่ากลัวอย่างนี้ยังเสด็จอีก”
อันธกาลทูลแย้งบ้าง
“งานในความรับผิดชอบของฉันนั้นไม่อาจที่จะเลื่อนได้   เพราะถูกกำหนดไว้แน่นอนตายตัวไม่มีใครจักเปลี่ยนแปลงได้หรอก เธอรีบกลับเถอะ”

เจ้าของนามอันธกาลใช้ปลายนิ้วหยิบชายกระโปรงกางออกพร้อมย่อเข่าลงคาระวะอย่างอ่อนช้อยงดงามกึ่งล้อเลียน

“ทูลลาเพคะ มนุษย์เช่นหม่อมฉันจะรีบตรงดิ่งเข้าบ้านไม่แวะสัญจรที่ใดๆทั้งสิ้น”



อันธกาลตอบหลังจากทรงตัวขึ้นยืนตรงอีกครั้ง  จากนั้นจึงย่อตัวลงประนมมือคาราวะอีกครั้งอย่างแช่มช้อยก่อนที่จะรีบตรงไปที่รถคันเล็กขึ้นสตาร์ทแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว  ยังผลให้ผู้ที่ยืนมองตามแย้มโอษฐ์ออกนิดๆดวงเนตรงามอ่อนแสงลงทอดมองไปไกล ไกลเกินกว่าใครจะรู้ว่าทรง “ทอดเนตรเห็น” สิ่งใด

ก่อนจะหันกลับเพื่อดำเนินเข้าสู่ตัวตึก  ท่านผินพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้าเอ่ยขึ้นเหมือนรู้ว่าขณะนั้นมีเงาใครอีกคนยืนประสานมือก้มศีรษะต่ำด้วยท่าทางนอบน้อมอย่างรู้หน้าที่


“ผู้หญิงคนนี้เป็นส่วนผสมของความดีงามและความน่าชังที่ก้ำกึ่งกันเหลือเกิน  น่าเสียดายหากว่า...”  อาการทอดถอนอัสสาสะปัสสาสะบอกว่าเสียดายอย่างล้ำลึกก่อนหันกลับมายังผู้ที่อยู่ในเงามืด  ซึ่งไม่มีสำเนียงตอบใดๆ  ด้วยว่าไม่อยู่ในฐานะที่จะออกความเห็นใดๆทั้งสิ้น


“ใกล้เวลาแล้วใช่มั้ยแสนเมือง ทุกอย่างเรียบร้อยนะ” 

“พระเจ้าข้า”  เจ้าของนามแสนเมืองก้าวออกมาจากเงามืดค้อมตัวลงรับคำอย่างนอบน้อม  ใบหน้าของชายร่างสูงผอมเกร็งที่โผล่พ้นเงามืดออกมานั้นดูซีดเซียวราวกับไร้แล้วซึ่งชีวิตสีผิวขาวปนเขียวเหมือน... เหมือนผีตายซาก เฉยเมย มีเพียงแววตาเท่านั้นที่ฉายแววแห่งความรันทดเจ็บปวดทรมานล้ำลึก

“สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมมิใช่รึแสนเมือง  ข้า...หรือใครก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้”   สรรพนามและสุรเสียงกร้าวทรงไว้ด้วยอำนาจน่าสพึงกลัวราวกับมิใช่บุคคลเดียวกับที่ตรัสกับหญิงสาวผู้เพิ่งขับรถจากไป..........
“พระเจ้าข้า”




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 02, 2011, 01:53:20 am โดย ปาริชาต »

ออฟไลน์ แก้วจ๋าหน้าร้อน

  • สิ่งใดคือธรรมะ สิ่งนั้นย่อมดีแล้วสูงสุด
  • ทีมงานกวาดลานดิน
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 6503
  • พลังกัลยาณมิตร 1741
  • ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครอง
    • kaewjanaron
    • facehot
    • ดูรายละเอียด
    • ใต้ร่มธรรม
Re: มัจจุราชสีน้ำผึ้ง
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2011, 09:08:50 pm »
 พี่ปา ร้อยเรียงได้สวยงามมากครับ ภาษาไทยนี่ระดับราชบัณฑิตหรือผู้เชี่ยวชาญเลยก็ว่าได้ มิธรรมดาจริงๆครับ
ขอบคุณครับพี่ปา
การโพสภาพโดยใช้เว็บฝากไฟล์ภาพ imageshack.us/ (เว็บกบ)
การปรับแต่งห้องสมาชิกไร้ขีดจำกัด Ultimate Profile + ห้องเพลงส่วนตัว
การตั้งกระทู้และการโพสกระทู้ในเว็บใต้ร่มธรรมครับ
การแก้ไข้ข้อมูล ชื่อ ระหัส ส่วนตัวของสมาชิกใต้ร่มธรรมครับ
การใส่รูปประจำตัวเรา Avatar รวมทั้งลายเซ็นต์ ในกระทู้หรือโพสของเราครับ
เพิ่มไอคอน ทวิสเตอร์ เฟชบุ๊ค ยูทูบ ในโปรโปรไฟล์ของเรา
การสร้างอัลบั้มภาพส่วนตัวในห้องสมาชิก Profile Pictures
การเพิ่มเพื่อน กัลยาณมิตรใต้ร่มธรรม ในห้องสมาชิกส่วนตัว
การดูกระทู้ทั้งหมดที่เรายังไม่ได้อ่านครับ
โค้ดสี bb color code ไว้สำหรับโพสกระทู้ครับ
*วิธีเคลียร์แคชในทุกเว็บเบราว์เซอร์ครับ เมื่อคอมอืด*

ห้องประชุมของทีมงาน
~ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ~

ออฟไลน์ ปาริชาต

  • เกล็ดเมล็ด
  • *
  • กระทู้: 8
  • พลังกัลยาณมิตร 31
    • ดูรายละเอียด
Re: มัจจุราชสีน้ำผึ้ง
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: สิงหาคม 15, 2011, 12:39:58 am »
ขอบคุณที่แวะมาอ่าน แต่คำชมนั่นไม่หาญรับนะค่ะเพราะพี่ปายังห่างไกลมากกับคำชม
แต่จะพยายามพัฒนาให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ ถ้าชอบก็โปรดจงติดตาม....

ออฟไลน์ ปาริชาต

  • เกล็ดเมล็ด
  • *
  • กระทู้: 8
  • พลังกัลยาณมิตร 31
    • ดูรายละเอียด
Re: มัจจุราชสีน้ำผึ้ง
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: สิงหาคม 22, 2011, 01:07:52 am »
 
                                                                             

เสียงคำรามครืนๆพร้อมแสงสว่างวาบบาดตาจากเบื้องนภาที่กำลังคลุ้มคลั่ง  วาบตรงนั่นที ตรงนี้ทีก่อนจะแล่นเป็นสายลงสู่ปฐพีอันกินอาณาบริเวณกว้างขวางต่อเนื่องกันไม่หยุด  เสียงกึกก้องกัมปนาทที่แผดมาแต่ละครั้งทำลายโสตประสาทให้ดับสนิทไปชั่วขณะหนึ่ง เสียงนั้นปลุกให้หลายชีวิตที่กำลังหลับสนิทในนิทรารมณ์ต้องสะดุ้งผวาตื่นขึ้นมาด้วยอกใจที่ไหวหวั่นขวัญผวา  ฝนที่ตกหนักมาตั้งแต่หัวค่ำมิได้มีท่าว่าจะซาลงแม้สักน้อยกลับตกลงมาอย่างต่อเนื่อง   เสียงลมและเสียงคะนองของฟ้าอื้ออึงราวกับอารมณ์อันโกรธเกรี้ยวที่ไม่อาจหยั่งได้


ชายสูงวัยพบตัวเองกำลังยืนอยู่ข้างเสาต้นใหญ่ เบื้องหน้าแท่นที่ยกสูงจากพื้นจนต้องแหงนหน้าขึ้นมอง     สถานที่นั้นดูแปลกตาและสลัวรางแฝงไว้ซึ่งความสะพึงเกินคำอธิบาย   ยากจะเดาได้ว่าเป็นสถานที่แห่งใด  เหนือแท่นคล้ายบัลลังค์สูงทะมึนตระครุ่มอยู่ในเงามืด  มองแทบไม่เห็นสิ่งใดหรือผู้ใด  เพราะแสงที่ทอลำจากด้านหลังนั้นสว่างเจิดจ้าเสียจนต้องหยีตามองแต่ก็ไม่อาจเห็นผู้ที่นั่งอยู่นั้นได้   เสียงสะอื้นคร่ำครวญและเสียงคล้ายสาใจของผู้คนมากมายต่างพึมพำฟังไม่ได้ใจความดังอยู่ระงม  หากไม่อาจเห็นผู้ใดหรือสิ่งมีชีวิตใดๆในที่อันเวิ้งว้างแห่งนี้


สุรเสียงแหลมก้องอันทรงอานุภาพสะท้อนสะท้านไปทั่วทั้งบริเวณดังมาจากผู้ที่อยู่บนบัลลังค์อันสูงตระหง่าน  เสียงพึมพำเซ็งแซ่รอบข้างจึงเงียบสนิท
“อา!  วิญญาณที่ชุ่มบาปอีกดวงแล้ว   ที่จะต้องไปสู่ที่ที่เคยอาศัยแห่งมัน....”
เสียงนั้นแม้จะทรงพลังอำนาจแต่หางเสียงเจือด้วยความเหนื่อยหน่าย
เสียงของอิสตรีโดยแท้ !.....


                                               

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 02, 2011, 02:02:20 am โดย ปาริชาต »

ออฟไลน์ แก้วจ๋าหน้าร้อน

  • สิ่งใดคือธรรมะ สิ่งนั้นย่อมดีแล้วสูงสุด
  • ทีมงานกวาดลานดิน
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 6503
  • พลังกัลยาณมิตร 1741
  • ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครอง
    • kaewjanaron
    • facehot
    • ดูรายละเอียด
    • ใต้ร่มธรรม
Re: มัจจุราชสีน้ำผึ้ง
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: สิงหาคม 22, 2011, 03:15:09 am »
 :13: เป็นกำลังใจครับพี่ปา
การโพสภาพโดยใช้เว็บฝากไฟล์ภาพ imageshack.us/ (เว็บกบ)
การปรับแต่งห้องสมาชิกไร้ขีดจำกัด Ultimate Profile + ห้องเพลงส่วนตัว
การตั้งกระทู้และการโพสกระทู้ในเว็บใต้ร่มธรรมครับ
การแก้ไข้ข้อมูล ชื่อ ระหัส ส่วนตัวของสมาชิกใต้ร่มธรรมครับ
การใส่รูปประจำตัวเรา Avatar รวมทั้งลายเซ็นต์ ในกระทู้หรือโพสของเราครับ
เพิ่มไอคอน ทวิสเตอร์ เฟชบุ๊ค ยูทูบ ในโปรโปรไฟล์ของเรา
การสร้างอัลบั้มภาพส่วนตัวในห้องสมาชิก Profile Pictures
การเพิ่มเพื่อน กัลยาณมิตรใต้ร่มธรรม ในห้องสมาชิกส่วนตัว
การดูกระทู้ทั้งหมดที่เรายังไม่ได้อ่านครับ
โค้ดสี bb color code ไว้สำหรับโพสกระทู้ครับ
*วิธีเคลียร์แคชในทุกเว็บเบราว์เซอร์ครับ เมื่อคอมอืด*

ห้องประชุมของทีมงาน
~ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ~

ออฟไลน์ ปาริชาต

  • เกล็ดเมล็ด
  • *
  • กระทู้: 8
  • พลังกัลยาณมิตร 31
    • ดูรายละเอียด
Re: มัจจุราชสีน้ำผึ้ง
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กันยายน 02, 2011, 02:06:20 am »
:13: เป็นกำลังใจครับพี่ปา

งี้ค่อยมีกำลังใจหน่อย อิอิ ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ ปาริชาต

  • เกล็ดเมล็ด
  • *
  • กระทู้: 8
  • พลังกัลยาณมิตร 31
    • ดูรายละเอียด
Re: มัจจุราชสีน้ำผึ้ง
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กันยายน 02, 2011, 02:39:09 am »


ชายที่แอบอยู่ข้างเสาต้นใหญ่รู้สึกถึงความเย็นเฉียบที่แล่นจากปลายนิ้วสู่หัวใจด้วยความหวาดกลัว   สำนึกบางอย่างบอกให้รู้ว่ากำลังอยู่ในเหตุการณ์ที่น่าสะพึงเกินกว่าจะคาดเดาได้  เขาพยายามที่จะบีบตัวให้เล็กลงจนแทบว่าจะหายเข้าไปในเสาต้นนั้นหากทำได้ 

และเหมือนจะรู้ว่าตัวเองได้พลัดหลงเข้ามา ณ ที่ซึ่งไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง  แม้จะยังไม่อาจสำเหนียกได้ว่านี่คือที่ใดก็ตาม 
รอบด้านมีแต่ความสลัวราง  เสียงหวีดหวิวโหยหวนดังแว่วมาจากที่ไกลๆนั้น   เป็นเสียงแห่งความเจ็บปวดทุกข์ทรมาณอย่างแสนสาหัส ชวนให้เกิดความสังเวชเป็นล้นพ้น   
บางขณะก็แทรกด้วยเสียงครืนๆ  เลื่อนลั่นราวกับการเคลื่อนย้ายของภูเขา  บรรยากาศอวลด้วยไอร้อนอย่างสุดที่จะประมาณได้


ไกลสุดสายตาออกไปมีแสงเรื่อเรืองคล้ายไฟป่าที่กำลังโหมฮืออยู่รอบทิศ   เขาพยายามเก็บภาพทุกภาพที่ตามองเห็นได้ในความสลัวรางนั้น  อย่างจะให้แจ้งชัดว่า  นี่คือสถานที่ใด แล้วจึงมาหยุดลงตรงพื้นเบื้องหน้าระดับที่ตัวเองยืนอยู่ 

ห่างออกไปไม่ไกลนักมีเงาตะครุ่มของร่างสามร่าง   คนอยู่ตรงกลางเห็นได้ชัดว่ากำลังถูกฉุดกระชากและผลักไสให้คุกเข่าลง  หากคนถูกกระชากกลับฮึดฮัดออกแรงอย่างสุดกำลังเพื่อจะสะบัดตัวให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม 
ซึ่งก็ไม่เป็นผลแม้ว่าสองร่างที่ขนาบข้างที่กำลังเกาะกุมตัวนั้นดูเหมือนจะมิได้ใช้กำลังในการกุมแต่อย่างใดด้วยซ้ำ 


คนที่กระหนาบอยู่ด้านขวาออกแรงผลักแต่เพียงเบาๆ  ร่างที่ถูกกุมอยู่ก็ถึงกลับถลาลงพื้นอยู่ในท่าหมอบกราบอย่างแปลกประหลาด......

“ก้มหัวลงไป   อย่าได้บังอาจ   เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะมองสูงไปกว่าพื้นเบื้องพระบาทได้”
 
เจ้าของเสียงผู้ผลักไสในคราแรกก้าวตามมากดหัวชายที่หมอบในท่ากราบให้ก้มลงจนจรดพื้น   
อย่างไม่อาจขัดขืน  แต่เขาก็หันขวับมาถามเจ้าของเสียงที่ยืนค้ำหัวอย่างโมโหสุดกำลัง


เสี้ยวหน้าที่ปรากฎในความสลัวรางนั้นทำให้ชายผู้แอบอยู่ข้างเสาต้นใหญ่ถึงกับผงะด้วยความคาดไม่ถึง!

                                                                                         
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 02, 2011, 02:49:24 am โดย ปาริชาต »