ผู้เขียน หัวข้อ: ความทรงจำนอกมิติ : “เราอยู่ในจักรวาลนี้เพียงลำพังหรือไม่?”  (อ่าน 2181 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด


ภาพยนตร์ไซไฟเรื่อง Apollo 18 กำลังจะเข้าฉายในเมืองไทย มีคอหนังไม่น้อยสงสัยว่า นักบินอวกาศขององค์การ NASA เจอ Alien ที่ดวงจันทร์จริงหรือ
 เอาแล้วซิดูเหมือนจะซ้ำรอย ข้อสงสัยที่ว่า Apollo 13 พานักบินอวกาศสหรัฐในยุคสงครามเย็นลงที่ดวงจันทร์จริงหรือไม่?
 ก่อนจะไปดูว่าถึง Apollo 18 เจอ Alien ที่ดวงจันทร์จริงหรือไม่ มาทำความรู้จักกับโครงการ Apollo เป็นโครงการต่อเนื่องเมอร์คิวรี่และเจมินี่ มีเป้าหมายสำคัญคือ จะนำมนุษย์ลงไปสำรวจดวงจันทร์ ใช้มนุษย์อวกาศขึ้นไปครั้งละ  3 คน ตัวยานอวกาศประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วน คือ ยานบังคับการ    ยานบริการ และยานลงดวงจันทร์
 โครงการอพอลโลเริ่มส่งมนุษย์ขึ้นโคจรในอพอลโล โดยขึ้นไปโคจรรอบโลก 163 รอบ ในปี พ.ศ.2511 โดยมนุษย์อวกาศชุดแรกลงไปเหยียบดวงจันทร์  คือนักบินของยานอพอลโล 11 จำนวน 3 คน คือ นีล อาร์มสตรอง เอ็ดวิน อี-แอลดริน และไมเคิล คอลลินส์
 แต่กว่าจะเหยียบดวงจันทร์ได้ โครงการนี้มีทั้งล้มเหลวและประสบความสำเร็จ
   ไล่ตั้งแต่ Apollo 1 ปล่อยยานวันที่ 27 มกราคม ค.ศ.1967 แต่เกิดอุบัติเหตุนักบินเสียชีวิต 3 คน Apollo 4 ทดสอบโคจรรอบโลก Apollo 5 ทดสอบโคจรรอบโลก Apollo 6 ทดสอบโคจรรอบโลก Apollo 7 ทดสอบโคจรรอบโลกโดยมีนักบิน Apollo 8 (21 ธันวาคม ค.ศ.1968) ทดสอบโคจรรอบดวงจันทร์     Apollo 10 (18 พฤษภาคม ค.ศ.1969) ทดสอบโคจรรอบดวงจันทร์ Apollo 11  (16 กรกฎาคม ค.ศ.1969) ลงจอดบนดวงจันทร์ครั้งแรก Apollo 12 (14  พฤศจิกายน ค.ศ.1969) ลงจอดบนดวงจันทร์ Apollo 13 (11 เมษายน ค.ศ. 1970) เกิดอุบัติเหตุไม่ได้ลงจอด Apollo 14 ลงจอดบนดวงจันทร์ Apollo 15 ลงจอดบนดวงจันทร์ Apollo 16 ลงจอดบนดวงจันทร์ Apollo 17 ลงจอดบนดวงจันทร์ครั้งสุดท้าย
 ดังนั้น Apollo 18 ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะ Apollo มีแค่หมายเลข 17 เท่านั้น 
 และไม่มีนักบินอวกาศคนไหนไปจ๊ะเอ๋กับเอเลี่ยนที่ดวงจันทร์
 Apollo 18 เป็นภาพยนตร์ที่หยิบเอาบรรยากาศของ Apollo 13 มาดัดแปลง เล่าเป็นตุเป็นตะ ว่าด้วยเรื่องราวของภารกิจลับที่เคยเกิดขึ้นจริงของยาน  Apollo 18 เมื่อปี 1970 จากองค์การ NASA ในการตามหาเอเลี่ยนที่อยู่บนดวงจันทร์ ซึ่งนักบินอวกาศพบรอยเท้าของมันบนดวงจันทร์ นักบินอวกาศที่ร่วมในภารกิจต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ต้องเสี่ยงตายและลุ้นระทึกเมื่อรอยเท้าที่ตามหามันคือ Alien นั่นเอง
 เป็นอันว่า "นีล อาร์มสตรอง" กับ "บัซ อัลดริน" 2 มนุษย์อวกาศสหรัฐ ก้าวเท้าย่ำดวงจันทร์ครั้งแรก 20 กรกฎาคม พ.ศ.2512 ไม่มีใครเจอ Alien แต่อย่างใด
 มีเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ของโลกยุคสงครามเย็นที่ 2 มหาอำนาจ "สหรัฐ-รัสเซีย" แข่งกันไปดวงจันทร์ จนอาม่า อากง จากเมืองจีนพากันค้อนขวับเข้าให้" อีไปเหยียบลวงจัง เลี้ยวอัวจาไหว้ลวงจังยางงาย" ว่าเข้าไปนั่น
 เรื่องมีอยู่ว่าวันที่  "นีล อาร์มสตรอง" เหยียบดวงจันทร์ พร้อมประโยคสุดเท่ "นี่เป็นก้าวเล็กๆ ของมนุษย์คนหนึ่ง แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ"  นั้น รัฐบาลสหรัฐ และองค์การอวกาศสหรัฐ หรือ NASA นั่นแหละ ถ่ายทอดสดภาพประวัติศาสตร์ดังกล่าวไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย
 แต่มีสิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนอาจไม่ทราบก็คือ การถ่ายทอดครั้งนั้นต้องใช้กล้องโทรทัศน์ถ่ายภาพมาจากหน้าจอมอนิเตอร์ของ NASA อีกชั้นหนึ่ง เนื่องจากเทคโนโลยี NASA ขณะนั้นยังเชื่อมต่อกับระบบกระจายภาพทางทีวีไม่ได้
 ถ้าเป็นสมัยนี้ "ขนม"
 แต่หลังจากโครงการอพอลโลสิ้นสุดลง บรรดา "ข่าวลือ-ทฤษฎีสมคบคิด"  ทำนองว่ารัฐบาลสหรัฐจัดฉากภารกิจเหยียบดวงจันทร์ หวังต้มตุ๋นแหกตาชาวโลกก็ผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ที่ดังๆ ก็เช่น
 เรื่องทั้งหมดถ่ายทำในสตูดิโอภาพยนตร์ เป็นการจัดฉากแหกตา 100%  เพื่อแสดงแสนยานุภาพเหนือโซเวียต โดยข้อกล่าวหานี้มีข้อสนับสนุนจากการชี้ให้เห็นสิ่งผิดปกติที่ปรากฏในภาพขณะเหยียบพื้นผิวดวงจันทร์
 จัดฉากบางส่วน คือ อพอลโล 11 นำอาร์มสตรอง อัลดริน และไมเคิล คอลินส์ ออกไปนอกโลกสู่ดวงจันทร์จริง แต่ไปได้แค่ครึ่งทาง จากนั้นช่างเทคนิคก็นำภาพในยานมาตัดต่อเข้ากับภาพเหยียบดวงจันทร์ที่ถ่ายในสตูดิโอเตรียมเอาไว้แล้ว
 บางทฤษฎีก็บอกว่า ทีมอพอลโล 11 ไปถึงพื้นดวงจันทร์จริง แต่นาซาเอารูปปลอมมาเผยแพร่ เพราะกลัวชาติคู่แข่งนำข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ไปใช้
 ปลอมหรือไม่ มาถึงทุกวันนี้ NASA ยังต้องออกมาชี้แจงเป็นระยะๆ ว่า จริงแท้แน่นอน แต่ก็ยังมีคำถามอยู่ดี
 และดูท่าว่า NASA ไม่มีทางสร้างความน่าเชื่อถือได้อีกต่อไป เมื่อจู่ๆ วันที่  15 สิงหาคม ปี 2006 "เกรย์ โฮทาโลมา" โฆษกกองการ NASA สารภาพท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องของผู้ที่ยืนยันในทฤษฎีสมคบคิดว่า นาซาทำเทปแม่เหล็กตัวต้นฉบับ ที่บันทึกภาพภารกิจ-การสื่อสารระหว่างอพอลโล 11 กับสถานีภาคพื้นดินหายเกลี้ยง
 รื้อทุกซอกทุกมุมรวมทั้งรูหนูใน NASA ก็ไม่ยักเจอ รวมถึงเทปซึ่งใช้บันทึกเหตุการณ์ขณะอาร์มสตรองพูดประโยคอมตะยามสัมผัสพื้นดวงจันทร์
 "That's one small step for a man, One giant leap for mankind."
 ก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติหายไปซะงั้น!
  แต่ไม่เป็นไร เพราะพวก NASA กำลังสุมหัวเตรียมเดินทางกลับไปดวงจันทร์อีกครั้ง หลัง Apollo 17 ไปลงจอดที่ดวงจันทร์เมื่อ 39 ปีที่แล้ว
 NASA วางแผนส่งยานอวกาศขึ้นไปสำรวจดวงจันทร์อีกครั้งในเบื้องต้นก่อนในเดือนตุลาคม พ.ศ.2551 ซึ่งก็จะทำการสำรวจสถานที่ที่เหมาะสมที่จะตั้งสถานีฐานบนดวงจันทร์ คาดว่าจะเป็นบริเวณใดบริเวณหนึ่งแถวๆ ขั้วเหนือของดวงจันทร์ เนื่องจากว่าเป็นบริเวณที่จะมีแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ส่องเกือบตลอดเวลา คือประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์
 ภารกิจของโครงการนี้คือไประเบิดเจาะพื้นผิวดวงจันทร์ในการหาน้ำ ซึ่งจะส่งผลต่อการสร้างอาณานิคม เผื่อวันข้างหน้าหลังจากโลกเราเน่าสนิท เพราะมนุษย์ทำลายล้าง ดวงจันทร์จะกลายเป็นบ้านใหม่ของมนุษย์ (คิดได้ไง)
 ในวันที่มีการฉลองครบรอบ 40 ปี "มนุษยชาติ" สร้างประวัติศาสตร์จารึกรอยเท้าบนดวงจันทร์ ที่อาร์มสตรอง กับบัซ อัลดริน ควบคุมอีเกิลบินเดี่ยวลงจอดยังพื้นผิวดวงจันทร์ตรงจุดที่เรียกว่า "ทะเลแห่งความสงบ"
 ขณะที่คอลลินส์เฝ้าดูสถานการณ์อยู่บนยานบังคับการ เช่นเดียวกับประชากรทั่วโลกที่รับชมนาทีระทึกผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์
 ดร.บัซ อัลดริน ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงหนึ่งในนโยบายนาซาที่ตั้งเป้าส่งมนุษย์กลับไปดวงจันทร์อีกครั้งว่า "เราจะกลับไปดวงจันทร์อีกทำไมกันครับ จริงอยู่บางประเทศต้องการไปดวงจันทร์เพื่อเกียรติภูมิของชาติ เพื่อสร้างชื่อว่าเป็นชาติแรกในศตวรรษที่ 21 ที่ส่งคนไปดวงจันทร์ และต้องการให้นาซาลงไปแข่งขันด้วย แต่ไม่มีเหตุผลที่เราต้องทำแบบนั้น"
          "เราควรมองไปที่ภารกิจระยะยาวในอวกาศ เช่น บินสำรวจดาวเคราะห์น้อย ตั้งฐานถาวรบนดวงจันทร์ รวมถึงเดินหน้าแผนสำรวจดาวอังคาร เพราะเป็นดาวดวงเดียวในระบบสุริยะที่มีความเป็นไปได้ในการตั้งนิคมมนุษย์มากที่สุด
 "สหรัฐช่วยพาโลกมนุษย์ไปสู่ดวงจันทร์เมื่อ 40 ปีก่อน และมีความสามารถพอจะช่วยพาโลกมุ่งตรงไปสู่ดาวอังคารเช่นกัน สิ่งที่เราต้องการก็คือความมุ่งมั่น  เจตจำนงอันแรงกล้า และจินตนาการ"
 เอ่อ...พูดราวกับว่า เคยนั่งรถไฟไปลงนครปฐมแล้ว เที่ยวหน้าน่าจะไปหัวหินมากกว่า จะไปย่ำที่นครปฐมทำไม อะไรทำนองนั้น
 อันที่จริงทุกวันนี้ดาวอังคารกับโลกเริ่มใกล้กันเข้าไปทุกที ไม่ใช่ระยะทางมันใกล้นะ แต่มันใกล้แค่ปลายนิ้ว ดาวน์โหลดโปรมแกรม Google Earth มาไว้ในคอมพิวเตอร์เราก็สามารถท่องดาวอังคารได้แล้ว แถมยังได้เห็นหินรูปร่างหน้าตาประหลาด ดูยังไงก็คล้ายรูปปั้นนางเงือกที่แหลมสมิหลา ราวกับว่ามี "ผู้สร้าง" ไปปั้นเอาไว้ แล้วทึกทักเอาว่า ที่นั่นเคยมีอารยธรรมมาก่อน
 “เราอยู่ในจักรวาลนี้เพียงลำพังหรือไม่?”
      อ้าว...สุดท้ายมาลงที่ Alien อีกจนได้
 แล้วมันมีจริงหรือ ไอ้เจ้า Alien นี่? เรื่องนี้คงหาคำตอบแบบฟันธงไม่ได้  แต่เอาเป็นว่า จากการประมาณดาวฤกษ์ 2 แสนล้านดวงในเอกภพ อาจจะมีดาวเคราะห์ที่สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ประมาณ 4 หมื่นล้านดวง
 อ่านเสร็จแล้วอย่าลืมแหงนมองท้องฟ้า สักวันคุณอาจเจอ "ผู้มาเยือน" ก็ได้ใครจะไปรู้.
          กาลิเลอี

http://www.thaipost.net/sunday/040911/44418
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...