ผ. พูดว่า นึก ๆ ก็น่าอัศจรรย์ใจเรื่องพระนิพพาน สังขารทั้งหลายดับไปหมดแล้ว จะไม่มีอะไร ที่ไม่ใช่สังขาร คือ สิ่งที่เหลืออยู่ เพราะพระนิพพานนั้นเป็น
วิสังขาร ข้าพเจ้าใส่ใจในเรื่องพระนิพพาน เพราะนึกถึงแล้วทำใจให้ฉงนสนเท่ห์ ตกลงประพฤติปฏิบัติเรื่อย ๆ ไป ถึงพระนิพพานเมื่อไรก็รู้ได้เอง
ฝ. พูดว่า พระนิพพานไม่ใช่ศูนย์ คือ ของเก่าดับไป ของใหม่เกิดแทน เช่น พระโสดาบัน
ละสังโยชน์ ๓ ได้หมด ทุกข์มีชาติเป็นต้น ก็ดับไปได้มาก ที่เหลืออยู่ก็น้อย คือ ๑ ชาติ ๓ ชาติ หรืออย่างช้าเพียง ๗ ชาติ และมีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้มีอริยมรรคกำหนดแน่แล้ว มีอันจะตรัสรู้ได้เองในเบื้องหน้า เพราะละสักกายทิฏฐิหมดไป จึงมีสัมมาทิฏฐิเกิดขึ้นแทน และละวิจิกิจฉาหรือสีลัพพัตหมดไป จึงมีอจลสัทธามาแทน เช่น พระสกิทาคามี ทำราคะ โทสะ โมหะให้เบาบาง จะมาเกิดในโลกนี้อีกคราวเดียวเท่านั้น ก็จะถึงที่สุดแห่งทุกข์ นี่เรียกว่า ทำของเก่าให้หมดไป จึงมีของใหม่เกิดขึ้นแทน คือ คุณธรรมที่ยิ่งกว่าพระโสดาบันขึ้นไปส่วนพระอนาคามีละสังโยชน์ ๕ เบื้องต่ำได้แล้ว เกิดในสุทธาวาสพรหมโลก และจักปรินพพานในที่นั่น นี้เรียกว่า ทำกิเลสและชาติภพซึ่งเป็นของเก่าให้หมดไป ของใหม่เกิดขึ้นแทน คือ เพราะท่านสิ้นไปจากกามราคสังโยชน์ จึงถึงพร้อมด้วยองค์คุณ กล่าวคือ ใจที่สงัดจากกามมาแทน และท่านสิ้นไปจากปฏิฆสังโยชน์ จึงถึงพร้อมด้วยองค์คุณ คือ เมตตากรุณามาเกิดแทน พระอริยสาวกที่ได้บรรลุเสขคุณแล้ว ชื่อว่า สอุปกาทิสสนิพพาน
ส่วนพระอรหันต์ ละตัณหาความอยากสิ้นแล้ว สิ้นอาสวะอยู่จบพรหมจรรย์แล้ว มีกิจที่ควรทำ ได้ทำสำเร็จแล้ว ปลงภาระแล้ว มีประโยชน์ตนถึงโดยลำดับแล้ว มีสังโยชน์ในภพสิ้นแล้ว พ้นวิเศษแล้ว เพราะรู้ทั่วถึงด้วยอาการอันชอบ ส่วนกิเลสอาสวะที่พระอรหันต์ละได้ หมดสิ้นเชิงและสิ้นชาติ ไม่มีปฏิสนธิในภพ คือ อนุปาทิเสสปรินิพพาน นี้ชื่อว่าทำของเก่า คือ สมุทัยกับทุกข์ให้หมดไป ของใหม่เกิดขึ้นแทนนั้น คือ ถึงพร้อมด้วยคุณธรรมที่เรียกว่า อริยวาสธรรม คือ ธรรมอันที่อยู่ของพระอริยเจ้า ๑๐ ประการ๑. ปญฺจงฺควิปฺปหีโน มีองค์ ๕ คือ
นิวรณ์อัน
ละเสียแล้ว
๒. ฉฬงฺคสมนฺนาคโต ประกอบด้วยองค์ ๖ คือ
ฉฬังคุเบกขา๓. เอการกฺโข มีธรรมรักษาทั่วกันอันหนึ่ง คือ
สติ๔. จตุราปสฺเสโน มีธรรมดั่งพนัก เป็นที่อิง ๔ อย่าง คือ
พิจารณาแล้ว จึงส้องเสพ อดทน หลบหลีก ถ่ายถอน๕. ปนุณฺณปจฺเจกสจฺโจ มีของจริงเฉพาะอัน ๆ หนึ่ง
บรรเทาเสียแล้ว คือ ละมิจฉา ทิฏฐิ ๑๐ อันเป็นอัพยากตวัตถุ มีเห็นรูปเที่ยง เป็นต้น
๖. สมวยสฏเฐสโน
มีความแสวงหาอันให้สะเทือน ละเสียโดยชอบแล้ว คือ ละความแสวงหา ๓ อย่าง กาม ๑ ภพ ๑ พรหมจรรย์ ๑๗. อนาวิลสงฺกปฺโป มีความ
ดำริอันไม่ขุ่นมัว คือ ละความดำริที่ประกอบด้วย กิเลสกาม วัตถุกาม และวิตก
ที่ประกอบด้วยพยาบาท และวิหิงสา
๘. ปสฺสทฺธกายสงฺขาโร
มีกายสังขาร คือ ลมอัสสาสะ ปัสสาสะ ระงับแล้ว คือ บรรลุจตุตถฌาน
๙. สุวิมุตฺตจิตฺโต มีจิตพ้นวิเศษดีแล้ว คือ
มีจิตพ้นจากราคะ โทสะ โมหะ
๑๐. สุวิมุตฺตปญฺโญ
มีปัญญาพ้นวิเศษแล้ว คือ รู้ชัดว่า ราคะ โทสะ โมหะ เราละ เสียหมดแล้ว ดั่งนี้
ผ. กล่าวว่า สาธุ ท่านอธิบายธรรมชั้นสูงให้ข้าพเจ้าเข้าใจได้แจ่มแจ้งดี ในเรื่องพระนิพพาน คือ ของเก่า ได้แก่
สมุทัยกับทุกข์ดับไป จึงมีคุณธรรมของใหม่เกิดขึ้นแทน ซึ่งเป็นธรรมที่ไม่กำเริบ
เพราะมิใช่สังขาร เพราะฉะนั้น พระนิพพานจึงไม่ศูนย์ ข้าพเจ้าขออนุโมทนา ความสามารถรอบรู้ในธรรมที่ละเอียดเหล่านั้นกะท่านด้วย.
นำมาแบ่งปันโดย :
หนวดเต่า :http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=19374&p=272366#p272366จิงกาเบล :http://agaligohome.com/index.php?topic=4842.msg13384;topicseen#msg13384Pics by :
Googleอกาลิโกโฮม *
สุขใจดอทคอมใต้ร่มธรรมดอทเนต อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ