ตถาคตเป็น เพียงผู้บอกทางดูกรจุนทะ บุคคลนั้นหนอ จมอยู่ด้วยตนแล้ว จักฉุดผู้อื่น
ที่จมอยู่ขึ้นได้ ข้อนี้มิใช่ฐานะที่จะมีได้
ดูกรจุนทะ บุคคลนั้นหนอ ไม่ฝึกฝน ไม่อบรม
ไม่ดับกิเลสด้วยตนแล้ว จักยังผู้อื่นให้ฝึกฝน
ให้อบรมให้ดับกิเลสได้ ข้อนี้มิใช่ฐานะที่จะมีได้.
สัตว์ เหล่านั้น ไม่ยังบุคคลอื่น ให้หลุดพ้นได้อย่างนี้.
อีกอย่างหนึ่ง ไม่มีใครๆ อื่นที่จะยัง สัตว์เหล่านั้นให้พ้นได้
ถ้าสัตว์เหล่านั้น จะพึงพ้นได้ไซร้ สัตว์เหล่านั้น
ก็ปฏิบัติอยู่ซึ่ง สัมมาปฏิบัติ อนุโลมปฏิบัติ อปัจจนิก ปฏิบัติ
อนวัตถ ปฏิบัติ ธัมมานุธัมมา ปฏิบัติโดยตนเอง ด้วยเรี่ยวแรง
กำลัง ความเพียร ความบากบั่น เรี่ยวแรงของบุรุษ
กำลังของบุรุษ ความเพียรของบุรุษ ความบากบั่นบุรุษ ของตนเอง
จึงจะพึงพ้น ได้เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า
และไม่ยังบุคคลอื่น ให้หลุดพ้นแม้ ด้วยประการอย่างนี้.
ดู กรโธตกมาณพ เราไม่อาจยังใครๆ ที่มีความสงสัย
ในโลกให้หลุดพ้นได้ แต่ท่านรู้เฉพาะอยู่ซึ่ง ธรรมอันประเสริฐ
พึงข้าม ห้วงทุกข์นี้ได้ ด้วยประการ อย่างนี้.
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า..
.. และไม่ยัง บุคคลอื่นให้หลุดพ้น แม้ด้วย ประการอย่างนี้.
สมจริงดังที่ พระผู้มีพระภาค ตรัสว่า
ความชั่ว อันบุคคล กระทำด้วยตน บุคคลนั้น
จัก เศร้าหมองด้วยตนเอง
ความชั่ว อันบุคคล ไม่กระทำด้วยตน บุคคลนั้น
จะ บริสุทธิ์ด้วย ตนเอง
ความบริสุทธิ์ และ ความไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตน
ผู้อื่นไม่พึงให้ ผู้อื่นบริสุทธิ์ได้.
ดูกร พราหมณ์ ข้อนี้ก็ฉันนั้น นิพพานก็ตั้งอยู่
หนทางไป นิพพานก็ตั้งอยู่ เราผู้ชักชวนก็ ตั้งอยู่
ก็เมื่อเป็นดังนั้น สาวกทั้งหลาย ของเรา
ผู้อันเราสั่งสอน อยู่อย่างนี้ พร่ำสอนอยู่อย่างนี้
บางพวก ก็บรรลุถึงนิพพาน อันแน่นอน โดยส่วนเดียว
บางพวกก็ไม่บรรลุ
ดูกรพราหมณ์ ในเรื่องนี้ เราจะทำ อย่างไรได้
ดูกรพราหมณ์ พระตถาคต เป็น เพียงผู้บอกหนทาง
พระพุทธเจ้า ย่อมบอกหนทาง สัตว์ทั้งหลายผู้ปฏิบัติอยู่
ด้วยตนเอง จึงจะพึงหลุดพ้นได้ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า
และไม่ยังบุคคลอื่นให้ หลุดพ้นแม้ด้วยประการอย่างนี้.
เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่า สัตว์เหล่านั้นเป็น..
.. ผู้หลุดพ้นได้ยาก และไม่ยังบุคคลอื่น ให้หลุดพ้น.
มหานิ. ขุ. ๒๙/๒๘/๓๗
***********************
ตถาคตเป็นเพียงผู้บอกทางเท่านั้น
“ก็สาวกของพระโคดมผู้เจริญ เมื่อพระโคดมได้กล่าวสอน
พร่ำสอนอยู่อย่างนี้ ทุก ๆ องค์ได้บรรลุนิพพาน อันเป็นผลสำเร็จ
ถึงที่สุดอย่างยิ่ง หรือว่าบางองค์ไม่ได้บรรลุ ?”
พราหมณ์คณกโมค-คัลลานะ ทูลถาม.
พราหมณ์ ! สาวกของเรา แม้เรากล่าวสอน
พร่ำสอนอยู่อย่างนี้ น้อยพวกที่ได้บรรลุนิพพาน อันเป็น
ผลสำเร็จถึงที่สุดอย่างยิ่ง, บางพวกไม่ได้บรรลุ.
“พระโคดมผู้เจริญ ! อะไรเล่าเป็นเหตุ อะไรเล่าเป็น
ปัจจัย, ที่พระนิพพาน ก็ยังตั้งอยู่, หนทางเป็นที่ยังสัตว์ให้ถึงนิพพาน
ก็ยังตั้งอยู่, พระโคดมผู้ชักชวน (เพื่อการดำเนินไป) ก็ยังตั้งอยู่,
ทำไมน้อยพวกที่บรรลุ และบางพวกไม่บรรลุ ?”
พราหมณ์ ! เราจักย้อนถามท่านในเรื่องนี้ ท่าน
จงตอบตามควร, ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญในหนทางไปสู่เมือง
ราชคฤห์ มิใช่หรือ, มีบุรุษผู้จะไปเมืองราชคฤห์ เข้ามาหา
และกล่าวกับท่านว่า“ท่านผู้เจริญ ! ข้าพเจ้าปรารถนาจะไปเมืองราชคฤห์
ขอท่านจงบอกทางไปเมืองราชคฤห์ แก่ข้าพเจ้าเถิด”
ท่านก็จะกล่าวกะบุรุษนั้นว่า
“มาซิท่าน, ทางนี้ไปเมืองราชคฤห์ ไปได้ครู่หนึ่งจักพบ
บ้านชื่อโน้น แล้วจักเห็นนิคมชื่อโน้น จักเห็นสวนและป่า
น่ารื่นรมย์ จักเห็นภูมิภาคอันน่ารื่นรมย์ สระโบกขรณีน่ารื่นรมย์
ของเมืองราชคฤห์” ดังนี้.
บุรุษนั้น อันท่านพร่ำบอกพร่ำชี้ให้อย่างนี้ ก็ยัง
ถือเอาทางผิด กลับหลังตรงข้ามไป, ส่วนบุรุษอีกคนหนึ่ง
(อันท่านพร่ำบอกพร่ำชี้อย่างเดียวกัน) ไปถึงเมืองราชคฤห์
ได้โดยสวัสดี.
พราหมณ์ ! อะไรเล่าเป็นเหตุ อะไรเล่าเป็น
ปัจจัย, ที่เมืองราชคฤห์ ก็ยังตั้งอยู่, หนทางสำหรับไปเมือง
ราชคฤห์ ก็ยังตั้งอยู่, ท่านผู้ชี้บอก ก็ยังตั้งอยู่, แต่ทำไมบุรุษ
ผู้หนึ่งกลับหลังไปผิดทาง, ส่วนบุรุษผู้หนึ่งไปถึงเมืองราชคฤห์
โดยสวัสดี ?
“พระโคดมผู้เจริญ ! ในเรื่องนี้ข้าพเจ้าจักทำอย่างไรได้เล่า,
เพราะข้าพเจ้าเป็นเพียงผู้บอกทางเท่านั้น”.
พราหมณ์ ! ฉันใดก็ฉันนั้น,
ที่พระนิพพาน ก็ยังตั้งอยู่,
ทางเป็นเครื่องถึงพระนิพพาน ก็ยังตั้งอยู่,
เราผู้ชักชวน ก็ยังตั้งอยู่,
แต่สาวกของเรา แม้เรากล่าวสอน พร่ำสอนอยู่
อย่างนี้ น้อยพวกได้บรรลุนิพพาน อันเป็นผลสำเร็จถึง
ที่สุดอย่างยิ่ง, บางพวกไม่ได้บรรลุ.
พราหมณ์ ! ในเรื่องนี้เราจักทำอย่างไรได้เล่า,
เพราะเราเป็นเพียงผู้บอกทางเท่านั้น.
อุปริ. ม. ๑๔/๘๕/๑๐๑.
>>> F/B พระพุทธเจ้า