น้ำท่วมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งประเทศไทยคราวนี้ ถูกจับตามองจากทั่วโลก โดยเฉพาะนักวิทยาศาสตร์พากันสุมหัวดีดลูกคิด เคาะโป้ง! สภาพภูมิอากาศของโลกที่สกปรกไปด้วยก๊าซเรือนกระจกใบนี้เปลี่ยนแปลงไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
นับจากนี้อะไรที่ไม่เคยเกิดมันจะเกิด
วันข้างหน้าอย่าหัวร่อถ้าหิมะตกที่เชียงราย หรือเชียงใหม่ แม่ฮ่อนสอน จังหวัดเลยก็อยู่ในข่าย
เอาเถอะ หิมะตกเมื่อไหร่คนไทยคงเฮกันทั้งบาง ธุรกิจท่องเที่ยวคงครึกครึ้น แต่เรื่องน้ำเรื่องแล้งต้องเตรียมตัวกันให้ดี
ที่ราบลุ่มภาคกลางหลังน้ำลดหนนี้ อย่าให้โผล่แต่ตอ บรรดา "ฯพณฯ-ฯพณเธอ" ต้องเตรียมการรับมือทันที จะลงทุนแสนล้านขุดแม่น้ำเจ้าพระยา 2 ลากยาวจากปากน้ำโพธิ์ถึงอ่าวไทยก็ต้องทำ หน้าฝนก็เอาไว้ระบายน้ำ หน้าแล้งก็เอาไว้เก็บน้ำ "ทูอินวัน" แบบนี้สุดคุ้ม
หรือไม่ก็ไม่ต้องทำ ไว้ปีหน้ารอให้นิคมอุตสาหกรรมจม รัฐมนตรีไทยคอยกอดคอนักธุรกิจญี่ปุ่นยืนมองดูความสูญเสียเป็นแสนล้าน ก็เลือกเอา!
น้ำมาจากไหนนักหนา หลายคนคงสงสัย
ตอบแบบกวนๆ น้ำ Water หรือ Dihydrogenoxide สูตรทางเคมีคือ H2O เกิดจากการที่ 2 (H2) (ก๊าซไฮโดรเจน 2 โมเลกุล) +O2 (ก๊าซออกซิเจน 1 โมเลกุล) --> 2 (H2O)
ที่ไม่กวนแล้วชาวโลกต้องตระหนักคือ น้ำมากเพราะฝีมือมนุษย์ที่ทำลายธรรมชาติ จนในที่สุดธรรมชาติเอาคืน เพราะภาวะโลกร้อนนั่นมีความสัมพันธ์กับปรากฏการณ์ลานีญาและเอลนีโญที่จะถี่ขึ้นกว่าในอดีต
ปรากฏการณ์ ลานีญา เป็นปรากฏการณ์ที่ตรงข้ามกับ เอลนีโญ คือ อุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณเส้นศูนย์สูตรในมหาสมุทรแปซิฟิกกลางและตะวันออกมีค่าต่ำกว่าปกติ
อธิบายตามทฤษฎีคือ กลมค้า (trade wind) ตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดอยู่เป็นประจำในแปซิฟิกเขตร้อนทางซีกโลกใต้ (ละติจูด 0.03 องศาใต้) มีกำลังแรงกว่าปกติ จึงพัดพาผิวน้ำทะเลที่อุ่นจากแปซิฟิกเขตร้อนตะวันออก (บริเวณฝั่งเอกวาดอร์ เปรู และชิลีตอนเหนือ) ไปสะสมอยู่ทางแปซิฟิกเขตร้อนตะวันตก (บริเวณชายฝั่งอินโดนีเซียและออสเตรเลีย) มากยิ่งขึ้น จึงทำให้ทางแปซิฟิกเขตร้อนตะวันตก ซึ่งแต่เดิมมีอุณหภูมิผิวน้ำทะเลและระดับน้ำทะเลสูงกว่าทางแปซิฟิกเขตร้อนตะวันออกอยู่แล้ว กลับยิ่งมีอุณหภูมิผิวน้ำทะเลและระดับน้ำทะเลสูงกว่าทางแปซิฟิกเขตร้อนตะวันออกมากยิ่งขึ้นไปอีก มีผลทำให้ทางแปซิฟิกเขตร้อนตะวันตกมีปริมาณฝนมากขึ้น ขณะที่ทางแปซิฟิกเขตร้อนตะวันออกจะมีความแห้งแล้งรุนแรงมากขึ้นเช่นกัน ปรากฏการณ์ลานีญาจะเกิดโดยเฉลี่ย 5-6 ปีต่อครั้ง และแต่ละครั้งกินเวลานานประมาณ 1 ปี
ส่วนบริเวณที่มีผลกระทบทำให้มีปริมาณฝนมากกว่าปกติ ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย ออสเตรเลียตอนเหนือ ฟิลิปปินส์ อินเดียตอนเหนือ ด้านตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปแอฟริกา และด้านตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาใต้
ส่วนบริเวณที่มีผลกระทบ แต่ทำให้มีปริมาณฝนน้อยกว่าปกติ ได้แก่ ประเทศชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาใต้ ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา บราซิลตอนใต้ ถึงตอนกลางของประเทศอาร์เจนตินา
สำหรับประเทศไทยปีนี้ก็อย่างที่เห็น จมเพราะพายุที่ก่อตัวจากมหาสมุทรแปซิฟิก 4-5 ลูก เรียงหน้าถล่ม และตามทฤษฎีนี้ หลังน้ำลดอากาศในประเทศไทยจะหนาวกว่าปกติ แต่จะแค่ไหนอีกไม่กี่วันได้รู้กัน
ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้แค่น้ำจิ้ม เพราะนักทฤษฎีสติเฟื่องหลายคนพยากรณ์ว่า อีกไม่นานอาจถึงคราวน้ำท่วมโลกอีกครั้ง
โลกจะกลับไปอาบน้ำ ขัดสีฉวีวรรณ ปรับสมดุลอีกครั้งหลังมนุษย์ทำเลอะเทอะ ส่งกลิ่นเหม็นไปทั้งใบ
มีตำนานน้ำท่วมโลกครั้งใหญ่ด้วยฝีมือพระเจ้า เพื่อทำลายอารยธรรม โดยเป็นการตอบสนองผลกรรม เป็นประเด็นที่แพร่หลายในตำนานกรีกและตำนานในวัฒนธรรมอื่นๆ
เป็นกำเนิดของโนอาห์และเรือของโนอาห์ในเจเนซิส, มัสยาวตาร ในคัมภีร์ปุราณะ ของฮินดู, ดูเคเลียน ในตำนานเทพเจ้ากรีก และอุตนาปิชติม ในมหากาพย์กิลกาเมช ที่ใหม่ถอดด้ามก็เรือโนอาห์ 2012 ของชาติมหาอำนาจที่แอบมาสร้างตองสนองความโลภของมนุษย์ ในภาพยนตร์ 2012 วันสิ้นโลก
จริงหรือน้ำจะท่วมโลกปี 2012 ขำๆ อย่าซีเรียส แค่ตอนนี้น้ำทะลักท่วมบ้านก็เครียดจนจะฆ่าตัวตายกันอยู่แล้ว ขืนไปคิดเรื่องน้ำท่วมโลกมากคงได้เพี้ยนกันพอดี
เอาเป็นว่า รู้ไว้สนุกๆ เป็นเรื่องโจ๊กในวงเหล้า!
มีการพูดถึงไปพอสมควรแล้ว ดอกเตอร์นาซาชาวไทยที่ชื่อว่า "สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา" ท่านเชื่อหัวปักหัวปำว่า 2012 โลกจมน้ำแน่นอน แถมมนุษย์โลกสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมานานแล้วโดยทาง "โทรจิต" แต่สหรัฐปิดเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ แต่ ดร.สุมิตรก็รู้มาจนได้ (ฮา)
ท่านเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ เพราะแอบเห็นพวกฝรั่งสร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนจากอุบัติภัย 2012 เหมือนในหนังเปี๊ยบ จึงบ่นว่าคนไทยไม่เชื่อว่าจะจมน้ำตายกันหมด ไม่มีมนุษย์พันธุ์ไทยไว้ทำพันธุ์ต่อไปว่างั้นเถอะ
"ดร.สุมิตร" บอกว่าพวกที่รอดจะมีเพียงฝรั่งที่ร่วมมือกับมนุษย์ต่างดาวสร้างยานอพยพผู้คน
อย่าเพิ่งยิ้ม! อย่าเพิ่งสรุปว่ามะนาวต่างดุ๊ด มนุษย์ต่างดาวไม่มีจริง ก็อย่างที่เคยเขียนถึง ระบบสุริยะที่เราอึใส่อยู่นี้ ตั้งอยู่ในดาราจักรทางช้างเผือก มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 100,000 ปีแสง มีดาวฤกษ์สมาชิกประมาณ 2 แสนล้านดวง
ดวงอาทิตย์ของเราคือสมาชิกหนึ่งในนั้น
ภายใต้วงโครจของดวงอาทิตย์อีก 199,999 ดวง จะไม่มีดาวแบบโลกเลยอย่างนั้นหรือ
ถ้ายังนึกภาพไม่ออก ขอบอกว่า ภายใต้จักรวาลนี้มิได้มีดาราจักรทางช้างเผือก หรือกาแล็กซีทางช้างเผือกเพียงกาแลกซีเดียว
เท่าที่นักดาราศาสตร์สติเฟื่องส่องกล้องโทรทรรศน์คาดการณ์เอาไว้ ในจักรวาลนี้มีอยู่ประมาณ 200,000 ล้านกาแลกซี โอ้โห! แล้วดาวเคราะห์เหมือนโลกจะมีสักเท่าไหร่
ในจักรวาลนี้เรามิได้อยู่อย่างเดียวดายแน่นอน อย่างน้อยๆ ถ้าไม่ใช่อุลตร้าแมน เพื่อนต่างดาวของเราก็น่าจะรูปหล่อแบบแบคทีเรียบนโลกของเรานี่แหละ
เอาเป็นว่าสมมุติฐานเรื่องมะนาวต่างดุ๊ดของ "ดร.สุมิตร" มีเค้าความจริงอยู่มากทีเดียว แต่น้ำท่วมโลกปี 2012 คงต้องหาสมมุติฐานมารองรับกันต่อไป แต่ก็อย่าเพิ่งไปไกลถึงขั้นสร้างยานอวกาศ หรือเรือโนอาห์
เอาแค่ขุดแม่น้ำเจ้าพระยา 2 เอาใจ "คออ่าง" เอ้ย! ไม่ช่าย เอาใจนักรบในที่ราบลุ่มเจ้าพระยาก่อน น่าจะแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ถูกจุดกว่า.
กาลิเลอี
http://www.thaipost.net/sunday/161011/46641