ผู้เขียน หัวข้อ: 'พระไตรปิฎกบอกว่า โลกจะวิบัติเพราะน้ำ ลม ไฟ…!!!' ว.วชิรเมธี 'ธรรม' ดับ 'ทุกข์'  (อ่าน 1846 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด
   

ในช่วงเวลาที่คนไทยจิตตก ตระหนกไปกับทุกกระแสข่าว ตกใจไปกับข่าวสารทุกๆช่องทางที่เผยแพร่ออกมา ไทยรัฐออนไลน์มีโอกาสพูดคุยกับ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วชิรเมธี ผู้ก่อตั้งสถาบันวิมุตตยาลัย สถาบันที่ศึกษา วิจัย ภาวนา และเผยแพร่ภูมิปัญญาทางพุทธศาสนาสู่ประชาคมโลก เพื่อมาให้ไขรหัสเอาชนะความทุกข์จากน้ำท่วม โดยใช้ "ธรรมะ" เข้าใจ "ธรรมชาติ"!!
   
   
   Q : ตามคำภีร์ไบเบิ้ลมีกล่าวถึงวันสิ้นโลก นอสตราดามุส ชนเผ่ามายัน ต่างก็กล่าวถึงวันสิ้นโลกเช่นกัน ในพระไตรปิฎกหรือพุทธทำนายของศาสนาพุทธ มีกล่าวถึงเรื่องวันสิ้นโลกหรือเปล่า...?
   
              

   
   A : มีแต่ไม่ได้บอกเวลา บอกแต่ว่า “ในอนาคตกาลนานไกลโพ้น โลกจะวิบัติเพราะน้ำ เพราะลม เพราะไฟ” ฉะนั้นถือว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาโลก สิ่งไหนก็ตามที่มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น ก็จะมีการแตกดับไปในที่สุด อย่าตื่นตกใจกับธรรมดาของโลก เราต้องพร้อมที่จะอยู่ในโลกอย่างคนที่เป็นนักเรียน พร้อมที่จะเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนเราเป็นนักกีฬาที่วิ่งลงไปในสนามแล้ว เราก็ต้องยอมรับกฎกติกาของสนามนั้น เราถึงจะเป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จ
   
   เช่นเดียวกัน เราเกิดมาในโลก เราก็เป็นนักกีฬาของโลก เราก็ต้องพร้อมที่โลกจะมอบบทเรียนต่างๆให้กับเรา มองทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นบทเรียน แล้วเราก็จะเข้มแข็ง ยิ่งโจทย์ยากๆ ถ้าหากเราแก้โจทย์ได้ เราก็จะกลายเป็นคนที่เก่งมากขึ้นๆ ยิ่งขึ้นไป ดังนั้นมองอีกนัยหนึ่งก็คือความทุกข์มากปลุกให้เราตื่น เมื่อเราตื่นแล้วปีต่อๆไป เมื่อน้ำไหลมา เราก็จะกลายเป็นผู้ที่รับมือกับน้ำได้อย่างเชี่ยวชาญ
   
   Q : ควรจะใช้ชุดความคิดแบบไหนดีที่จะจัดการความทุกข์ เพราะไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหนก็มีแต่ข่าว มีแต่คนเครียดๆ เพราะน้ำท่วมบ้าน คนที่ยังไม่โดนน้ำท่วมก็กลัว กลัวจนนอนไม่หลับ ไม่เป็นอันทำอะไร?
          

   
   A : อาตมาอยากจะให้ทุกคนคิดว่า อยู่ใต้ฟ้าอย่ากลัวฝน ณ เวลานี้ เรามาอยู่ตรงนี้แล้ว เราก็คงต้องยอมรับว่า สิ่งเหล่านี้มีสิทธิ์ที่จะเกิด เพราะว่านี่คือธรรมชาติ เรามาอยู่ในโลก เราต้องพร้อมจะรับมือกับทุกวิกฤติ เพราะว่าโลกมาอยู่ก่อนเรา แล้วเรามาทีหลัง ฉะนั้นก็ต้องพร้อมที่จะเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งเกิดขึ้นในโลกนี้ วิธีที่ดีที่สุด “ให้มองปรากฏการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ว่าเป็นครูที่มาเตือนเราให้เราตื่น” เราอาจจะพากันหลับใหลอยู่ในความประมาท พอน้ำไหลบ่ามาปลุกให้เราให้ตื่น มองวิกฤติเป็นครูแล้วอยู่ด้วยกันแบบไม่ประมาท เพราะว่าน้ำมาแต่ละปี ก็จะทำให้เรามีความเชี่ยวชาญในการรับมือมากยิ่งขึ้น นั่นหมายความว่า ในอนาคตเมื่อเราเรียนรู้วิธีที่จะรับน้ำในแต่ละปี แต่ละปี ในอนาคตประเทศเราอาจจะเป็นประเทศที่บริหารจัดการน้ำที่ดีที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้
   
   นี่คือมองให้บวก มองวิกฤติเป็นครูอยู่ด้วยความไม่ประมาท เติบโตจากความผิดพลาดเฉลียวฉลาดขึ้นมาจากความทุกข์ ในอนาคตเมื่อเราเรียนรู้จากการรับมือน้ำอย่างดีที่สุดและอย่างต่อเนื่อง ชนไทยอาจจะเป็นชนชาติที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการจัดการน้ำมากเป็นอันดับหนึ่งก็เป็นได้
   
   Q : คนที่สูญเสียบ้านและทรัพย์สินจากน้ำท่วม?
   
   A : ตอนที่เราเกิดมา เราทุกคนนั้นเปล่าเปลือยมาทั้งหมดเลย คุณมีแต่ตัวล้วนๆ คุณยังหาบ้านหารถหาเรือกสวนไร่นาได้อย่างมากมาย วัตถุเงินทองเสียไปแล้วถ้าหากวันหนึ่งคุณยังมีชีวิต ก็สร้างขึ้นมาใหม่ได้ทั้งหมด ดังนั้นเสียวัตถุเสียไป แต่จงรักษากำลังใจและชีวิตเอาไว้ ให้กำลังใจให้ชีวิตนี้เป็นสมบัติติดตัวเราไปตลอด ถ้าชีวิตนี้ยังมีชีวิตอยู่กำลังใจก็ยังมีอยู่ คุณสามารถสร้างวัตถุขึ้นมาใหม่ได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่ควรเสียใจ เมื่อถึงเวลาพักที่นาคาที่อยู่
   
   ที่สำคัญให้รู้จักเสียสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ เสียสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต เพราะชีวิตสำคัญมากกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าคุณไม่มีทรัพย์คุณสามารถหาใหม่ได้ แต่ถ้าคุณไม่มีชีวิตทุกอย่างทุกสิ่งก็จบตรงนั้นแล้ว ให้ยอมเสียสละส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่ ให้ยอมสละทรัพย์ เช่น บ้าน รถ วัตถุข้าวของทั้งหลายอย่าไปยึดติดถือมั่น มาเวลานี้ต้องเอาชีวิตให้รอดเสียก่อน ถ้าคุณยังมีชีวิตทุกสิ่งทุกอย่างที่มันสูญเสียไป หามาได้ใหม่ทั้งหมดไม่ต้องกังวล
   
   Q : คนที่เพิ่งสูญเสียคนรักจากน้ำท่วม?
                
   
   A : ก็ให้ทำใจยอมรับ อย่าโกหกตัวเอง เพราะว่ามันเป็นธรรมดาของมนุษย์ทุกคน พอเราเกิดมาแล้วก็ต้องมีอันต้องพลัดพรากจากบุคคลและสิ่งของอันเป็นที่รักเป็นเรื่องธรรมดา “พระพุทธเจ้าใช้คำว่าเป็นธรรมดา ท่านไม่ได้มองว่ามันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เมื่อเราเกิดมาแล้วเราก็ต้องจากพลัดพรากจากสิ่งที่เรารักเป็นของธรรมดา เพียงแต่ว่ามันจะเกิดช้าเกิดเร็วเท่านั้น” เมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้วเราก็ต้องยอมรับเพราะว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา
   
   “เมื่อสุดมือสอยก็ต้องปล่อยมันไป” คนที่เหลือก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาใช้ชีวิตกันไปโดยไม่ประมาท เติบโตจากความผิดพลาด เฉลียวฉลาดขึ้นมาจากความทุกข์ สูญเสียอะไรก็สูญเสียไป แต่ต้องรักษากำลังใจเอาไว้ให้ดีที่สุด เพราะถ้าคุณสูญกำลังใจคุณสูญทุกอย่าง แต่หากคุณยังมีกำลังใจ คุณยังสามารถหาทุกสิ่งทุกอย่างได้ใหม่อย่างแน่นอน
   
   Q : น้ำท่วมจนธุรกิจล้มละลาย?
   
   A : อาตมาอยากให้เขาคิดเหมือน “สตีฟ จ็อบส์” เพราะจ็อบส์เคยถูกไล่ออกจากบริษัทที่ตัวเองก่อตั้ง แต่เขาบอกว่า “เขาแค่สูญเสียบริษัทไปเท่านั้น แต่ฉันไม่ได้สูญเสียความสามารถ ภูมิสติปัญญาที่อยู่ในหัวซะหน่อย” ดังนั้นเขาจึงก่อตั้งบริษัทใหม่แล้วกลายเป็นซีอีโอแห่งศตวรรษ คือในรอบ 100 ปีจะมีคนอย่างเขาคนหนึ่ง ฉะนั้นก็ขอให้นักธุรกิจทั้งหลายที่ประสบกับความล้มละลายในระหว่างนี้ ให้บอกตัวเองว่าเราแค่สูญเสียข้าวของเงินทองเท่านั้น แต่เราไม่ได้สูญเสียชีวิต แล้วเราก็ไม่ได้สูญเสียความสามารถของการก่อร่างสร้างตัวของเราแต่อย่างใด ฉะนั้นเราสามารถเริ่มต้นกันใหม่ได้ คิดแบบนี้ก็ไม่ต้องห่วงว่าเราจะไม่กลับมา “หลายคนเมื่อล้มเหลวแล้วกลับมาได้ดียิ่งกว่าเดิม เพราะว่าเขาได้เรียนรู้บทเรียนที่สำคัญผ่านไปแล้ว” ถ้ามองแบบนี้ความล้มเหลวไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว มันกลายเป็นว่ามันทำให้เราระมัดระวังในการใช้ชีวิต ระมัดระวังในการทำธุรกิจยิ่งขึ้น ความล้มเหลวมันจะทำให้เราได้รับบทเรียนที่ดี คุณอาจจะสูญเสียธุรกิจ เงินทุน แต่ตราบใดที่คุณยังมีความสามารถนั้นอยู่ในหัว คุณเริ่มต้นได้ใหม่ทั้งหมด
              

   
   
   Q : กล่าวโทษหน่วยงาน รัฐบาล ข้าราชการ คนอื่นๆ เพราะไม่มีคนมาช่วยเหลือตนเองซะที
   
   A :
สิ่งที่เราต้องเข้าใจก็คือ เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้คราวนี้มันกินพื้นที่กว้างเหลือเกินกว่า 50 จังหวัด ไม่อยากให้กล่าวโทษใคร ในตอนนี้อยากจะให้เราช่วยซึ่งกันและกันไปก่อน รัฐบาลคือคนไทยเหมือนกับเรา มีความปรารถนาดีที่อยากจะช่วยเหลือเกื้อกูลเหมือนกัน แต่ต้องยอมรับว่าเราต่างเดือดร้อนด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จะให้ไปกระจุกอยู่ที่ใดที่หนึ่งเป็นการยาก ให้มองด้วยความเข้าใจดีกว่าการกล่าวโทษ
   
   ดังนั้นอาตมาอยากให้คิดว่าจงพึ่งตัวเองก่อนที่จะพึ่งรัฐบาล เพราะว่าเวลาน้ำไหลมามันไม่รอรัฐบาลหรือรอใครทั้งสิ้น ธรรมชาติไม่มีการเกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม สิ่งที่เราควรจะทำก็คือ “อัตาหิ อัตตาโน นาโถ พึ่งตนก่อนพึ่งคนอื่น ทำได้อย่างนี้แล้ว เราจะสามารถเอาตัวรอดได้ก่อนที่ความช่วยเหลือคนอื่นจะมาถึง ในส่วนของประชาชนคนไทยก็ขอโอกาสนี้เป็นการแสดงออกแห่งวัฒนธรรมแห่งน้ำใจ ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ทอดกฐินน้ำใจช่วยภัยน้ำท่วม
              

   
   
   ท่ามกลางวิกฤติ เราก็จะเห็นได้ว่าความงดงามแฝงอยู่ เราจะเห็นได้ว่าเมืองไทยเป็นเมืองแห่งการให้ เราอยู่กันมาด้วยการให้ และนี่คือวันเวลาที่จะทำให้เราให้ซึ่งกันและกัน ท่ามกลางความทุกข์ก็ยังมีความงดงามแห่งการให้ เป็นดั่งดวงดอกไม้ที่โดดเด่นอยู่ เพราะฉะนั้นเราต้องรักษาเสน่ห์น้ำใจของคนไทยตรงนี้เข้าไว้
   
   Q : โกรธ โมโห ด่าทอ ธรรมชาติ…?
   
   A : การด่าทอธรรมชาติ มันไม่ใช่อะไรหรอก เราเกิดมาเราก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ มองในมุมกลับกัน เช่น ต้นไม้อาจจะด่ามนุษย์ว่าเธอตัดฉัน เธอปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ จนทำให้เกิดภาวะโลกร้อนในขณะที่เราด่าธรรมชาติคุณรู้ไหมว่าธรรมชาติอาจจะด่าเรา มันไม่ช่วยอะไร แนะนำให้เราเรียนรู้จากธรรมชาติ เพราะว่าธรรมชาติคือมารดาบิดาของมนุษยชาติ มนุษย์ทุกคนคือลูกหลานของธรรมชาติ คุณไม่ควรไปด่ามารดาบิดาของคุณ ควรจะเรียนรู้จากมารดาบิดาของคุณว่าเขามีธรรมชาติอย่างไร
   
   พอเราเรียนรู้จากธรรมชาติได้เป็นอย่างดี เราก็จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย การด่าจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา การเรียนรู้ธรรมชาติเท่านั้นถึงจะทำให้เราอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย
              

   
   
   Q : ถ้าจะต้องมีคนผิดกับเหตุการณ์วิปโยคน้ำท่วมในครั้งนี้ ส่งผลให้เกิดความเสียหาย ทั้งเศรษฐกิจ ชีวิต และสิ่งมีค่ามากมาย สุดท้ายเราควรจะกล่าวโทษโกรธใคร
   
   A : จงโทษตัวเองว่าทำไมไม่เรียนรู้ น้ำไม่ได้ท่วมเป็นปีแรก มันท่วมเกือบทุกปี ถ้าจะโทษก็ต้องโทษคนไทยว่าไม่ยอมเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ประเทศที่ประชาชนที่ไม่ยอมเรียนรู้ประวัติศาสตร์นั้นก็เป็นประเทศที่จะต้องมีชะตาร่วมกันในการเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้นแหละ ฉะนั้นเราคนไทยจะต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์เรื่องน้ำให้ดี แล้วมาหาวิธีจัดการเสียให้ถูกต้อง วิถีนี้เท่านั้นที่จะทำให้น้ำไม่ท่วมซ้ำซาก จงอย่าหลงลืมประวัติศาสตร์ ลุกขึ้นมาศึกษาว่าเราถูกน้ำท่วมมาแล้วกี่ครั้ง แล้วก็หาทางรับมือให้ดีที่สุด ดังนั้นพวกเราทุกคนมีส่วนร่วมทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ การกล่าวโทษไม่ช่วยอะไร มีแต่ตั้งใจเรียนรู้เท่านั้นที่จะรับมือภัยธรรมชาติได้
   
   Twitter :  raydo_thairath

http://www.thairath.co.th/content/life/210775
" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...

ออฟไลน์ สายลมที่หวังดี

  • ทีมงานกัลยาณมิตร
  • ต้นไม้ใหญ่ยืนหยัดมั่นคงดั่งภูผา
  • *
  • กระทู้: 840
  • พลังกัลยาณมิตร 319
    • ดูรายละเอียด
อนุโมทนา สาธุค่ะ  :07:ขอบคุณพี่มดด้วยนะค่ะ :46:
ตอนนี้แถวบ้านก็เป็นจุดเสีี่ยงแล้วเหมือนกันค่ะ :27:
เตรียมการณ์ไว้ในใจคร่าวๆ  :37:ว่าต้องทำไงมั่งหากเกิดน้ำท่วม
ถ้าท่วมหนักก็ต้องหาที่พักชั่วคราว แต่ยังไม่รู้จะไปไหน
 :24:เพราะที่บ้านพี่ชายอยู่เหมือนนนท์ก็ท่วมหนักเลย