1.ศีลคือ แผ่นดินธรรม ของสังขารโลก
แผ่นดินโลก เป็นที่อาศัยของ ระบบชีวาลัยทั้งหลายฉันใด
ศีลย่อม เป็นที่พึ่งของกาย ในการปฏิบัติ สู่ การดับไม่เหลือแห่ง
เพลิงกิเลส เพลิงทุกข์ฉันนั้น
ดังนั้น ศีลจึงเป็นที่มาของ
มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ
ศีลทำให้ เรามีคุณสมบัติที่เป็นมนุษย์
ศีล เป็นที่รวมของ มนุษย์ธรรมคือ
-คุณธรรม
-จริยะธรรม
-วัฒนธรรม
-ปรมัตถ์ธรรม
-และอริยะธรรมในที่สุด
สีเลนะ สุคะติง ยันติ...ศีลนำไปสู่สุคติ
สีเลนะ โภคะสัมปะทา..ศ๊ลเป็นที่มาของ สมบัติสาม
สิเลนะ นิพพุติง ยันติ...ศีลเป็นทางสู่นิพพาย
ตัสมา สีลัง วิโสทะเย....ในธรรมของมนุษย์ศีลวิเศษที่สุด
......................................
2.สมาธิ เป็น บ้านของผู้ปฏิบัติธรรม
เมื่อมีศีลเป็นแผ่นดิน
การทำสมาธิ ก็เหมือนการสร้าง บ้านที่อยู่อาศัย
สมาธิย่อมป้องกัน จิตไม่ฟุ้งซ่าน แล่นไป
สมาธิป้องกัน กิเลส ไม่ให้ ท่วมใจ เช่นฝนที่ตก
สมาธิเป็นที่ร่มเย็น และเป็นฐานแห่งการ พัฒนาปัญญา
3.ปัญญา นำแสงสว่างมาสู่ชีวิต
ทินกร จันทรา ให้แสง........ยามวันคืน
ประทีป ให้ได้...................คราอัศดงแล้วนั่น
แสงสว่างแห่งปัญญา...........ส่องทางชีวิต ทุกขณจิตกัน
ผู้รู้จึงเร่งฝึกฝน เจริญยิ่ง......ปัญญา ดับเพิงกิเลส และทุกข์ ในตนเอยฯ
4.จิตที่พ้นอาสวะ คือขุมทรัพย์ที่แท้จริง
ทรัพย์คือ เครื่องมือ ทำให้.....ปลื้มใจ
สันโดษ เป็นทรัพย์ภายใน......คุณค่ามหาศาล
หมดอาสวะ ย่อมพบนิพพาน...ทรัพย์ที่ให้คุณอย่างเดียวแก่ชีวิต ทุกชีพกัน
จิตพ้นอาสวะโดยพลัน...........คือยอดขุมทรัพย์ อนันต์คุณที่แท้จริงเอยฯ
5.อริยมรรค คือทางที่ มารหาไม่เจอ
ดวงตาเกิดขึ้นแล้ว................แก่เรา
ญาณ เกิดขึ้นแล้ว..................แก่เรา
ปัญญาเกิดขึ้นแล้ว..................แก่เรา
วิชชาเกิดขึ้นแล้ว...................แก่เรา
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้ว................แก่เรา
ในสิ่งที่เราไม่เคยรุ้มาก่อนว่า
ทุกข์.............................................ควรกำหนดรู้
เหตุแห่งทุกข์ คือ อุปาทานในตัณหา.......ควรละ
ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์..................ต้องทำให้แจ้ง ด้วยตนเอง
มรรคา ทางปฏิบัติทั้งแปดนั้น...............ต้องเจริญยิ่งๆฯ
ทางนี้ เป็นทางสว่าง
ทางที่มารหาไม่เจอฯ
.................................
มารในพุทธศาสนามีห้ามาร
1.ขันธมาร............ระบบปรุงแต่งจิตปรุงแต่ง ทำให้เราหลงในมายาการ ของธรรมชาติ แบ่งออกได้ห้าส่วน
2.อภิสังขารมาร......มารคือ คิดแบบขาดสติกำกับ
3.เทวบุตรมาร....มารคืออารมณ์ที่โยน ชีวิต ไปสู่ภูมิต่างๆ
4.กิเลสมาร........มารคือ ความดิ้นรน ของราคะ โทสะ โมหะ ทิฐิ มานะ โศก อภิสังขาร
5.มัจจุมาร........มารคือเวลา ผู้ประหารความดี คือ ความคิดที่ขัดขวาง การเจริญกุศลและ ฝึกทำอาสวะให้สิ้น
6.จิตที่ว่างจาก อุปาทานในตัณหา ย่อมพ้นอารมณ์ทุกข์
-ว่างจาก การปรุงแต่งของ กิเลส ตัณหา อุปาทาน
-ว่างจาก การยึดมั่นถือมั่นอย่างจริงจังว่า เป็นเราของเรา
ทุกสิ่งธรรมชาติให้เรายืมใช้
ใช้อย่างมีสติ เพื่อเจริญกุศล แล้ววางลง เช่นนั้นเอง อิๆ
7.มองโลกด้วยความว่าง และถอน ตัวตูของตู เป็นสุขในโลก
"ดูกร โมฆราช เธอจงมองดูโลก อันงามประหนึ่งราชรถ
คนโง่หลงอยู่ ผู้รู้หาข้องไม่
และเป็นที่มัจจุราชหา เธอไม่พบ"
พระโมฆราช ป่วยเป็นโรคผิวหนังพุพอง
ทรมานทางกาย แต่ จิตวิญญาณเบิกบาน
เพราะ ฝึก มองโลกด้วยความว่าง
ว่างจาก การปรุงแต่งของ กิเลส ตัณหา อุปาทาน
ว่างจาก การยึดมั่นถือมั่นว่า ชีวิตนี้ เป็นตัวกู ของกูถาวร อิๆ
8.สุขใดเท่า สงัดในกิเลสไม่มี
ผู้แสวงหาเกียรติ..ย่อมทุกข์
ผู้แสวงหากามคุณ..ย่อมทุกข์
ผู้แสวงหา กินไม่รู้จักพอ ..ก็ทุกข์
ผู้ พ้นจากอำนาจหลอกลวง ของ เกียรติ กาม กิน(บริโภคนิยม)
ย่อม สงบ สงัด ในท่ามกลางความเคลื่อนไหว
ผู้นั้น จึงเป็นผู้ มีสุขที่แท้จริงในโลก
9.ใจที่สงบ สงัดจากการปรุงแต่งของกิเลส ที่ไหนก็เป็นสุข
10.ความสุขแท้ อยู่ที่ใจ
ทุกคนแสวงหา กุญแจความสุข ข้างนอก
และหลงว่า"กุญแจคือความสุข"
-กุญแจเกิดจาก ความเพลิน ในสิ่งที่เราชอบ เราเชื่อ
-กุญแจเกิดจาก ทำตามค่านิยมกระแสโลก
-กุญแจเกิดจาก หรรษา ภาคภูมิใจ สมใจ สะใจ
-กุญแจเกิดจาก ความเพียร
-กุญแจเกิดจาก การเพ่งจิต จนเกิด ปิติ สุข อุเบกขา จิตมั่นคงเป็นหนึ่งเดียว
-กุญแจเกิดจาก จิตที่สงบ สงัด จาก การรบกวนของอุปธิทั้งหลาย
....หายใจก็เป็นสุข...เปลี่ยนอิริยาบถ ก็เป็นสุข...มีสติสำรวมสังวรก็เป็นสุข
....ชีวิตที่่ปกติ เจริญกุศล ทิ้งอกุศล และปลดขยะปรุงแต่งชีวิต ก็เป็นสุข
เพราะ...."ความสุขที่แท้จริงอยู่ภายในใจตลอด"อิๆ
11.โลกธรรมแปด คือเหยื่อโลกที่วางยาก
ลาภ............เสื่อมลาภ
ยศ.............เสื่อมยศ
สรรเสริญ....นินทา
สุข.............ทุกข์
เป็นเหยื่อ ที่มารวางกับดักชาวโลก
จงมาพ้นเหยื่อที่มารวางกับดักไว้
ด้วยการ ลด ละ เลิก โทสะ โมหะ โทสะ
12.กิน(บริโภคนิยม)
กาม(เพลินในความสะดวกสบาย)
เกียรติ(หัวโขน ในสังคม)
เป็นเครื่องจองจำชีวิต
ชีวิต ต้องใช้ตนเองเช่นวัวควาย ไปตลอดชีวิต
"รู้ว่าหนัก......ก็วาง
วาง..............ก็เบา
ไม่เอา...........ก็หลุด(จาก มายาการ ของสังขารธรรม)
13.การอยู่ร่วมกับคนพาล เป็นทุกข์อย่างยิ่ง
ดังนั้น การจะใช้ชีวิตร่วม ทั้งครอบครัว ชุมชน สังคม
ไม่ควรทำตัวเป็นคนพาล หรือ เอาคนพาล มาเป็นแบบอย่างทางชีวิต
หากต้องใกล้ชิด ต้องมีสติ ปัญญา จึงไม่ถูกครอบงำ
14.กามคุณ เครื่องผูกที่ข้ามยาก
กามคุณนำไปสู่ชีวิต ครองเรือน
การขาดสติ ทำให้ ทรัพย์ บุตร ภริยา สามี กลายเป็นเครื่องจองจำ ซึ่งกันและกัน
เมื่อ มาประพฤติพรหมจรรย์แล้ว ก็ไม่ควร กลับไปสู่ที่จองจำนั้นอีก(สอนนักบวช)
15.ธรรมบาล ที่เกิดจากศีล คุ้มครองโลก
หิริ................โอตตัปปะ
บุพการี...........กตัญญูติเวทีตา
มงคลธรรม......ทักษิณาทาน
ธรรมสามคู่ จักช่วยคุ้มครองโลก
ให้สังคม มีสันติสุข สันติธรรม ยั่งยืน
16.ศีลเป็นกลิ่นหอม ที่ทวนลมได้
ดอกไม้หอม.....อาศัยลมพาไป
สัตบุรุษ...........อาศัย เสียงชื่นชมพาไป
ศีล.................อาศัย ปิยะมิตร กัลยาณธรรม เสมอกันด้วยศีล ย่อมหอมทวนลมได้
17.วัฏฏะสังสาร ยาวที่สุด
ราตรีนี้ยาวนัก...............สำหรับ ผู้นอนไม่หลับ
ระยะทางไกลนัก............สำหรับ ผู้อ่อนล้า นั่น
เกิด ดับในชาติภพ..........ยาวนัก สำหรับ ผู้เป็นทาสอุปาทาน อารมณ์ตนกัน
มาดับไม่เหลือ เพลิงกิเลส และทุกข์นั้น.....จึงหมดสิ้นวัฏฏะกาลเอยฯ