ผู้เขียน หัวข้อ: เปิดคู่มือ "ทำความสะอาดบ้าน" ฉบับเข้มข้น ขจัดคราบน้ำท่วมด้วยตัวเอง  (อ่าน 3001 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
เปิดคู่มือ "ทำความสะอาดบ้าน" ฉบับเข้มข้น ขจัดคราบน้ำท่วมด้วยตัวเอง

ถึงตอนนี้ระดับน้ำในหลายพื้นที่เริ่มลดลง ผู้คนเริ่มทยอยกลับเข้าบ้าน

บ้าน หลังเดิมที่อาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป สำหรับบ้านที่ไม่ได้ยกข้าวของเครื่องใช้ก่อนเผ่นออกจากบ้าน อาจจะต้องทำใจสักพักหนึ่งก่อนจะก้าวเข้าไปชมผลงานที่น้องน้ำฝากไว้

น้ำ จอมพลังที่อาจจะเคลื่อนย้ายทุกสิ่งทุกอย่างในบ้าน โยกไปคนละทิศละทาง กองระเกะระกะอยู่ทั่วบ้าน สภาพไม่เหมือนเดิมแน่นอน หรืออาจจะแค่ฝากคราบสกปรกไว้ตามพื้น ผนัง และขอบโต๊ะเก้าอี้ ขึ้นอยู่กับระดับน้ำและระยะเวลาที่น้ำคงอยู่

ฉะนั้น ควรตั้งสติให้มั่นแล้วค่อย ๆ เดินกลับเข้าบ้านอย่างระมัดระวัง

มี ขั้นตอนและวิธีการที่จะเข้าไปจัดการบ้านหรือที่อยู่อาศัย หลังจากที่น้ำท่วมขังมาเป็นเวลานานนับเดือนนั้น ซึ่งมีรายละเอียดมากมายที่ต้องจัดการอย่างระมัดระวัง

กมลพรรณ (กอวัฒนา) นุชผ่องใส กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท ฟาร์อีสต์ เพียร์เลส (ไทยแลนด์) 1968 จำกัด ผู้เชี่ยวชาญในการทำความสะอาดแบบครบวงจรมานานกว่า 40 ปี แนะนำวิธีทำความสะอาดบ้านหลังน้ำลดด้วยตัวเองไว้อย่างน่าสนใจ

เตรียมพร้อมก่อนเข้าบ้าน

เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม อาทิ แว่นตาช่าง, หน้ากากกรองฝุ่น, ผ้าปิดปากปิดจมูก, ถุงมือยาง, รองเท้าบูต, ไฟฉาย และหมวกนิรภัย

จาก นั้นแต่งกายให้พร้อมก่อนเข้าไปในตัวบ้าน สิ่งสำคัญคือห้ามประมาทและอย่าเข้าไปคนเดียว ต้องมีคนไปเป็นเพื่อน และต้องมีคนรออยู่ด้านนอก เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินที่ไม่คาดคิดขึ้น

ขั้นตอนก่อนเข้าไปยังตัวบ้านให้ปฏิบัติดังนี้

1.ก่อน เข้าไปในตัวอาคารบ้านเรือน ให้เดินดูบริเวณรอบ ๆ บ้านก่อน โดยสำรวจพิจารณาดูโครงสร้างที่อาจจะเสียหายเป็นอันตรายก่อนตัดสินใจที่จะ เข้าไป

2.ระวังเรื่องสัตว์มีพิษต่าง ๆ ที่อาจหนีน้ำเข้าไปอาศัยอยู่ในตัวบ้าน

3.สังเกตดูรอยร้าว หรือการบิดตัวของโครงสร้างก่อนตัดสินใจเข้าไป

4.ตรวจดูที่จัดเก็บถังแก๊ส มองหาสิ่งผิดปกติที่อาจจะมีการรั่วซึม

5.ตรวจสอบการจ่ายไฟให้แน่ใจว่า ไฟฟ้ายังไม่ได้จ่ายกระแสเข้าไปในบ้าน โดยการดูที่คัตเอาต์ว่ายังมีการสับสวิตช์ลงอยู่หรือไม่

6.เปิดประตูให้เกิดการถ่ายเทอากาศ อย่าเหยียบเข้าบ้านทันที ให้สังเกตพื้นบ้าน ลองค่อย ๆ ใช้เท้าทิ้งน้ำหนักเพื่อทดสอบก่อน

7.สังเกตดูเพดานว่ามีการอมน้ำ แอ่นท้องช้าง หรือมีคราบน้ำอยู่หรือไม่ เพราะเพดานอาจพังทลายลงมาได้เมื่อมีการเคลื่อนไหวให้ระมัดระวัง

ตรวจเช็กเชื้อโรค-ระบบไฟฟ้า

ขั้นตอนของการทำความสะอาด ต้องใช้เวลาและความอดทนอย่างมาก

"ต้อง คำนึงถึงการกำจัดการฆ่าเชื้อโรคเชื้อราที่เราอาจมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า จากการสัมผัสหรือหายใจเอาเชื้อเหล่านี้เข้าไปโดยไม่รู้ตัว" กมลพรรณย้ำ

ดัง นั้น ต้องคำนึงถึงการป้องกันตนเอง เช่น การใส่ถุงมือยาง และรองเท้าบูต ที่จะช่วยป้องกันการติดเชื้อโรคเชื้อรา, ป้องกันการสัมผัสสารเคมี รวมถึงป้องกันไฟดูด รวมทั้งคาดผ้าปิดจมูกและปากที่ช่วยป้องกันการหายใจเอาสปอร์ของเชื้อราและไอ ระเหยของสารเคมีเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ

ในระหว่างการทำ ความสะอาดควรเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศระบายได้มากที่สุด โดยอาจเปิดพัดลมเพดานช่วยระบายอากาศ

ข้อ ห้ามคือ ห้ามเปิดเครื่องปรับอากาศ เพราะเชื้อโรคต่าง ๆ จะถูกดูดเข้าไปอยู่ในระบบปรับอากาศ และจะกลายเป็นที่เพาะพันธุ์เชื้อราต่อไป ถือเป็นภัยเงียบที่เรามองไม่เห็น

จากนั้นก็มาเริ่มที่ระบบไฟฟ้าของ ทั้งบ้าน ซึ่งจะต้องถูกปิดทันทีที่น้ำท่วมบ้าน ดังนั้นระบบไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งแรก ๆ ที่จะต้องจัดการทันทีที่น้ำลด โดยให้ช่างไฟฟ้ามืออาชีพมาตรวจสอบและซ่อมแซมให้หมดก่อนจึงจะสามารถกลับไปใช้ ไฟฟ้าได้

บางครั้งจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเดินสายไฟใหม่ทั้งหมด และสายไฟจะต้องแห้งสนิท รวมทั้งสวิตช์ไฟ, เต้าเสียบปลั๊กไฟต่าง ๆ ที่จมอยู่ใต้น้ำอาจจะมีโคลนตมและตะกอนที่มากับน้ำเข้าไปอยู่ จึงต้องมีการตรวจเช็กระบบอย่างละเอียด

ระบบเครื่องปรับอากาศ หลังน้ำลดต้องเรียกช่างแอร์มืออาชีพมาตรวจเช็กระบบเครื่องปรับอากาศภายในบ้านทั้งหมด พร้อมทั้งทำความสะอาดท่อ

ต่าง ๆ, แผ่นกรองอากาศ เปลี่ยนฉนวนกันความร้อนที่จมน้ำ ฯลฯ เมื่อช่างแก้ไขให้เสร็จเรียบร้อยแล้วให้ซีลปิดไว้ก่อนจึงจะเริ่มการทำความ สะอาดบ้าน

อย่าลืมว่าก่อนจะเปิดเครื่องปรับอากาศต้องทำความสะอาดบ้านจนเสร็จเรียบร้อยพร้อมกลับเข้าไปอยู่แล้วเท่านั้น

ถึงเวลาลงมือทำ

หลังจากตรวจเช็กทุกอย่างจนแน่ใจแล้ว ก็มาถึงวิธีการทำความสะอาดขนานใหญ่ โดยเริ่มตามโปรแกรมดังนี้

1.เริ่ม ด้วยการขนย้ายสิ่งของต่าง ๆ ภายในบ้านออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อสะดวกในการจัดการกับโคลนตมที่มากับน้ำ ให้ใช้พลั่วตักดินโคลนออกจากพื้นบ้านให้ได้มากที่สุด

จากนั้นจึงใช้ เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง (ถ้ามี) หรือสายยางฉีดน้ำเพื่อชะล้างโคลนออกจากพื้นผิว อุปกรณ์อย่างหนึ่งที่จะช่วยผ่อนแรงได้มากคือ ไม้ปาดน้ำ หากไม่มีและพื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก สามารถใช้ผ้าขนหนูทำเป็นผ้าลากน้ำได้ โดยเน้นการกำจัดดินโคลนออกไปให้หมด

2.เรื่องของพื้น หากพื้นบ้านของท่านมีการใช้วัสดุต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ไวนิล, เสื่อน้ำมัน, พรม, ปาร์เกต์ ฯลฯ มีความจำเป็นที่จะต้องรื้อวัสดุปูพื้นเหล่านั้นออกเพื่อให้พื้นด้านล่างแห้ง ซึ่งกว่าจะแห้งสนิทอาจใช้ระยะเวลานานพอสมควร

การทำความสะอาดพื้น ทุกชนิด ต้องพิจารณาดูตามความเหมาะสมของพื้น โดยทั่วไป ๆ สามารถใช้น้ำผสมคลอรีนในอัตราส่วน 0.1% (1 CC ต่อน้ำ 1,000 CC) ฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณก่อนแล้วจึงขัดถูพื้นด้วยน้ำยาล้างจานหรือผงซักฟอก ขัดถูให้ทั่วบริเวณแล้วจึงราดด้วยน้ำร้อนเดือด ๆ หรือใช้ผลิตภัณฑ์น้ำยาเคมีทำความสะอาดที่สามารถฆ่าเชื้อต่าง ๆ ได้ ซึ่งต้องอ่านฉลากวิธีใช้ให้ละเอียดและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

หาก ป็นไปได้ควรใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อกำจัดกลิ่นที่เป็นสารชีวภาพเอนไซม์ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อ กำจัดกลิ่น กำจัดคราบไขมันได้

ข้อดีกว่าผลิตภัณฑ์อื่น ๆ คือ สารชีวภาพเอนไซม์นั้นจะยังคงมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อที่จะเกิดขึ้นใหม่ จากความชื้นต่อไปได้อีกนานประมาณ 3-6 เดือน ตราบที่พื้นยังมีความชื้นอยู่ และที่สำคัญสารชีวภาพเอนไซม์นั้นไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม

สำหรับพื้นบ้านที่ปูพรม...

คลิกอ่านรายละเอียดต่อที่ : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์


-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNeU1qSXlNelk1TWc9PQ==&sectionid=-

.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
เปิดคู่มือ "ทำความสะอาดบ้าน" ฉบับเข้มข้น ขจัดคราบน้ำท่วม "ด้วยตัวเอง"


ถึงตอนนี้ระดับน้ำในหลายพื้นที่เริ่มลดลง ผู้คนเริ่มทยอยกลับเข้าบ้าน

บ้าน หลังเดิมที่อาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป สำหรับบ้านที่ไม่ได้ยกข้าวของเครื่องใช้ก่อนเผ่นออกจากบ้าน อาจจะต้องทำใจสักพักหนึ่งก่อนจะก้าวเข้าไปชมผลงานที่น้องน้ำฝากไว้

น้ำ จอมพลังที่อาจจะเคลื่อนย้ายทุกสิ่งทุกอย่างในบ้าน โยกไปคนละทิศละทาง กองระเกะระกะอยู่ทั่วบ้าน สภาพไม่เหมือนเดิมแน่นอน หรืออาจจะแค่ฝากคราบสกปรกไว้ตามพื้น ผนัง และขอบโต๊ะเก้าอี้ ขึ้นอยู่กับระดับน้ำและระยะเวลาที่น้ำคงอยู่

ฉะนั้น ควรตั้งสติให้มั่นแล้วค่อย ๆ เดินกลับเข้าบ้านอย่างระมัดระวัง

มี ขั้นตอนและวิธีการที่จะเข้าไปจัดการบ้านหรือที่อยู่อาศัย หลังจากที่น้ำท่วมขังมาเป็นเวลานานนับเดือนนั้น ซึ่งมีรายละเอียดมากมายที่ต้องจัดการอย่างระมัดระวัง

กมลพรรณ (กอวัฒนา) นุชผ่องใส กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท ฟาร์อีสต์ เพียร์เลส (ไทยแลนด์) 1968 จำกัด ผู้เชี่ยวชาญในการทำความสะอาดแบบครบวงจรมานานกว่า 40 ปี แนะนำวิธีทำความสะอาดบ้านหลังน้ำลดด้วยตัวเองไว้อย่างน่าสนใจ

เตรียมพร้อมก่อนเข้าบ้าน

เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม อาทิ แว่นตาช่าง, หน้ากากกรองฝุ่น, ผ้าปิดปากปิดจมูก, ถุงมือยาง, รองเท้าบูต, ไฟฉาย และหมวกนิรภัย

จาก นั้นแต่งกายให้พร้อมก่อนเข้าไปในตัวบ้าน สิ่งสำคัญคือห้ามประมาทและอย่าเข้าไปคนเดียว ต้องมีคนไปเป็นเพื่อน และต้องมีคนรออยู่ด้านนอก เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินที่ไม่คาดคิดขึ้น

ขั้นตอนก่อนเข้าไปยังตัวบ้านให้ปฏิบัติดังนี้

1.ก่อน เข้าไปในตัวอาคารบ้านเรือน ให้เดินดูบริเวณรอบ ๆ บ้านก่อน โดยสำรวจพิจารณาดูโครงสร้างที่อาจจะเสียหายเป็นอันตรายก่อนตัดสินใจที่จะ เข้าไป

2.ระวังเรื่องสัตว์มีพิษต่าง ๆ ที่อาจหนีน้ำเข้าไปอาศัยอยู่ในตัวบ้าน

3.สังเกตดูรอยร้าว หรือการบิดตัวของโครงสร้างก่อนตัดสินใจเข้าไป

4.ตรวจดูที่จัดเก็บถังแก๊ส มองหาสิ่งผิดปกติที่อาจจะมีการรั่วซึม

5.ตรวจสอบการจ่ายไฟให้แน่ใจว่า ไฟฟ้ายังไม่ได้จ่ายกระแสเข้าไปในบ้าน โดยการดูที่คัตเอาต์ว่ายังมีการสับสวิตช์ลงอยู่หรือไม่

6.เปิดประตูให้เกิดการถ่ายเทอากาศ อย่าเหยียบเข้าบ้านทันที ให้สังเกตพื้นบ้าน ลองค่อย ๆ ใช้เท้าทิ้งน้ำหนักเพื่อทดสอบก่อน

7.สังเกตดูเพดานว่ามีการอมน้ำ แอ่นท้องช้าง หรือมีคราบน้ำอยู่หรือไม่ เพราะเพดานอาจพังทลายลงมาได้เมื่อมีการเคลื่อนไหวให้ระมัดระวัง

ตรวจเช็กเชื้อโรค-ระบบไฟฟ้า

ขั้นตอนของการทำความสะอาด ต้องใช้เวลาและความอดทนอย่างมาก

"ต้อง คำนึงถึงการกำจัดการฆ่าเชื้อโรคเชื้อราที่เราอาจมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า จากการสัมผัสหรือหายใจเอาเชื้อเหล่านี้เข้าไปโดยไม่รู้ตัว" กมลพรรณย้ำ

ดัง นั้น ต้องคำนึงถึงการป้องกันตนเอง เช่น การใส่ถุงมือยาง และรองเท้าบูต ที่จะช่วยป้องกันการติดเชื้อโรคเชื้อรา, ป้องกันการสัมผัสสารเคมี รวมถึงป้องกันไฟดูด รวมทั้งคาดผ้าปิดจมูกและปากที่ช่วยป้องกันการหายใจเอาสปอร์ของเชื้อราและไอ ระเหยของสารเคมีเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ

ในระหว่างการทำ ความสะอาดควรเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศระบายได้มากที่สุด โดยอาจเปิดพัดลมเพดานช่วยระบายอากาศ

ข้อ ห้ามคือ ห้ามเปิดเครื่องปรับอากาศ เพราะเชื้อโรคต่าง ๆ จะถูกดูดเข้าไปอยู่ในระบบปรับอากาศ และจะกลายเป็นที่เพาะพันธุ์เชื้อราต่อไป ถือเป็นภัยเงียบที่เรามองไม่เห็น

จากนั้นก็มาเริ่มที่ระบบไฟฟ้าของ ทั้งบ้าน ซึ่งจะต้องถูกปิดทันทีที่น้ำท่วมบ้าน ดังนั้นระบบไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งแรก ๆ ที่จะต้องจัดการทันทีที่น้ำลด โดยให้ช่างไฟฟ้ามืออาชีพมาตรวจสอบและซ่อมแซมให้หมดก่อนจึงจะสามารถกลับไปใช้ ไฟฟ้าได้

บางครั้งจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเดินสายไฟใหม่ทั้งหมด และสายไฟจะต้องแห้งสนิท รวมทั้งสวิตช์ไฟ, เต้าเสียบปลั๊กไฟต่าง ๆ ที่จมอยู่ใต้น้ำอาจจะมีโคลนตมและตะกอนที่มากับน้ำเข้าไปอยู่ จึงต้องมีการตรวจเช็กระบบอย่างละเอียด

ระบบเครื่องปรับอากาศ หลังน้ำลดต้องเรียกช่างแอร์มืออาชีพมาตรวจเช็กระบบเครื่องปรับอากาศภายในบ้านทั้งหมด พร้อมทั้งทำความสะอาดท่อ

ต่าง ๆ, แผ่นกรองอากาศ เปลี่ยนฉนวนกันความร้อนที่จมน้ำ ฯลฯ เมื่อช่างแก้ไขให้เสร็จเรียบร้อยแล้วให้ซีลปิดไว้ก่อนจึงจะเริ่มการทำความ สะอาดบ้าน

อย่าลืมว่าก่อนจะเปิดเครื่องปรับอากาศต้องทำความสะอาดบ้านจนเสร็จเรียบร้อยพร้อมกลับเข้าไปอยู่แล้วเท่านั้น

ถึงเวลาลงมือทำ

หลังจากตรวจเช็กทุกอย่างจนแน่ใจแล้ว ก็มาถึงวิธีการทำความสะอาดขนานใหญ่ โดยเริ่มตามโปรแกรมดังนี้

1.เริ่ม ด้วยการขนย้ายสิ่งของต่าง ๆ ภายในบ้านออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อสะดวกในการจัดการกับโคลนตมที่มากับน้ำ ให้ใช้พลั่วตักดินโคลนออกจากพื้นบ้านให้ได้มากที่สุด

จากนั้นจึงใช้ เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง (ถ้ามี) หรือสายยางฉีดน้ำเพื่อชะล้างโคลนออกจากพื้นผิว อุปกรณ์อย่างหนึ่งที่จะช่วยผ่อนแรงได้มากคือ ไม้ปาดน้ำ หากไม่มีและพื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก สามารถใช้ผ้าขนหนูทำเป็นผ้าลากน้ำได้ โดยเน้นการกำจัดดินโคลนออกไปให้หมด

2.เรื่องของพื้น หากพื้นบ้านของท่านมีการใช้วัสดุต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ไวนิล, เสื่อน้ำมัน, พรม, ปาร์เกต์ ฯลฯ มีความจำเป็นที่จะต้องรื้อวัสดุปูพื้นเหล่านั้นออกเพื่อให้พื้นด้านล่างแห้ง ซึ่งกว่าจะแห้งสนิทอาจใช้ระยะเวลานานพอสมควร

การทำความสะอาดพื้น ทุกชนิด ต้องพิจารณาดูตามความเหมาะสมของพื้น โดยทั่วไป ๆ สามารถใช้น้ำผสมคลอรีนในอัตราส่วน 0.1% (1 CC ต่อน้ำ 1,000 CC) ฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณก่อนแล้วจึงขัดถูพื้นด้วยน้ำยาล้างจานหรือผงซักฟอก ขัดถูให้ทั่วบริเวณแล้วจึงราดด้วยน้ำร้อนเดือด ๆ หรือใช้ผลิตภัณฑ์น้ำยาเคมีทำความสะอาดที่สามารถฆ่าเชื้อต่าง ๆ ได้ ซึ่งต้องอ่านฉลากวิธีใช้ให้ละเอียดและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

หาก เป็นไปได้ควรใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อกำจัดกลิ่นที่เป็นสารชีวภาพเอนไซม์ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อ กำจัดกลิ่น กำจัดคราบไขมันได้

ข้อ ดีกว่าผลิตภัณฑ์อื่น ๆ คือ สารชีวภาพเอนไซม์นั้นจะยังคงมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อที่จะเกิดขึ้นใหม่ จากความชื้นต่อไปได้อีกนานประมาณ 3-6 เดือน ตราบที่พื้นยังมีความชื้นอยู่ และที่สำคัญสารชีวภาพเอนไซม์นั้นไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม

สำหรับ พื้นบ้านที่ปูพรม ถ้าพื้นบ้านที่ปูพรมจมอยู่ใต้น้ำท่วมหรือน้ำเสีย ควรจะตัดใจกำจัดทิ้งไปเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพ เพราะพรมเป็นแหล่งเพาะเชื้อราอย่างดี

การทำความสะอาดพรมด้วยตัวเอง เป็นเรื่องยาก ต้องใช้มืออาชีพที่เชื่อถือได้ว่าจะใช้น้ำยาซักพรมที่ฆ่าเชื้อกำจัดกลิ่น และใช้เครื่องมือซักพรมชนิดพิเศษที่สามารถทำความสะอาดได้ล้ำลึก แต่ค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดค่อนข้างสูง ควรพิจารณาให้ดี


-http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1321691710&grpid=09&catid=&subcatid=-

.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
เตือนภัย : เฟอร์นิเจอร์ หลังน้ำลด เสี่ยงล้มทับ พังถล่ม



เตือนภัย : เฟอร์นิเจอร์ หลังน้ำลด เสี่ยงล้มทับ พังถล่ม (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)

กระทรวง มหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนอันตรายจากการนำเฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมมาใช้งาน พร้อมแนะให้รีบขจัดความชื้น และตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงก่อนนำมาใช้งาน โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ประเภทที่ติดกับผนัง ให้ตรวจสอบระบบไฟฟ้า เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าดูด ไฟฟ้าช็อต

นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนอันตรายจากการนำเฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมมาใช้งาน เพราะเฟอร์นิเจอร์ที่แช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน จะผุพัง และไม่แข็งแรง หากนำมาใช้งานโดยไม่แก้ไขให้ถูกวิธีและประเภทของเฟอร์นิเจอร์ จะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้งานได้ โดยภายหลังน้ำลด ให้รีบขจัดความชื้นออกจากเฟอร์นิเจอร์ให้ได้มากที่สุด พร้อมตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงก่อนนำมาใช้งาน โดยเฉพาะ

เฟอร์นิเจอร์ประเภทที่ติดกับผนัง (Built In) ที่อาจทรุดตัวหรือพังถล่มลงมา ควรตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้าง ซึ่งต้องยึดติดกับผนังและพื้นบ้านอย่างแน่นหนา รวมถึงตรวจสอบระบบไฟฟ้า เพราะสายไฟที่ติดมากับเฟอร์นิเจอร์จะเปื่อยยุ่ย และหลุดลอก เมื่อเปิดใช้งาน จะมีกระแสไฟฟ้ารั่วไหล ทำให้ได้รับอันตรายจากไฟฟ้าดูด ไฟฟ้าช็อตได้ ควรให้ช่างไฟฟ้ามาตรวจสอบและแก้ไขให้อยู่ในสภาพปลอดภัย

เฟอร์นิเจอร์ไม้ ห้ามนำไปตากแดดอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้บิด งอ บวม และแตกหักได้ง่าย หากนำมาใช้งาน อาจได้รับอันตราย ควรนำไปวางไว้ในที่ร่ม ซึ่งอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อระบายความชื้นที่อยู่ในไม้ ในการทดสอบความชื้นในไม้ ให้ใช้แผ่นพลาสติกและแผ่นเทปกาวปิดไว้กับเฟอร์นิเจอร์ประมาณ 1 – 2 วัน หากยังมีไอน้ำแสดงว่ายังมีความชื้นอยู่

เฟอร์นิเจอร์ ประเภทโลหะ เช่น เหล็ก ทองแดง ทองเหลือง อาจเป็นสนิทได้ ให้ขัดสนิมออกและหมั่นสังเกตเฟอร์นิเจอร์ หากผุกร่อนบริเวณข้อต่อหรือบานพับเปิดปิด ให้ทำการซ่อมแซมและแก้ไข

เฟอร์นิเจอร์ประเภท ที่บุด้วยผ้านวม หรือนุ่น ห้ามนำกลับมาใช้งานอีก เพราะแม้จะตากแดดแห้งแล้ว ก็ยังเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค ที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

-http://icare.kapook.com/content_detail.php?t_id=0&id=3244-

.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
การฟื้นฟูและทำความสะอาดภายหลังเหตุการณ์น้ำท่วม (ตอนที่ 1)

โดย ปราโมทย์ โอภาสมงคลชัย

น้ำ ท่วมนอกจากจะก่อให้เกิดความเสียหายนานับประการกับทรัพย์สินแล้ว มากไปกว่านั้นยังส่งผลต่อการติดเชื้อ และโรคร้ายต่างๆที่มากับน้ำ ตลอดจนแมลง สัตว์ กัด ต่อย เช่น ยุง หรือแม้กระทั่งสุนัข แมว หนูที่เกิดความเครียดไม่แพ้กับคนก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของโรคพิษสุนัข บ้า(Rabies) ได้ ที่นำไปสู่การเป็นอัมพาตที่กล้ามเนื้อ และระบบทางเดินหายใจ

สิ่งแรกที่ต้องคิดคือการปกป้องตัวของเราเอง (Protect Yourself)

ทุกครั้งที่ทำความสะอาด ฟื้นฟูสภาพต่างๆภายหลังน้ำท่วม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ โดยให้น้ำไหลผ่าน โดยเฉพาะช่วงพักเบรก พักรับประทานอาหาร หรือภายหลังเลิกงาน และต้องมั่นใจด้วยว่าน้ำที่เอามาล้างต้องสะอาดและได้รับการับรอง หรือผ่านการต้มเดือดนานเกินกว่า 10 นาที

พนักงานที่ทำหน้าที่ทำความสะอาดและฟื้นฟูจะต้องสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล (PPE) ในการปกคลุมร่างกาย โดยต้องเข้าใจว่าสารปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง คือ การสัมผัสร่างกาย หายใจ และกลืนกิน อุปกรณ์พื้นฐานประกอบไปด้วย ชุดคลุมร่างกาย, ครอบตานิรภัย, ถุงมือยาง, รองบู้ท และอุปกรณ์อื่นๆเพิ่มเติมที่ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงในการปฏิบัติงาน

น้ำท่วม (Flood water)

ส่วนใหญ่น้ำท่วมจะมีพวกจุลชีพ รวมไปถึงเชื้อแบคทีเรีย เช่น E. coli, Salmonella และ Shigella; ไวรัสตับอักเสบ A (Hepatitis A Virus) เชื้อไทฟรอย์ กับพาราไทฟรอย์ (Typhoid and paratyphoid) และ บาดทะยัก (tetanus) สัญญาณที่บ่งบอกว่าเราเริ่มจะเป็นผู้ป่วยแล้ว คือ คลื่นไส้ (nausea), อาเจียน (vomiting), ท้องเสีย (diarrhea), ตะคริวที่ท้อง (Abdominal cramps), ปวดกล้ามเนื้อ (muscle aches) และมีไข้ (fever) อาการเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดจากการกลินกินน้ำที่ท่วมโดยที่ไม่ตั้งใจจากการเปื้อนที่มือ หรือภาชนะและหยิบจับมารับประทาน แต่บาดทะยัก (Tetanus) จะเกิดจากการที่เชื้อแบคทีเรียแกรมบวกชนิดที่ไม่ต้องการออกซิเจนชื่อว่า Clostridium tetani แทรก ซึมเข้าไปในชั้นของผิวหนังที่ฉีกขาด ขีดข่วน ถลอก หรือเป็นแผล บาดทะยักเป็นเชื้อที่มีผลต่อระบบประสาท และกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ โดยอาการเริ่มแรกจะมีอาการปวดศีรษะก่อน และจะเริ่มกลืนกินลำบาก และอ้าปากไม่ได้ ซึ่งแท้ที่จริงไม่ใช้เกิดจากเหล็กที่มีสนิมแต่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ ตะหาก

นอก จากนี้น้ำท่วมยังมีการปนเปื้อนของเสียจากการเกษตร และสารเคมีจากอุตสาหกรรม ผู้ป่วยจะมีอาการตามชนิดของสารเคมีที่สัมผัส โดยส่วนใหญ่จะมีอาการที่เกิดจากแพ้พิษสารเคมี ปวดศีรษะ เป็นผดที่ผิวหนัง คลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย หรือตื่นตระหนกตกใจ

การฟื้นฟู และทำความสะอาดภายหลังน้ำท่วม (Flood Cleanup and recovering)

แม้ว่าน้ำท่วมส่วนใหญ่จะไม่ทำให้เกิดโรคระบาดร้ายแรง หรือเกิดพิษจากสารเคมีมากนัก แต่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการเจ็บป่วยของผู้ปฏิบัติงานที่สัมผัสกับมัน อันเกิดจากอันตรายจากไฟฟ้า และอัคคีภัยได้จากการเชื่อมโยงกับสายไฟฟ้า

ยุง และแมลงกัดต่อยสามารถป้องกันได้โดยการสวมเสื้อคลุมยาว (long-sleeved shirts) และ กางเกงขายาวคลุม (long pants) และ ยาทา หรือฉีดกันยุงพอช่วยได้บ้าง อย่าลืมล้างมือด้วยน้ำสะอาดด้วยสบู่ก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง และภายหลังการเข้าห้องน้ำ สำหรับเด็กเล็กต้องป้องกันไม่ให้เข้าไปเล่นในที่น้ำท่วมโดยเด็ดขาด และของเล่นที่โดนน้ำท่วมต้องล้างให้สะอาด และฆ่าเชื้อด้วย

ถ้ามีอาการตามที่กล่าวมา

ให้ปฐมพยาบาลเบื้องต้น และไปพบแพทย์ ถ้าพบบาดแผลฉีกขาด ถลอก ที่อาจนำไปสู่การเป็นบาดทะยักจำเป็นต้องรับวัคซีนป้องกันการเกิดบาดทะยัก ถ้าวัคซีนที่เคยได้รับมาแล้วนานกว่า 5 ปี

จำไว้ว่า

• ก่อนที่จะเข้าทำงานในพื้นที่น้ำท่วม ต้องแน่ใจว่าวัคซีนที่เราเคยได้รับจากการป้องกันเชื้อบาดทะยักยังมีภูมิป้องกันให้เราอยู่
• น้ำมีความไม่ปลอดภัย จนกว่าได้รับการประกาศ ยืนยัน และได้รับการรับรองแล้วจากเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจในท้องถิ่น
• ไม่ใช้น้ำเหล่านี้ชำระล้างร่างกาย ภาชนะ เตรียมอาหาร แปรงฟัน หรือทำน้ำแข็ง
• เตรียมน้ำสะอาดให้เพียงพอสำหรับบริโภค และอุปโภค
• กระตือรือร้นในการป้องกันในกรณีที่สารเคมีปนเปื้อน หรือเชื้อโรคมากับน้ำท่วม
• ทำ ป้ายเตือนในพื้นทีที่อาจมีความเสี่ยงจากสารเคมี ไฟฟ้า อัคคีภัย เช่น ถังโพรเพน หรือวัตถุมีพิษ หรือไวไฟควรได้รับการดำเนินการป้องกันโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Blog : Safety Officer Thailand

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

-http://icare.kapook.com/content_detail.php?t_id=0&id=3242-

.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
การฟื้นฟูและทำความสะอาดภายหลังเหตุการณ์น้ำท่วม (ตอนที่ 2)

โดย ปราโมทย์ โอภาสมงคลชัย

จาก ตอนที่แล้วเราทราบแล้วว่าน้ำท่วมทำให้เกิดโรคร้ายที่ตามมาเช่น บาดทะยัก ฉี่หนู ไทฟอยด์ ไวรัสตับอักเสบ ไข้หวัดชนิดต่างๆ สำหรับตอนที่ 2 นี้เราจะเพิ่มสิ่งที่ควรระมัดระวังขึ้นอีก คือ “เชื้อรา (fungi)” ที่ เป็นสาเหตุให้เกิดการเจ็บป่วยได้ เชื้อราเกิดขี้นบนพื้นผิวของวัสดุ และโครงสร้างต่างๆที่ถูกทำลาย หรือปนเปื้อนจากน้ำท่วม หรือการเน่าของผัก ขยะ ซากต่างๆ เชื้อราสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของเราได้จากการหายใจเข้า แต่อย่างไรก็ตามเชื้อราส่วนใหญ่ไม่มีอันตรายร้ายแรงนัก แต่บางชนิดก็ก่อให้เกิดความผิดปกติต่อระบบทางเดินหายใจได้ โดยเฉพาะกับผู้ที่ปฏิบัติงานฟื้นฟู ซ่อมแซมภายหลังภาวะน้ำท่วมที่อาจมีอาการแพ้ได้ เช่น หอบ หืด หายใจลำบาก ระคายตา หายใจมีเสียงวี๊ดๆ ในกรณีที่เป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้วจะเกิดได้รุนแรงมากขึ้น ดังนั้นหน้ากาก ถุงมือ และอุปกรณ์ป้องกันดวงตาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ และต้องสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ให้น้อยที่สุด การสัมผัสนานๆและบ่อยๆ อย่างต่อเนื่องและมีเหงื่อออกด้วยอาจนำไปสู่การติดเชื้อที่ผิวหนังได้ แต่ปัญหาเหล่านี้สามารถบรรเทาลงได้โดยการทำความสะอาดร่างกายอย่างถูกวิธี ด้วยน้ำอุ่น และสบู่อ่อนๆ แล้วเช็ดให้แห้ง

จำไว้ว่า

- ต้องหลีกเลี่ยง เชื้อราที่เกิดจากต้นเหตุที่กล่าวมา
- ใช้หน้ากากมาตรฐาน N-95 NIOSH
- ทิ้งของเสียทั้งหมดที่ชำรุด เพื่อลดการติดเชื้อ ถ้าอันไหนไม่มั่นใจก็ให้ทิ้งไป
- พื้นผิวใดที่มีราไม่มากนักให้ขัดออกด้วยน้ำอุ่น และน้ำยาฆ่าเชื้อ
- ภายหลังเสร็จงานให้ล้างนิ้ว มือและหนังศีรษะด้วย
- ถ้าพบว่าอาหารและน้ำดื่มมีการปนเปื้อนให้ทิ้งไป

สำหรับผู้ปฏิบัติงานให้พิจารณาสิงต่อไปนี้

- ถ้าน้ำท่วมถึงขนาดที่ทำลายบ้านเรือนได้ ย่อมมีโอกาสที่เชื้อราเติบโตได้มากให้ปรึกษาบริษัทประกัน หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านเชื้อรา
- ต้องสวมใส่หน้ากากมาตรฐาน NIOSH-approved Respiratory มาตรฐาน N-95 ตามข้อกำหนด ของ OSHA’s Respiratory Protection Standard (29CFR 1910.134) และสวมใส่ถุงมือยาง และแว่นตานิรภัย
- กำจัดซากที่เปียกชื้น และมีเชื้อราโดยทิ้งในถุง และผูกให้เรียบร้อย หรือถุงที่ปิดฝามิดชิด
- ถอด และทิ้งพวกวัสดุที่ทำงานสารอินทรีย์และมีพื้นผิวเป็นรูพรุน (porous organic materials) เพราะพวกนี้จะปนเปื้อนไปด้วยเชื้อราจำนวนมาก เช่น ฉนวน ระบบระบายอากาศ พรม เบาะ และที่นอน
- ทำความสะอาดพวกวัสดุที่ไม่ทำจากสารอินทรีย์ (non-porous organic materials) ด้วยผงซักฟอก หรือคลอรีนเจือจาง
- การใช้สารเคมีในการกำจัดเชื้อเหล่านี้ อย่าลืมสวมหน้ากาก NIOSH-approved ที่เหมาะสมและใช้คู่กับตลับกรองอากาศที่ถูกต้องตามชนิดของสารเคมี อย่าลืมแว่นตานิรภัย และถุงมือด้วยครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Blog : Safety Officer Thailand

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

-http://icare.kapook.com/content_detail.php?t_id=0&id=3243-

.


http://board.palungjit.com/f179/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%81-%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-22445-2390.html

.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)

ออฟไลน์ แก้วจ๋าหน้าร้อน

  • สิ่งใดคือธรรมะ สิ่งนั้นย่อมดีแล้วสูงสุด
  • ทีมงานกวาดลานดิน
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 6503
  • พลังกัลยาณมิตร 1741
  • ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครอง
    • kaewjanaron
    • facehot
    • ดูรายละเอียด
    • ใต้ร่มธรรม
 :45: ขอบคุณครับพี่หนุ่ม
การโพสภาพโดยใช้เว็บฝากไฟล์ภาพ imageshack.us/ (เว็บกบ)
การปรับแต่งห้องสมาชิกไร้ขีดจำกัด Ultimate Profile + ห้องเพลงส่วนตัว
การตั้งกระทู้และการโพสกระทู้ในเว็บใต้ร่มธรรมครับ
การแก้ไข้ข้อมูล ชื่อ ระหัส ส่วนตัวของสมาชิกใต้ร่มธรรมครับ
การใส่รูปประจำตัวเรา Avatar รวมทั้งลายเซ็นต์ ในกระทู้หรือโพสของเราครับ
เพิ่มไอคอน ทวิสเตอร์ เฟชบุ๊ค ยูทูบ ในโปรโปรไฟล์ของเรา
การสร้างอัลบั้มภาพส่วนตัวในห้องสมาชิก Profile Pictures
การเพิ่มเพื่อน กัลยาณมิตรใต้ร่มธรรม ในห้องสมาชิกส่วนตัว
การดูกระทู้ทั้งหมดที่เรายังไม่ได้อ่านครับ
โค้ดสี bb color code ไว้สำหรับโพสกระทู้ครับ
*วิธีเคลียร์แคชในทุกเว็บเบราว์เซอร์ครับ เมื่อคอมอืด*

ห้องประชุมของทีมงาน
~ธรรมะอวยพรความดีคุ้มครองครับ~

ออฟไลน์ sithiphong

  • ทีมงานก้านแก้วเกล็ดใบทอง
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7544
  • พลังกัลยาณมิตร 2681
  • พระวังหน้าที่หลวงปู่เทพโลกอุดรเสก
    • ดูรายละเอียด
กรมวิทย์แนะ 5 ขั้นตอนกำจัดเชื้อราในบ้านหลังน้ำลด
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    
26 พฤศจิกายน 2554 09:14 น.


บ้านขึ้นราทำไงดี?

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แนะ 5 ขั้นตอนในการกำจัดเชื้อราในบ้านหลังน้ำลด เพื่อป้องกันสุขภาพของเจ้าของบ้าน พร้อมเตือนประชาชนอย่าเสียดายเฟอร์นิเจอร์ที่มีพื้นผิวเป็นรูพรุน ไม่สามารถทำความสะอาด และทำให้แห้งได้ เพราะจะกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อรา

นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข อธิบดี กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากภาวะอุทกภัยส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนถูกน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน เมื่อน้ำลด บ้านและเครื่องเรือนต่างๆ ที่ถูกน้ำท่วมจะมีความชื้นสูงทำให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี เราสามารถมองเห็นกลุ่มก้อนของเชื้อราอยู่บนพื้นผิวของวัสดุได้ด้วยตาเปล่า กลุ่มของเชื้อรามักมีรอยจุด สีต่างๆ เช่น สีดำ สีน้ำตาล สีเขียว สีแดง สีเหลือง สีขาว เป็นดวง และมีกลิ่นเหม็นอับ หรือเหม็นคล้ายกลิ่นดิน เชื้อรามักจะเจริญเติบโตซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆ ภายในบ้าน เช่น ฝ้าเพดาน ผนังใต้พื้น ใต้พรม วอลเปเปอร์ ตู้เสื้อผ้า ฟูก หมอน เครื่องหนัง เป็นต้น เมื่อประชาชนเข้าไปทำความสะอาดบ้านเรือนของตนเองก็อาจจะสูดหายใจสปอร์ของ เชื้อราที่ปลิวอยู่ในอากาศภายในบ้านเข้าไป ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น เกิดโรคภูมิแพ้ มีไข้ จาม น้ำมูกไหล โรคปอดอักเสบจากภูมิแพ้ โรคหอบหืด ก่อให้เกิดระคายเคืองต่อตา จมูก หลอดลม ทำให้เกิดอาการปวดแสบปวดร้อน และอาการแพ้เป็นผื่นลมพิษ

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีข้อแนะนำในการกำจัดเชื้อราสำหรับประชาชนที่จะเข้าไปทำความสะอาดบ้านเรือนหลังน้ำลด 5 ขั้นตอน ดังนี้

1.การป้องกันตนเอง ควรสวมรองเท้าบูตยาง สวมถุงมือยาง เพื่อ ป้องกันเชื้อราสัมผัสผิวหนังโดยตรง ใส่แว่นตาป้องกันเชื้อกระเด็นเข้าตา และใส่ผ้าปิดปากปิดจมูกป้องกันการหายใจเอาสปอร์เชื้อราและไอระเหยสารเคมี เข้าสู่ร่างกาย

2.การระบายอากาศ ใน ระหว่างทำความสะอาดควรเปิดประตู หน้าต่าง ม่าน เพื่อให้อากาศถ่ายเทและให้มีแสงแดดส่องถึงที่สำคัญไม่ควรเปิดแอร์ และพัดลมในระหว่างการทำความสะอาดเพราะจะทำให้สปอร์ของเชื้อราฟุ้งกระจายได้

3.การทำความสะอาด ให้ ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ให้เร็วที่สุดภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังน้ำลด โดยให้ล้างด้วยน้ำและสบู่เพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกก่อน หลังจากนั้น ให้ล้างด้วยน้ำยาโซเดียมไฮโปคลอไรต์ หรือผงปูนคลอรีน 0.5 เปอร์เซ็นต์ หรือใช้ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปน้ำยาซักผ้าขาวที่มีส่วนผสมของโซเดียมไฮโปคลอไรต์ ซึ่งสามารถหาซื้อได้ที่ซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไป นำมาผสมกับน้ำในอัตราส่วนน้ำยาซักผ้าขาว 3-5 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 1 แกลลอน (ประมาณ 3.8 ลิตร) สำหรับเชื้อราที่ขึ้นเป็นจุดๆ บนวอลเปเปอร์และผนัง ให้เช็ดด้วยแอลกอฮอล์ล้างแผล 70 เปอร์เซ็นต์ ผสมกับกรดซาลิไซลิกในอัตราส่วน 5 ต่อ 1 แต่หากพบว่ามีเชื้อราเป็นจำนวนมาก ควรเปลี่ยนวอลเปเปอร์และผนังใหม่ ส่วนเชื้อราบนเครื่องหนังให้ใช้น้ำส้มสายชูเช็ดถูหลายๆ ครั้ง เมื่อเครื่องหนังแห้งแล้วให้เช็ดด้วยน้ำยาทำความสะอาดอีกครั้งและใช้ครีม เช็ดรองเท้าเช็ดถูปิดท้าย หลังจากการทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เสร็จแล้ว ให้ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อราเช็ดหรือพ่นบริเวณที่มีเชื้อราเจริญต่อเนื่องทุกวันจน เชื้อราหายไป จากนั้นเว้นระยะเช็ดหรือพ่นเป็นสัปดาห์ละครั้งเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ เชื้อราเจริญเติบโตอีก

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าว เพิ่มเติมว่า สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่สามารถกำจัดเชื้อราและทำให้แห้งได้ เช่น พรม เบาะผ้า ที่นอน ฟูก วอลเปเปอร์ ฯลฯ ไม่ควรเก็บไว้ใช้ต่อควรทิ้งโดยใส่ในถุงพลาสติกและมัดอย่างดีเพื่อป้องกันการ แพร่กระจายของเชื้อราสู่อากาศ

4.การทำให้แห้ง หลังทำความสะอาดและฆ่าเชื้อราในบ้านเสร็จแล้วให้เปิดพัดลมเป่าในบ้านและอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เปิดหน้าต่าง ประตู เพื่อให้อากาศถ่ายเทเอาสปอร์ของเชื้อราออกจากตัวบ้านจนมั่นใจว่าบ้านและ อุปกรณ์ต่างๆ แห้งสนิท

5.ตรวจสอบเชื้อรา หลัง จากทำความสะอาดไปแล้ว 2-3 วัน ให้สังเกตว่ามีเชื้อราเจริญเติบโตอีกหรือไม่ ถ้ายังพบว่ามีเชื้อราให้ทำความสะอาดซ้ำ หากมีเชื้อราเกิดขึ้นอีกให้ประชาชนตรวจสอบระบบระบายอากาศ ระบบแอร์ทั้งหมด และระดับความชื้นภายในบ้านด้วย


-http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9540000150614-

.
คณะหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร 1.หลวงปู่พระอุตรเถระเจ้า 2.หลวงปู่พระโสณเถระเจ้า 3.หลวงปู่พระมูนียะเถระเจ้า(หลวงปู่อิเกสาโร)4.หลวงปู่พระฌาณียะเถระเจ้า(หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า) 5.หลวงปู่พระภูริยะเถระเจ้า(หลวงปู่หน้าปาน)