ผู้เขียน หัวข้อ: คนดังมีดี : "พระพุทธเจ้า" ในแดนใจ โทนี่ รากแก่น  (อ่าน 1590 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ มดเอ๊กซ

  • ทีมงานพัฒนาข้อมูล
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7167
  • พลังกัลยาณมิตร 1518
    • ดูรายละเอียด








ลงชื่อเป็น “สาวกของพระพุทธเจ้า” อีกคน นักแสดงหนุ่มและแฮร์ สไตลิสต์ รูปหล่อ “โทนี่ รากแก่น” บุตรชายคนสุดท้องของราชินีหมอลำ “บานเย็น รากแก่น”
     
      หลังจากที่มีโอกาสไปเข้าคอร์สอบรมวิปัสสนากรรมฐาน เมื่อปลายปี 50 ซึ่งได้เปลี่ยนเขาจากเด็กหนุ่มที่ไม่เคยรู้สึกลึกซึ้งในธรรมะของพระพุทธเจ้า กลายมาเป็นคนที่ให้คุณค่ากับเรื่องเหล่านี้มากขึ้น
         
      • จากเด็กหนุ่มคลั่งอภินิหาร
       สู่นักแสดงผู้เห็นคุณค่าของสมาธิ

     
      โทนี่เล่าว่า ความสนใจในเรื่องลี้ลับและพวกอภินิหารต่างๆ เป็นจุดเริ่มต้นนำเขามาสนใจธรรมะ
     
      “ตอนที่ยังเรียนในระดับไฮสคูลอยู่ที่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย มีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่อยู่บ้านเดียวกัน ซึ่งปกติเราจะเป็นกลุ่มเพื่อนที่ไปเที่ยวด้วยกัน โดดเรียน เล่นเกมส์ทั้งคืน ตื่นเช้าไม่ไปเรียน
     
      แต่พอเพื่อนคนนี้กลับเมืองไทย และหายไปประมาณ 6 เดือน แล้วกลับมาเรียนใหม่ มันเปลี่ยนจากคนที่เราเคยรู้จักไปเป็นคนละคนเลย นั่นคือ ตั้งใจเรียนมากขึ้น ได้คะแนนที่ดี
         
      ผมก็เลยถามว่า.. เฮ้ย ไปทำอะไรมา เขาบอกว่า พ่อให้ไปเกณฑ์ทหารและไปนั่งสมาธิมาด้วย แล้วก็เริ่มเล่าให้ฟังว่า ไปเจออะไรมาบ้าง และชวนว่า อยากให้ไปลอง มันดีอย่างนู้นอย่างนี้
     
      มันรู้ว่าผมชอบเรื่องแปลก ก็เล่าใหญ่เลยว่า ได้ไปเจอกิเลส เป็นตัวเหมือนแมงมุมไต่ออกมาจากตัว อย่างนู้นอย่างนี้ เราก็.. เฮ้ย..จริงเปล่า ทำไมเป็นอย่างนี้ เลยเริ่มสนใจตั้งแต่วันนั้น และเป็นเรื่องที่ติดหัวมาตลอดว่า อยากไปลองนั่งสมาธิสักครั้ง”
     
      เมื่อเรียนจบในระดับปริญญาตรี สาขาโฆษณา จาก R.M.I.T University (Royal Melbourne Institute of Technology) และกลับมาเมืองไทย ปลายปีนั้น เมื่อคิดไม่ออก ว่าจะหากิจกรรมอะไรทำดี จึงทำให้เขาหวนนึกถึงความตั้งใจเดิมที่เคยมี
     
      และจับพลัดจับผลูไปที่ปราจีนบุรี เข้าคอร์สอบรมวิปัสสนากรรมฐาน หลักสูตร 10 วัน ของท่านอาจารย์สัตยา นารายัน โกเอ็นก้า (S.N. Goenka) วิปัสสนาจารย์ชาวอินเดีย ผู้ถือกำเนิดในประเทศพม่า
     
      “ปกติเป็นคอร์สที่ต้องจองนานมาก บังเอิญโทรไปปุ๊บ เขาบอกว่าว่างปั๊บ อีกวันนึงก็ขึ้นรถไปกับเขาเลย ทั้งที่ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง มีวิธีการสอนแบบไหน
     
      4 วันแรกที่ไปอยู่ แพ็คกระเป๋าทุกวัน เตรียมที่จะหนีออกมา อยู่ไม่ได้จริงๆ รู้สึกไม่ไหว โอ้โห.. มันคืออะไรเนี่ย อีกทั้งเป็นช่วงปีใหม่ด้วย ได้ยินแต่เสียงพุอยู่ในใจ และนึกถึงแต่บรรยากาศของการเฉลิมฉลอง (หัวเราะ)
     
      ถามตัวเองว่า เฮ้ย... เรามาทำอะไรอยู่ที่นี่ แต่พอหลังๆ ก็เริ่มคิดได้ว่า มาทั้งทีน่าจะทำให้สำเร็จ ต่อจากนั้นก็เลยลองปฏิบัติตามที่เขาบอก นั่งสมาธิ ฝึกไปเรื่อยๆ จึงได้รู้ว่า มันดีจริงๆ”
     
      จนถึงวันนี้ นักแสดงหนุ่มยังรู้สึกขอบคุณเพื่อนผู้กลับใจ ซึ่งเคยเกเรมาด้วยกัน และตอนนี้เพื่อนได้มีชีวิตและหน้าที่การงานที่ดีไปเรียบร้อยแล้ว ตลอดจนมีทัศนคติที่ดีในการมองโลก ซึ่งเขาเชื่อว่า เป็นเพราะได้พบธรรมะ
     
      • เข้าใจแล้วว่า ธรรมะ
       คือ ธรรมชาติ

     
      จบคอร์สอบรมวิปัสสนากรรมฐานครั้งนั้น แม้โทนี่จะไม่ได้มีโอกาสเห็นกิเลส ตัวเป็นๆเหมือนเพื่อน แต่ก็ทำให้ได้ฝึกฝนตัวเองหลายๆด้าน
     
      “เรามีความอดทนมากขึ้นกับหลายๆอย่างกับการงาน การใช้ชีวิต การรอคอย ปกติเป็นคนไฮเปอร์นิดนึง ไม่ค่อยรออะไร ถ้ารอแล้วจะหงุดหงิด เป็นคนหงุดหงิดง่าย
     
      แต่เมื่อไปอยู่ที่นั่น วันๆไม่ได้ทำอะไรเลย โทรศัพท์ไม่มีให้ใช้ ทีวีไม่มีให้ดูหนังสือไม่มีให้อ่าน อยู่แต่กับตัวเอง เขาฝึกให้เรามีความอดทน มีความเพียรพยายาม ที่จะทำอะไรให้สำเร็จ
     
      วิธีการสอนเกี่ยวกับการนั่งสมาธิ เขาก็จะสอนว่า จะต้องเริ่มด้วยขั้นนี้ จึงจะไปถึงขั้นนั้น ด้วยความอยากรู้ของเรา อยากจะทำได้ให้ถึงขั้นที่เขาบอก ก็เลยทำได้ในที่สุด
     
      และหลังจากที่ได้ปฏิบัติแล้ว คอร์สนี้ยังทำให้เข้าใจธรรมะของพระพุทธเจ้าประมาณนึงเลย เข้าใจว่าธรรมะมันเป็นเรื่องของธรรมชาติ การใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ อยู่อย่างธรรมชาติ และการที่นั่งสังเกตลมหายใจ หรืออยู่กับตัวเอง มันคือการอยู่กับปัจจุบัน คือการทำตัวเองให้เป็นธรรมชาติที่สุด จึงกลายเป็นผลพลอยได้ ให้นำมาปรับใช้กับชีวิตตอนนี้ด้วย”
      
       • ผู้ชายที่ชอบหาเหตุผล

     
      โทนี่ไม่อาจฟันธงว่า สถานปฏิบัติธรรมที่เขาได้ไปนั้นดีที่สุด เพียงแต่ว่าเป็นที่ที่เหมาะกับจริตของผู้ชายที่ชอบหาเหตุผลเช่นเขา
     
      “สถานปฏิบัติธรรมก็มีหลายที่ หลายอาจารย์ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าวิธีสอนของที่อื่นเป็นอย่างไร แต่วิธีของอาจารย์โกเอ็นก้า ที่ผมได้ไปสัมผัส ผมชอบ มันเข้ากับ Logic (เหตุผล) ของผมมากที่สุด
     
      ผมเป็นคนที่ชอบหาเหตุผลไง ทำไมเขาทำอย่างนี้ ทำไมต้องเป็นอย่างนั้น ถ้าเกิดมันเป็นอะไรที่อยู่ที่นอกเหนือเหตุผล รู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่อถือเลย ผมจะไม่ชอบ อย่างเช่น พระอาจารย์บางคนบอกว่า ต้องไปแก้บนอย่างโน้นอย่างนี้ เราก็ไม่ได้ลบหลู่นะ แต่จะมีคำถามอยู่ในหัวแบบว่าอะไรยังไง
     
      แต่พอไปปฏิบัติสมาธิกับอาจารย์โกเอ็นก้า มันทำให้ผมรู้สึกว่า มันมีเหตุและผล เขาสอนให้เราเชื่อว่า คุณทำอะไรไว้ คุณก็จะได้รับแบบนั้น ถ้าคุณมีสติอยู่กับปัจจุบัน คุณทำดีอย่างโน้นอย่างนี้ มันอาจไม่ได้ส่งผลดี ณ เดี๋ยวนั้น แต่อย่างน้อยที่สุด จิตใจคุณจะรู้สึกดีขึ้น รู้จักการใช้ชีวิต ให้มันอยู่กับธรรมชาติมากที่สุด ใช้ชีวิตให้มันดีกับตัวเอง ดีกับคนอื่น ไม่ต้องไปนั่งไหว้พระขอพร หรืออยู่กับความงมงาย”
          
       • คำสอนของแม่คือธรรมะ

     
      อย่างที่โทนี่เล่าว่า เขามาพบธรรมะเอาเมื่อตอนโต และเพราะพบเพื่อนที่ดี แต่ใช่ว่าบุคคลในครอบครัว ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการอบรมสั่งสอนเรื่องของธรรมะให้แก่เขา
     
      หากเพราะเขาเกิดมาในช่วงเวลาที่ทั้งพ่อและแม่ต่างก็กำลังยุ่งอยู่กับชีวิตการทำงานที่กำลังรุ่งโรจน์ และมาถึงทางแยก
     
      “ตอนเด็กๆ พ่อแม่แยกทางกันครับ ผมต้องไปอยู่กับคุณย่า คุณอา ทางญาติฝ่ายพ่อ (เทพบุตร วิมลชัยฤกษ์) ที่มหาสารคาม เขาก็จะมีพาไปวัด ทำบุญปีใหม่ทำบุญวันเกิด ไปโน่นไปนี่บ้าง ได้สัมผัสเรื่องของธรรมะผ่านขนบธรรมเนียม ประเพณีไทย ปกติทั่วไปไม่ได้สัมผัสถึงขั้นลึกซึ้ง หรือว่าได้เรียนรู้เรื่องของการปลง การอยู่กับปัจจุบัน
     
      แม้กระทั่งการเข้าวัด หรือไหว้พระ จะมีคำถามอยู่ตลอดเวลาว่า เอ๊ะ.. เราไหว้ใคร ไหว้ทำไม สวดมนต์ทำไม เราไม่เห็นเข้าใจ มันเลย แม้กระทั่งการขอพร ก็จะรู้สึกว่า เราขอพรทำไม”
     
      กระทั่งอายุ 12 ปี โทนี่ได้ถูกส่งไปเรียน ต่อที่ต่างประเทศ ชีวิตที่ต้องดูแลตัวเองในต่างแดน ทำให้ยิ่งต้องห่างไกลธรรมะมากขึ้นไปอีก
     
      “ตอนที่อยู่ต่างประเทศ เวลาไหว้พระ ก็คือไหว้เฉยๆ ไม่ได้ขอพรอะไรเลย”
     
      ไม่มีแม้แต่เสียงของแม่ที่โทรมาบอกว่า อย่าลืมไหว้พระก่อนนอนนะลูก นอกจากการถามไถ่ถึงสารทุกข์สุกดิบทั่วไป
     
      “มีแต่คุยกันทั่วไปว่า เป็นยังไงบ้าง มีตังค์ใช้มั้ย”
     
      อย่างไรก็ตาม เมื่อได้มาทบทวนดูตอนหลัง จึงได้รู้ว่า หลายอย่างที่แม่พร่ำสอน แม่ได้มอบธรรมะให้แก่เขาโดยไม่รู้ตัว
     
      “คำสอนของแม่คือธรรมะเหมือนกันครับ หลังจากที่ผมได้ไปนั่งสมาธิ ไปปฏิบัติธรรม ผมมานั่งฟังแม่สอนแล้วผมรู้สึกว่า เขาเข้าใจถึงจุดๆหนึ่งของธรรมะแล้วเหมือนกัน เหมือนว่าเขาผ่านอะไรมาเยอะ และเขาก็ปลงได้ในหลายๆเรื่องแล้วก็เอาสิ่งพวกนี้มาสอนเรา
     
      เขาสอนให้เรามีความคิดที่เป็นกลาง หรืออย่างเวลาที่ผมไปบ่นให้เขาฟังว่า ผมไม่ชอบคนแบบนี้เลยนะแม่ เขาชอบทำแบบนี้ๆ แม่จะบอกว่า มันเป็นกรรมของเขา ที่เขาไม่สามารคิดได้ เขาเลยทำแบบนี้”
     
      เมื่อเข้าสู่วงการบันเทิง สิ่งที่แม่ผู้อาบน้ำร้อนมาก่อน มักสอนเขาก็คือ
     
      “อันดับแรกคือ ความซื่อสัตย์ ต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง ว่าเราชอบหรือเปล่าที่จะทำ เราทำได้หรือเปล่า มีความสามารถ พอหรือเปล่า แล้วเรามีความสุขหรือเปล่าที่จะทำ และเมื่อเราเลือกทำแล้ว เราต้องมีความรับผิดชอบในงาน ต้องซื่อสัตย์กับคนรอบข้าง”
     
      และหากว่างจากงานแสดง วิธีการทำบุญทำทานในแบบของเขา คือการไปปล่อยปลา และถวายสังฆทาน
     
      “ส่วนใหญ่ถ้าไปทำบุญด้วยกัน แม่ก็จะพาไปปล่อยปลา ถวายสังฆทาน แถวบ้านแม่ที่เมืองทองธานี ไปซื้อปลาจากตลาด พวกปลาช่อน ปลาดุก ปลาไหล ที่เขากำลังจะฆ่าเพื่อเอามาปล่อย”
     
      • วัยรุ่นสนใจธรรมะ เป็น “กระแส”
       ยังดีกว่า “เหลียวแล อบายมุข”

     
      ช่วงปลายปีที่ผ่านมา โทนี่ไม่ได้ไปเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมที่ไหน ครั้งแรกที่ได้ไปยังถือเป็นครั้งล่าสุดสำหรับเขา แม้แต่การไปสวดมนต์ข้ามปีตามวัดต่างๆ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นจำนวนไม่น้อย
     
      ในเรื่องนี้ ใครหลายคนอาจมองว่าเป็น กระแสมากกว่า แต่เขาเห็นว่า ถึงอย่างไรก็ เป็นกระแสที่ดีที่น่าทำตาม
     
      “ถึงจะเป็น Trend (กระแส) ก็ถือเป็น Trend ที่ดีอย่างน้อย การได้พาตัวเองไป อยู่กับการมีสมาธิ อยู่กับการท่องบทสวดมนต์ ทำให้จิตใจไม่วอกแวก ยังดีกว่าการไปเมาเละ”
     
      • พระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนนักวิทยาศาสตร์
       ที่มีความเป็นอัจฉริยะมากๆ

     
      โทนี่ยอมรับว่า เขาก็เป็นคนหนึ่งที่รู้เรื่องเกี่ยวกับพุทธประวัติน้อยมาก แม้แต่เดือนมีนาคมนี้ที่มีวันสำคัญทางศาสนาอย่าง “วันมาฆบูชา” เขาก็ไม่รู้หรอกว่า ในรายละเอียดเป็นวันที่มีความสำคัญอย่างไร
     
      แต่เขาคิดว่าตัวเองมีความศรัทธาในธรรมะของพระพุทธเจ้า มากๆ
     
      “ผมชอบในคำสอนของพระพุทธเจ้ามากๆ จากการที่ได้ไปปฏิบัติธรรม ได้ไปทดลองกับตัวเอง ผมรู้สึกว่า ถ้าเปรียบพระพุทธเจ้ากับคนสมัยนี้ พระองค์ก็เปรียบเหมือนนักวิทยาศาสตร์ ที่มีความเป็นอัจฉริยะมากๆคนหนึ่ง
     
      คือผู้ที่เอาร่างกาย เอาจิตใจของตัวเองมาทดลอง เป็นผู้ที่มีคำถามกับชีวิตว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนู้นอย่างนี้ ทำไมคนต้องแก่ ทำไมคนต้องเจ็บ นู่นนี่นั่น ตามความเข้าใจของผมคือ พระองค์อยากเข้าใจธรรมชาติ และเมื่อทรงบรรลุในสิ่งที่สงสัย จึงเกิดเป็นคำสอนหรือธรรมะเอาไว้สอนผู้คน”
     
      และเขาหวังอยากให้ “วิชาธรรมะ” ถูกบรรจุไว้ในระบบการศึกษาอย่างจริงจัง ให้ผู้เรียนรู้สึกคุ้นเคยกับมัน ไม่ต่างจากวิชาศิลปะ วิชาพละ วิชาร้องเพลง ฯลฯ
     
      “อย่ามองคำว่าธรรมะ เป็นอะไรที่ยากจริงๆแล้วธรรมะมาจากคำว่าธรรมชาติ ตัวเราเองคือส่วนหนึ่งของธรรมชาติ สุดท้ายแล้วเราก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ทุกวันนี้เราอาจจะใช้ชีวิตเหนือธรรมชาติ อาจจะมีรถขับ เปิดแอร์ให้ห้องเย็น อาจจะมีความอยากมาก แต่วันหนึ่งเมื่อตายไป เราก็จะเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
     
      เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนได้มีโอกาส เรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ ธรรมะเป็นเรื่องที่ผมคิดว่า คนที่เกิดมา ชีวิตหนึ่งน่าจะได้เรียนรู้ และเรียนรู้ถึงขั้นที่จะปฏิบัติ จะได้รู้ว่า มันเป็นยังไง มันดียังไง”
     
      (จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 135 มีนาคม 2555 โดย พรพิมล)

http://www.manager.co.th/Dhamma/ViewNews.aspx?NewsID=9550000030762


" มันเป็นสัจธรรมพื้นฐาน
ความเฉยชา คือ ผู้พิฆาต ความคิดดีนับร้อยพันและแผนการอันวิเศษ
ณ บัดหนึ่ง มีผู้มุ่งมั่นตั้งใจลงมือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมอำนวยชัย

มิว่าสู ทำสิ่งใด หรือ ฝันจะทำอะไร ทำ ณ บัดนี้
ความทรนงองอาจ มีพรสวรรค์ พลังอำนาจ และ มหัศจรรย์แห่งตน "

เกอเธ่...