ริมระเบียงรับลมโชย > รับสายลมเย็นหน้าระเบียง
รวบรวมเรื่อง "เงิน" กับ "ทอง"
sithiphong:
เช็คสภาพความผันผวนเศรษฐกิจโลก ตอนที่ 1
ทิศทางของเศรษฐกิจโลกเป็นอย่างไร ปัจจัยอะไรที่ส่งผลกระทบ
-http://ibizchannel.com/view.aspx?cid=1928&lid=5-
http://ibizchannel.com/view.aspx?cid=1928&lid=5
เช็คสภาพความผันผวนเศรษฐกิจโลก ตอนที่ 2
สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศจีนเป็นอย่างไร
-http://ibizchannel.com/view.aspx?cid=1944&lid=5-
http://ibizchannel.com/view.aspx?cid=1944&lid=5
เช็คสภาพความผันผวนเศรษฐกิจโลก ตอนที่ 3
ท่ามกลางความผันผวนแบบนี้ นักลงทุนควรทำอย่างไร
-http://ibizchannel.com/view.aspx?cid=1961&lid=5-
http://ibizchannel.com/view.aspx?cid=1961&lid=5
.
ไปชมตามลิงค์ครับ
.
sithiphong:
คปภ.ลดชั่วโมงการอบรมตัวแทน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 กรกฎาคม 2556 22:18 น.
-http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000082143-
คปภ.เผยปรับลดชั่วโมงการอบรม เดิมตัวแทนประกันภัยต้องผ่านการอบรมจำนวน 30 ชั่วโมง ลดลงเหลือ 15 ชั่วโมง และนายหน้าประกันภัยต้องผ่านการอบรม 50 ชั่วโมง ลดลงเหลือ 25 ชั่วโมง
นายประเวช องอาจสิทธิกุล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงาน คปภ.ได้ออกประกาศ เรื่อง กำหนดหลักสูตรและวิธีการการอบรมความรู้เกี่ยวกับการประกันชีวิต/วินาศภัย สำหรับผู้ขอรับและขอต่ออายุใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชีวิต/วินาศภัย และนายหน้าประกันชีวิต/วินาศภัย พ.ศ. 2556 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2556 เพื่อเปิดโอกาสให้ตัวแทน/นายหน้า ที่ประสงค์จะขอต่ออายุใบอนุญาต ครั้งที่ 4 เป็นต้นไป ที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดสามารถใช้สิทธิลดจำนวนชั่วโมงการอบรม ดังนี้
1. สอบผ่านคุณวุฒิที่ใช้ในการประกอบอาชีพประกันชีวิต/วินาศภัย ที่สำนักงานให้ความเห็นชอบ เช่น หลักสูตร CFP หลักสูตร AFPT หลักสูตร FChFP (Conversion course) หลักสูตร Cert Cll และหลักสูตร Diploma in Non-Life เป็นต้น
2. สำเร็จการศึกษาตั้งแต่ระดับปริญญาโทขึ้นไปทุกสาขา จากสถาบันอุดมศึกษาหรือสถาบันการศึกษาในต่างประเทศที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนรับรอง และ 3. เป็นหรือเคยเป็นวิทยากร ผู้บรรยายความรู้ หรือเป็นอาจารย์ประจำ หรืออาจารย์พิเศษในสถาบัน สมาคม หรือองค์กร และในหลักสูตรการอบรมสำหรับผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชีวิต/วินาศภัย ขอต่ออายุใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชีวิต/วินาศภัย นายหน้าประกันชีวิต/วินาศภัย ภายในระยะเวลา 5 ปี ก่อนต่ออายุใบอนุญาตฯ
โดยสามารถใช้สิทธิของการอบรมลดลงเหลือกึ่งหนึ่ง คือ ปกติตัวแทนประกันภัยต้องผ่านการอบรมจำนวน 30 ชั่วโมง ให้ลดลงเหลือ 15 ชั่วโมง และนายหน้าประกันภัยต้องผ่านการอบรม 50 ชั่วโมง ลดลงเหลือ 25 ชั่วโมง ทั้งนี้เพื่อเป็นการพัฒนาวิชาชีพประกันภัย สำนักงาน คปภ.จึงอนุญาตให้นำมาใช้ในการต่ออายุได้อย่างต่อเนื่องในวิชาชีพ โดยการใช้สิทธิลดจำนวนชั่วโมงการอบรมไม่สามารถนำมารวมกันหรือขอลดจำนวนชั่วโมงการอบรมในคราวเดียวกันได้
นอกจากนี้แล้ว การเข้ารับการสัมมนาในวิชาที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัยที่สำนักงาน คปภ.ให้ความเห็นชอบภายในระยะเวลา 5 ปีก่อนใบอนุญาตสิ้นอายุ ก็สามารถให้นับชั่วโมงการสัมมนาได้ตามจริง แต่กรณีตัวแทนประกันภัยไม่เกิน 15 ชั่วโมง และกรณีนายหน้าประกันภัยไม่เกิน 25 ชั่วโมง
เลขาธิการ คปภ.กล่าวเสริมว่า รายละเอียดดังกล่าวสามารถดูได้ที่ www.oic.or.th ภายใต้หัวข้อกฎหมายประกันภัย ประกาศสำนักงานฯ เรื่อง กำหนดหลักสูตรและวิธีการ การอบรมความรู้เกี่ยวกับการประกันชีวิต/วินาศภัย สำหรับผู้ขอรับและขอต่ออายุใบอนุญาตเป็นตัวแทนประกันชีวิต/วินาศภัย และนายหน้าประกันชีวิต/วินาศภัย พ.ศ. 2556 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายบริหารกลยุทธ์ช่องทางการจำหน่าย โทร. 0-2515-3999 ต่อ 4300-3 หรือสายด่วนประกันภัย 1186
sithiphong:
รอที่กระดาน... IPO “ซีเคพาวเวอร์” ไม่พอขาย 220 ล.หุ้นคิวจองเต็ม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 กรกฎาคม 2556 18:25 น.
-http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000083307-
เจอกันที่กระดานเทรด... ไอพีโอ “ซีเค พาวเวอร์” 220 ล้านหุ้น ฮอตจัด หมดตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดจอง เคาะราคาขาย 13 บาท/หุ้น ส่วนลด 26% ผู้มีอุปการคุณ และสถาบันกวาดไปแล้ว 60% ส่วนที่เหลืออีก 40% ของรายย่อย ผู้บริหารระบุมีดีมานต์ต้องการซื้อเกลี้ยงแล้ว
โดยการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ ซีเค พาวเวอร์ แต่งตั้ง บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด บริษัทกรุงไทยแอดไวซ์เซอรี่ จำกัด และธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และแต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) บล. บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บล.เคทีซิมิโก้ จำกัด และ บล.ไทยพาณิชย์ จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันจำหน่าย (Lead Underwriter) โดยเปิดให้จองซื้อหุ้น CKP ได้ระหว่างวันที่ 10-12 กรกฎาคมนี้ และจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในหมวดพลังงาน ประมาณวันที่ 18 กรกฎาคมนี้
ดร.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชน (IPO) จำนวน 220 ล้านหุ้นครั้งนี้ แบ่งออกเป็นการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 180 ล้านหุ้น และการเสนอขายหุ้นสามัญเดิม 40 ล้านหุ้น โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จะนำมาชำระคืนเงินกู้ จำนวน 1,300 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ D/E เหลือไม่ถึง 1 เท่า ส่วนที่เหลือจะเป็นเงินทุนในอนาคต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจคิดเป็นมูลค่าการเสนอขาย 2,860 ล้านบาท
สำหรับจุดแข็งของซีเค พาวเวอร์ ที่สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนคือ เป็นบริษัทแฟล็กชิปด้านพลังงานของกลุ่ม ช. การช่าง ที่มีศักยภาพในการเติบโตด้วยรายได้ที่มั่นคง มีตลาดที่มีการเติบโตสูง ซึ่งปัจจุบัน ซีเค พาวเวอร์ ลงทุนในโรงไฟฟ้า 6 แห่ง จากแหล่งพลังงานที่หลากหลาย ทั้งในประเทศ และต่างประเทศซึ่งมีศักยภาพการเติบโต ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์บางเขนชัย และโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์นครราชสีมาโซลาร์ที่ จ.นครราชสีมา โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์เชียงรายโซลาร์ จ. เชียงราย โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนบางปะอิน โคเจนเจเนอเรชั่น 1 และบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น 2 ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำงึม 2 ในประเทศ สปป.ลาว และกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนพัฒนาโรงงานพลังงานความร้อนอีก 8 แห่ง ในภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ตลอดจนการลงทุนเพิ่มใน สปป.ลาว ซึ่งถือได้ว่าเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของภูมิถาค โดยประกอบด้วยโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำบากแบะ โรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี รวมทั้งการสำรวจความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนในประเทศพม่า ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ และโอกาสเติบโตสูง
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า มั่นใจว่าการเสนอขายหุ้นครั้งนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจาก CKP มีฐานรายได้ที่มั่นคง มีการกระจายธุรกิจไปยังธุรกิจไฟฟ้าหลายรูปแบบ มีโครงการที่ดำเนินการอยู่และสามารถส่งมอบได้ในอนาคต อีกทั้งเป็นบริษัทที่มีโอกาสเติบโตสูง จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว ซึ่งโดยกำหนดราคาเสนอขายที่ 13 บาท ซึ่งคิดเป็นราคาปิดต่อมูลค่าทางบัญชีที่ 1.28 เท่า เทียบกับราคาปิดต่อมูลค่าทางบัญชีของบริษัทที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจในลักษณะเดียวกันที่ 1.73 เท่า คิดเป็นส่วนลด 26%
“การเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดี โดยได้จัดสรรให้แก่ผู้มีอุปการคุณ 40% ของหุ้นเสนอขาย 220 ล้านหุ้น จัดสรรให้นักลงทุนสถาบัน 20% และนักลงทุนรายย่อย 40% ซึ่งได้แสดงความต้องการซื้อหมดแล้ว” นายก้องเกียรติกล่าว
sithiphong:
หุ้น IPO “ซีเค พาวเวอร์” เกินคาดนักลงทุนจองล้น
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 กรกฎาคม 2556 17:40 น.
-http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000086620-
“ซีเค พาวเวอร์” ผู้นำในธุรกิจผลิตไฟฟ้าของไทย และอาเซียนเผยการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไป (IPO) ประสบความสำเร็จดีเยี่ยม โดยหุ้นที่เสนอขายจำนวน 220 ล้านหุ้น ราคาจองหุ้นละ 13 บาท คิดเป็นส่วนลดประมาณ 26% ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งสถาบัน และรายย่อยจองซื้อแล้วทั้งหมด รวมมูลค่าการเสนอขายทั้งสิ้น 2,860 ล้านบาท
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น CKP กล่าวว่า “การที่ไอพีโอของ CKP ครั้งนี้ได้ประสบความสำเร็จอย่างดี เนื่องจากพื้นฐานที่แข็งแกร่งของความเป็นธุรกิจพลังงาน มีฐานรายได้ที่มั่นคง มีการกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจไฟฟ้าหลายรูปแบบ มีโอกาสเติบโตสูง จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว ราคาเสนอขายที่ 13 บาท ซึ่งคิดเป็นราคาปิดต่อมูลค่าทางบัญชีที่ 1.28 เท่า คิดเป็นส่วนลดถึง 26% จากราคาต่อมูลค่าทางบัญชีของบริษัทที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจในลักษะณะเดียวกัน จึงให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน และได้รับการตอบรับเกินคาดด้วยการจองซื้อทั้งหมด”
ดร.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บริษัทขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความสนใจจองซื้อหุ้น CKP อย่างล้นหลาม ความสำเร็จครั้งนี้น่าจะเกิดขึ้นจากจุดแข็งของเราในฐานะที่เป็นบริษัทแฟล็กชิปด้านพลังงานของกลุ่ม ช.การช่าง ซึ่งเป็นผู้นำด้านธุรกิจการก่อสร้างมากว่า 40 ปี CKP ยังมีศักยภาพในการเติบโตด้วยรายได้ที่มั่นคงจากสัญญาธุรกิจระยะยาว อยู่ในอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้า มีแผนพัฒนาโครงการที่ชัดเจน จากแหล่งพลังงานที่มีความหลากหลาย และด้วยต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้ ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ ด้วยแรงสนับสนุนจากท่าน เราพร้อมจะก้าวต่อไปอย่างมั่นคงเพื่อส่งมอบไฟฟ้าให้คนไทยได้อย่างยั่งยืน”
ทั้งนี้ หุ้น CKP จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในหมวดพลังงาน วันที่ 18 กรกฎาคม 2556 นี้
http://www.manager.co.th/iBizchannel/viewNews.aspx?NewsID=9560000086620
sithiphong:
สาระน่ารู้ ประเภทของบ้าน
สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกซื้อบ้านหรือที่อยู่อาศัย อันดับแรกนั่นคือกำหนดความต้องการว่าบ้านในฝันที่เราอยากได้นั้นเป็นอย่างไร เช่น บ้านเดี่ยวพร้อมที่ดิน บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ หรือคอนโดมิเนียม แต่ละประเภทก็มีลักษณะแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ การตกแต่ง เนื้อที่ใช้สอย หรือราคา
การที่เราจะเลือกที่อยู่อาศัยในลักษณะใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประกาศ เช่น งบประมาณในการก่อนสร้างหรือซื้อ ทำเลที่ตั้ง ความสะดวกสบาย จำนวนสมาชิกในครอบครัว เป็นต้น ซึ่งแยกอธิบายที่อยู่อาศัยตามลักษณะรูปแบบแต่ละอย่างได้ดังนี้
บ้านเดี่ยว
บ้านเดี่ยว เป็น "บ้านในดวงใจ" ของผู้ซื้อบ้านแทบจะทุกคน เพราะบ้านเดี่ยวให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยและมีบริเวณที่ทำให้รู้สึกโล่ง โปร่ง นอกจากนี้แล้ว สำหรับบางคนบ้านเดี่ยวถือเป็นเครื่องแสดงถึงความเป็นผู้มีฐานะในระดับหนึ่ง (ขึ้นอยู่กับขนาด ความหรูหรา และราคาของบ้าน) อีกด้วย
บ้านเดี่ยวราคาถูกมักจะเป็นบ้านชั้นเดียว แต่โดยทั่วไปแล้วบ้านเดี่ยวจะเป็นบ้าน 2 ชั้น อนึ่ง บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ก็มีให้เห็นบ้างในบริเวณที่ที่ดินมีจำกัดหรือมีราคาแพงมาก
การจัดสรรบ้านเดี่ยวนั้น กฎหมายกำหนดให้ต้องมีขนาดที่ดินไม่ต่ำกว่า 50 ตารางวา โดยที่ดินต้องมีหน้ากว้างติดถนนไม่ต่ำกว่า 10 เมตร ลึก 20 เมตร
บ้านแฝด
ลักษณะของบ้านแฝดโดยทั่วไป คือ เป็นบ้าน 2 หลังมีฝาบ้านด้านหนึ่งติดกัน สร้างขึ้นเป็นคู่ บ้านแฝดมีบริเวณคล้ายบ้านเดี่ยวแต่น้อยกว่า กฎหมายกำหนดให้บ้านแฝดต้องมีขนาดที่ดินไม่ต่ำกว่า 35 ตารางวา บ้านแฝดคู่หนึ่งต้องมีความกว้างของที่ดินไม่ต่ำกว่า 16 เมตร โดยแบ่งข้างละ 8 เมตร
บ้านแฝดเป็นเหมือนบ้านที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยม อาจเป็นเพราะเป็นบ้านที่จะเป็นบ้านเดี่ยวก็ไม่ใช่ จะเป็นทาวน์เฮ้าส์ก็ไม่เชิง ในปีหนึ่งๆ จึงมีบ้านแฝดเกิดขึ้นน้อยมาก
แต่เคยมีผู้ประกอบการบางราย ประกาศขายบ้านเดี่ยวในขนาดที่ดิน 35-40 ตารางวา ซึ่งตามกฎหมายแล้วสร้างไม่ได้ เพราะบ้านเดี่ยวต้องมีขนาดที่ดินไม่ต่ำกว่า 50 ตารางวา โดยการที่ผู้ประกอบการได้ดัดแปลงรูปแบบบ้านแฝดให้ดูคล้ายบ้านเดี่ยว เช่น แม้จะเป็นบ้านแฝดแต่เป็นคู่แฝดก็ไม่เหมือนกันนัก หรือที่ว่าบ้านแฝดต้องมีส่วนติดกัน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องหมายถึงฝาบ้านเท่านั้น บางรายเลยสร้างให้ห้องน้ำ ห้องคนใช้ หรือห้องครัวติดกัน แต่ตัวบ้านหลักดูเหมือนแยกกันเป็น 2 หลัง
ทาวน์เฮาส์ (Town house) หมายถึง บ้านแถวที่ปลูกเป็นแนวยาว อาจมีตั้งแต่ชั้นเดียวขึ้นไป จนถึง 3-4 ชั้น บ้านลักษณะนี้ใช้เนื้อที่ในการก่อสร้างน้อย ที่ดินแต่ละหน่วยมีขนาดเล็กมากเพียง 16-28 ตารางวาเท่านั้น ตัวบ้านตั้งอยู่ตรงกลางมีที่ดินเหลืออยู่เล็กน้อย โดยหน้าบ้านอาจจัดเป็นสวนหย่อม ส่วนด้านหลังบ้านเป็นลานตากผ้า ทำสวนครัว บริเวณด้านหน้าบ้านติดถนนหรือทางเท้า แต่ละหน่วยของอาคารจะใช้ผนังร่วมกัน ยกเว้นหน่วยแรกและหน่วยสุดท้ายของแถว ทำให้ช่วยประหยัดค่าวัสดุก่อสร้างอีกทางหนึ่ง จึงทำให้ราคาของบ้านต่อหน่วยไม่สูงมากนัก อยู่ในงบประมาณที่คนมีฐานะปานกลางจะซื้อหรือผ่อนส่งได้
แฟลต (Flat) หรือห้องชุด มีลักษณะเช่นเดียวกับ อพาร์ตเมนต์ (Apartment) ที่สร้างได้ห้องมาก ทำให้เกิดความคุ้มค่า เพราะสร้างเป็นอาคารสูงหลายชั้นบนที่เพียงเล็กน้อย สร้างได้รวดเร็ว ลดต้นทุนในการผลิต เนื่องจากใช้ฐานรากและหลังคาอันเดียวกัน จึงทำให้ช่วยชะลอการแผ่ขยายตัวของที่อยู่อาศัยโดยรอบในแนวราบได้ดี ลดความหนาแน่นของที่อยู่อาศัยไม่ให้เบียดเสียดกันมากเกินไป อาคารหนึ่งๆ สามารถอยู่กันหลายๆ ครอบครัว ถึงแม้ว่าจะปลูกสร้างอยู่ในบริเวณใจกลางเมือง ซึ่งที่ดินมีราคาสูงก็ตาม แต่เมื่อเอาจำนวนหน่วยทั้งหมดมาเฉลี่ยแล้ว จึงทำให้ราคาต่อหน่วยไม่สูงมากนัก
แฟลตจะมีลักษณะคล้ายคอนโดมิเนียมคือเป็นอาคารสูง ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเท่านั้น มีระเบียงทางเดินด้านใดด้านหนึ่ง อาจเป็น 2 ด้านหรือระเบียงตรงกลาง มีการใช้ผนังห้องร่วมกัน 2 หรือ 3 ด้าน ภายในหน่วยหนึ่งๆ จะแบ่งย่อยเป็นห้องโถงเอนกประสงค์ ห้องนอน ห้องน้ำ และห้องครัว เพื่อให้สอดคล้องกับความจำเป็นพื้นฐานของการดำรงชีวิตประจำวัน แต่มีข้อเสียอยู่บ้างคือแสงสว่างส่องเข้าไปได้น้อย การระบายอากาศไม่ดี และน้ำใช้อาจจะไม่เพียงพอ เพราะใช้กันมาก
คอนโดมิเนียม (condominium) เป็นอาคารที่อยู่อาศัยที่สร้างในแนวดิ่งสูงกว่าแฟลต เป็นอาคารที่มีห้องร่วมกันคือ บุคคลหลายๆคน สามารถถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินผืนเดียวกัน มีลักษณะคล้ายแฟลต เริ่มตั้งแต่ห้องเดี่ยวเอนกประสงค์ไปจนถึง 3-4 ห้องนอน ซึ่งแต่ละหน่วยจะมีห้องต่างๆ เช่น ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องรับแขก อย่างครบถ้วน ตลอดจนห้องทำงาน ห้องพักผ่อนส่วนตัวด้วย ในอาคารชุดจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือทรัพย์สินส่วนบุคคล ได้แก่ ห้องชุด และทรัพย์สินส่วนกลางได้แก่ ที่ดิน
ได้ความรู้เพิ่มเติมกันไปแล้ว หวังว่าจะช่วยให้คุณตัดสินใจซื้อบ้านแบบที่เหมาะสมและถูกใจกันนะคะ
ข้อมูลประกอบจาก :
-http://www.reic.or.th-
-http://www.elearning.msu.ac.th-
http://money.sanook.com/85165/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%97%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99/
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version