รวบแท๊กซี่เดนมนุษย์ข่มขื่นผู้โดยสารสาว
วันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน 2555 เวลา 13:36 น.
-http://www.dailynews.co.th/crime/22416-
-http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=D369qxPxi6k-
Produce15วันนี้ ( 15 เม.ย.) ที่ สน.คันนายาว พ.ต.อ.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผกก.สน.คันนายาว พ.ต.ท.ศักดิ์ชาย สุวรรณนุกูล สว.สส.สน.คันนายาว และชุดสืบสวนสน.คันนายาว แถลงข่าวจับกุมนายพิพัฒน์ หอมจันทร์ หรือกุ๊ก อายุ 40 ปี อาชีพคนขับแท๊กซี่ ผู้ต้องหาหลังก่อคดีข่มขืน น.ส.เอ (นามสมมุติ) โดยถูกจับได้พร้อมรถแท็กซี่โตโยต้าสีชมพู หมายเลขทะเบียน ทม 4664 กทม. มีดปังตอ 1เล่ม เชือก 1 เส้น เสื้อกั๊กหนังสีดำ 1ตัว กระเป๋าใส่เครื่องสำอาง ยกทรงสีดำ1ชิ้นโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
พ.ต.อ.ไพศาล กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 23.45 น.วันที่ 14 เม.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.คันนายาวรับแจ้งเหตุจาก น.ส. เอ(นามสมมุติ) อายุ 32 ปี ว่าถูกคนขับรถแท็กซี่ข่มขืน ที่ริมถนนเลียบกาญจนาภิเษก ใกล้ปากซอยกาญจนาภิเษก 6/1 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กทม. ก่อนที่จะขับรถหลบหนีไป จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่คาดว่าจะเป็นนายพิพัฒน์ หอมจันทร์ ซึ่งมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และถูกเจ้าหน้าที่จับตาดูความเคลื่อนไหวอยู่ จึงนำกำลังไปตรวจสอบที่หมู่บ้านเอื้ออาทรปัญญาอินทรา ถนนปัญญา – อินทรา แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. พบนายพิพัฒน์ กำลังขับรถแท๊กซี่ คันดังกล่าว ออกจากหมู่บ้านลักษณะคล้ายเตรียมจะหลบหนี จึงเข้าจับกุมเอาไว้ได้ จากการสอบสวนนายพิพัฒน์ รับสารภาพว่าเป็นคนลงมือข่มขืน น.ส.เอ จริง
ด้าน น.ส.เอ ให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.วันเดียวกัน ได้เรียกรถแท็กซี่ที่มีนายพิพัฒน์เป็นคนขับ จากร้านสปากระเช้าสีดา แยกคลองสอง จ.ปทุมธานี เพื่อไปหาญาติที่ย่านถนนงามวงศ์วาน จากนั้นนายพิพัฒน์ ได้ขับรถพามาตามเส้นทางถนนเลียบถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งเป็นเส้นทางที่มืดและเปลี่ยว เมื่อมาถึงแถวริมถนนกาญจนาภิเษก ใกล้ปากซอยกาญจนาภิเษก 6/1 นายพิพัฒน์ ทำทีเป็นรับโทรศัพท์ พร้อมกับขอถอยรถเข้าไปในที่มืด ซึ่งตอนนั้นเริ่มเอะใจ แต่ก็ยังไม่กล้าพูดอะไรเนื่องจากรู้สึกกลัว จากนั้นนายพิพัฒน์ถอ ได้คว้ามีดปังตอที่ออกมาจากที่ซ่อนขึ้นมาจ่อที่คอ แล้วเอนเบาะคนขับแล้วปีนข้ามมาหาตน ตนขัดขืน นายพิพัฒน์ จึงใช้สันปังตอฟาดที่คอและต้นขา จากนั้นลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร๋ เท่านั้นยังไม่พอยังให้ใช้สำเร็จความใคร่ให้อีก
หลังจากนั้น นายพิพัฒน์ ได้หยิบกระเป๋าสะพายข้างในมีเงินสดอยู่ 2,700 บาท โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง แล้วบังคับให้ตนลงจากรถ พร้อมกับข่มขู่ว่าถ้าไม่ลงจะจับกดน้ำตนจึงต้องลงจากรถในสภาพที่ไม่ใส่เสื้อผ้าแล้วนายพิพัฒน์ก็ขับรถหลบหนีไปดั้งกล่าว
น.ส.เอ กล่าวอีกว่า ขอฝากเตือนไปยังผู้หญิงคนอื่นๆ ว่าให้ระมัดระวังเวลาขึ้นรถแท็กซี่ ให้จำหมายเลขทะเบียนเอาไว้ เนื่องจากภัยสามารถเกิดขึ้นได้รอบตัว
ด้านนายพิพัฒน์ รับสารภาพว่า ในวันก่อเหตุตนได้ดื่มเหล้าที่ด้านหน้าโลตัสใกล้กับซาฟารีเวิลด์ แล้วขับรถไปเติมแก๊ส แต่พบนางสาวเอก่อนจึงเกิดมีอารมณ์ทางเพศขึ้นมา เลยพานางสาวเอขับรถวนไปตามถนนเลียบถนนกาญจนา เนื่องจากเป็นที่มืดและเปลี่ยว พอสบโอกาสจึงบังคับให้เหยื่อถอดเสื้อผ้าและสำเร็จความใคร่จนสาสม จึงปล่อยตัวไป ครั้งนี้เพิ่งก่อเหตุเป็นครั้งแรก ส่วนมีดปังตอที่อยู่ในรถนั้น ตนเอาไว้ใช้เป็นอุปกรณ์ซ่อมรถเวลารถเสีย เช่น ยางแตก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแถลงข่าว นายพิพัฒน์ยังคงอยู่ในอาการมึนเมา พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง และมีอาการโมโหเมื่อถูกสอบปากคำ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา ได้อาวุธชิงทรัพย์ และข่มขืนกระทำชำเรา พร้อมนำตัวไปดำเนินคดีต่อไป
.
Produce15http://www.dailynews.co.th/crime/22416.