ปิ้งย่าง...อย่างมือโปร
-http://men.kapook.com/view39864.html-
ปิ้งย่าง...อย่างมือโปร (Men’s Health)
เรื่อง Men’s Health UK แปลเรียบเรียง Dragon Booster
สุดสัปดาห์นี้เรามาปิ้ง ๆ ย่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อไร้ไขมัน และเนรมิตอาหารเลิศรส ด้วยบาร์บีคิวสูตรเด็ดของ MH กันดีกว่า เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือเจ้าแห่งการปิ้งย่าง เราก็สนองความต้องการได้ครบทุกรูปแบบครับ
ขั้นเริ่มต้น ขั้นกลาง ขั้นเซียน
1. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม โดยอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับสวรรค์แห่งการปิ้งย่างมีดังนี้
เตาถ่านดีกว่า
สตีเว่น ไรซ์เลน ผู้เขียนหนังสือ Planet Barbecue บอกว่า เตาแก๊สเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการปิ้งย่างแบบไม่ที่ได้เตรียมการไว้ก่อน แต่เตาถ่านจะเหนือชั้นกว่าในเรื่องของรสชาติ “ถ่านจะเผาไหม้ได้ร้อนและแห้งกว่า โปรตีนในเนื้อสัตว์จึงไหม้เกรียมได้ดีกว่า ซึ่งมีผลต่อรสชาติ ที่เยี่ยมยอดไม่น้อยเลยล่ะครับ” และถ้าอยากให้เริ่มปาร์ตี้ได้เร็ว ๆ คุณน่าจะใช้ถ่านไม้มากกว่าถ่านอัดแท่ง เพราะถ่านไม่ติดไฟเร็วกว่า
เลือกเตาย่างแบบที่ใช้ได้นาน ๆ
การควบคุมความร้อนคือหัวใจของการปิ้งย่างที่สมบูรณ์แบบ ไรซ์เลนจึงแนะนำให้ใช้เตาถ่านอย่าง Sportsman’s Grill ของ Lodge Logic เพราะนอกจากจะปรับระดับความสูงของตะแกรงย่างได้ และมีช่องสำหรับควบคุมอุณหภูมิในการย่าง แถมยังเป็นการลงทุนซื้อเตาเหล็กหล่อที่มีคุณภาพด้วย และคุณก็ควรเลือกตะแกรงย่างแบบหน้าเรียบ ซึ่งใช้ย่างอาหารได้หลากหลายชนิด รวมทั้งพิซซ่าด้วย...รับรองว่าคุณพ่อบ้านต้องตะลึกไปเลยล่ะ
ความร้อนต้องพอดี
ถ้าไม่อยากให้เนื้อย่างดิบเกินไป คุณต้องรู้ว่าควรเริ่มย่างตอนไหน โดยประเมินสถานการณ์ด้วยสายตาก่อน คือรอให้ถ่านติดไฟเป็นสีส้ม แต่มีขี้เท้าเคลือบผิวอยู่ จากนั้นใช้มืออังดูว่าไฟร้อนแค่ไหน “เอามืออังเหนือเตาและเริ่มนับได้เลยครับ ถ้ารู้สึกเจ็บร้อนตอนนับได้ถึง 3 ก็แปลว่าเตาพร้อมสำหรับการย่างแบบเกรียมนอกนุ่มในแล้วล่ะครับ” ไรซ์เลนบอก
2. เลือกเนื้อให้เหมาะ ซึ่งทีนี้มาดูกันว่าคุณควรย่างอะไร ถึงจะเป็นผลดีต่อสุขภาพ ช่วยกระตุ้นเมทาบอลิซึม และช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้อย่างเต็มที่
ปิ้งย่าง...อย่างมือโปร
เนื้อปลา
ปลาซาร์ดีน 100 กรัม ให้ซีลีเนียม ถึง 69 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณที่ควรบริโภคในแต่ละวัน ซึ่งแร่ธาตุชนิดนี้จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากและช่วยให้อสุจิคงความสมบูรณ์ ทั้งนี้ แอนดี้ แอนแน็ต แชมป์บาร์บิคิวของอังกฤษ แนะนำว่าถ้าจะย่างปลา ควรทาน้ำมันที่ตะแกรงย่างเสียก่อน หนังปลาจะได้ไม่ติดตะแกรง และควรจะตบท้ายด้วยการบีบมะนาวเพิ่มรสชาติ ซึ่งจะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินซีเพิ่มขึ้นด้วย
เบอร์เกอร์ลดไขมัน
อ้าว...ลดได้จริง ๆ นะครับ ให้เคล้าเนื้อบดแบบไม่ติดมันกับเกลือ น้ำตาลทรายแดง และที่จะขาดเสียไม่ได้คือพริกป่น ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดบรูกส์ระบุว่า ช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญไขมันได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ “พริกยังอุดมด้วยสังกะสีที่ช่วยรักษาระดับเทสทอสเทอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศที่เอื้อต่อการเสริมสร้างกล้ามเนื้ออีกต่อหนึ่ง”
นักโภชนาการ เอ็มม่า เวลล์ส บอกว่า สำหรับเนื้อไก่แบบไขมันต่ำ ถ้าไม่อยากให้น้ำหนักขึ้น คุณต้องเลี่ยงปีกกับน่องไก่นะครับ “หนังไก่อุดมด้วยไขมันอิ่มตัว ซึ่งเป็นสาเหตุของคอเลสเตอรอลสูง ดังนั้นเลือกเนื้อบริเวณอกที่มีไขมันน้อยหน่อยจะดีกว่า” เวลล์สกล่าว เนื้อไก่ขนาด 100 กรัม ให้โปรตีนที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ 30 กรัม โดยมีไขมันอิ่มตัวแค่ 1 กรัมเท่านั้น และถ้าอยากให้เนื้อไก่ไม่แห้งเกินไปและไม่จืดชืด ต้องหมักด้วยน้ำมันมะกอกพริก ตะไคร้ และขิง ก่อนนำไปย่าง
เนื้อควาย
คุณต้องถอดเสื้อย่างบาร์บีคิวโชว์มัดกล้ามให้สาวตาค้างได้แน่ ๆ เพราะเนื้อวัวบดมักอุดมด้วยไขมัน แต่เนื้อควายคือแหล่งโปรตีนไขมันต่ำสุด ๆ เลยล่ะ ซึ่งเนื้อควายทุก ๆ 100 กรัม ให้โปรตีน 28 กรัม โดยมีไขมันแค่ 2.4 กรัม ขณะที่เนื้อวัวบด มีไขมันราว 18 กรัมแน่ะ
ไส้กรอก
มาเสริมสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมันส่วนเกินด้วยการย่างไส้กรอกเนื้อกวางแทนไส้กรอกหมูนะครับ เพราะไส้กรอกเนื้อกวาง 2 ชิ้น (100 กรัม) ให้โปรตีนสูงถึง 20 กรัม โดยมีไขมันแค่ 3 กรัม ขณะที่ไส้กรอกหมูมีไขมันราว 12 กรัม แถมไส้กรอกเนื้อกวาง ยังมีวิตามินบี 12 ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณที่ควรบริโภคในแต่ละวันอีกด้วย ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ที่สถาบันแคโรลินสกาในประเทศสวีเดนชี้ว่า การมีวิตามินบี 12 ในระดับสูง จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคอัลไซเมอร์ส อย่างนี้ก็ได้ประโยชน์หลายต่อเลยน่ะสิ
คุมความร้อนให้ดี
เพื่อให้การย่างเนื้อได้ผลลัพธ์ชนิดไร้ที่ติ คุณต้องรู้ระดับอุณหภูมิที่แน่นอน โดยใช้ส้อมวัดอุณหภูมิของ Kitchen Craft เพื่อวัดระดับความร้อน และควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะกับระดับความสุกที่คุณชอบ คือ
- สุกมาก จะเท่ากับความร้อนที่ 78 องศา
- สุกปานกลาง จะเท่ากับความร้อนที่ 71 องศา
- สุก ๆ ดิบ ๆ จะเท่ากับความร้อนที่ 52 องศา
3. โบนัสจากเครื่องเคียง อย่ามองข้ามเครื่องเคียงรสเด็ด ซึ่งอุดมด้วยวิตามินชนิดต่าง ๆ ที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกับและทำให้กระดูกแข็งแรงเชียวครับ
ปิ้งย่าง...อย่างมือโปร
เพิ่มความชุ่มฉ่ำ
ทาเนื้อที่จะย่างด้วยน้ำผลไม้ “ขณะย่างให้คุณพรมน้ำแอปเปิ้ลให้ทั่วเนื้อหมูหรือเนื้อวัวนะครับ” แอนดี้ แอนแน็ต บอกไว้ว่า “น้ำตาลจากธรรมชาติจะทำให้เนื้อด้านนอกเกรียมน้ำตาล เนื้อย่างจึงมีรสชาติชวนน้ำลายสอ และจะไม่ไหม้เกรียมเกินไปด้วยครับ” และอย่าทิ่มแทงเนื้อสเต็กเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น “น้ำข้างในชิ้นเนื้อที่ควรกักไว้จะไหลออกมาหมด”
หลีกเลี่ยงโรคหัวใจ
กินหน่อไม้ฝรั่งเป็นเครื่องเคียงให้เสียบไม้ที่ก้านและย่างโดยใช้ไฟปานกลางนะครับ “หน่อไม้ฝรั่งอุดมไปด้วยโฟเลต ซึ่งช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและช่วยป้องกันไม่ให้คุณเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด” นักโภชนาการ เอ็มม่า เวลล์ส บอกว่าการกินหน่อไม้ฝรั่งแค่ 10 ก้าน คุณก็จะได้รับวิตามินเคครบตามปริมาณที่ควรบริโภคในแต่ละวันแล้วล่ะครับ แถมกระดูกคุณจะได้คงความแข็งแรงด้วยไงล่ะ
ป้องกันมะเร็งร้ายด้วยน้ำหมักรสเด็ด
“การเผาไหม้โปรตีนในเนื้อสัตว์ จะทำให้เกิดสารก่อมะเร็ง ซึ่งการวิจัยต่าง ๆ พบว่ามีความเชื่อมโยงกับการเป็นโรคมะเร็งลำไส้และมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ” อนิต้า บิน นักโภชนาการ บอกว่า “ถ้าอยากลดโอกาสเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด คุณต้องหมักเนื้อด้วยน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูบัลชามิก เพราะเป็นน้ำหมักจะช่วยลดการเกิดสารก่อมะเร็งในเนื้อที่ย่างได้ตั้ง 50 เปอร์เซ็นต์แน่ะ”
เสริมสร้างกล้ามเนื้อ
นำมะละกอกับสัปปะรดมาเสียบไม้ย่างเป็นบาร์บิคิวของหวาน “มะละกอมีปาเปน ส่วนสับปะรดมีโบรมีเลน ซึ่งเอนไซม์ทั้งคู่จะช่วยย่อยโปรตีนทั้งหมดที่คุณเพิ่งกินเข้าไป” เวลล์สบอก เรียกได้ว่าเป็นเมนูตบท้ายปาร์ตี้เนื้อย่าง ที่เยี่ยมไปเลยล่ะ
ดูแลหัวใจและคุมน้ำหนัก
ดื่มเบียร์ระดับคุณภาพของ Marston’s Resolution ที่หมักนานขึ้นเป็นสองเท่า เพื่อให้น้ำตาลทั้งหมดเปลี่ยนเป็นแอลกอฮอล์ ขวดขนาด 275 มิลลิลิตร จึงมีแค่ 85 แคลอรี่ หรือแค่ 1 ใน 3 ของเบียร์กระป๋องยี่ห้อเท่านั้นเอง และนักวิทยาศาสตร์ชาวดัตช์ได้พบว่า การดื่มเบียร์แค่พอประมาณจะช่วยเพิ่มระดับวิตามินบี 6 ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคหัวใจด้วยนะครับ
กระตุ้นภูมิคุ้มกัน
การต้านอนุมูลอิสระที่ได้จากการกินพริกหวานแดงย่างไฟอ่อน ๆ นอกจากอุดมด้วยวิตามินซีที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันมากกว่าส้มแล้ว พริกหวานแดงเพียง 1 ลูก ยังให้วิตามินเอที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันเช่นกัน แถมยังครบตามปริมาณที่ควรบริโภคในแต่ละวันอีกด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก -http://www.mhthailand.com/main.php-
.
http://men.kapook.com/view39864.htmlhttp://www.mhthailand.com/main.php.