เตือนภัยสาว ๆ รับมือกับ Killing zone ในห้าง

[sithiphong]

เตือนภัยสาว ๆ รับมือกับ Killing zone ในห้าง



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          สำหรับสาว ๆ คนไหนที่หลงใหลในเรื่องของความสวยความงาม โดยเฉพาะเรื่องของเครื่องสำอางและคอร์สประทินผิวทั้งหลายแล้ว ขอให้ระมัดระวังตัวกันเป็นพิเศษสักหน่อย ไม่อย่างนั้นแล้ว อาจจะเหมือนกับเรื่องราวของผู้หญิงจากทางบ้านคนหนึ่งที่เสียเงินครึ่งแสน เพียงเพราะคำพูดและกลวิธีต่าง ๆ นานาของกลุ่มมิจฉาชีพ

          รายการผู้หญิงถึงผู้หญิง วานนี้ (5 มิถุนายน) ได้นำเรื่องราวเตือนภัยสาว ๆ ที่ชอบไปเดินห้างสรรพสินค้า และชอบเดินไปตามเคาท์เตอร์ขายบริการเสริมความงาม ที่เราเรียกมันว่า "killing zone" มาฝาก ทั้งนี้ พิธีกรรายการได้กล่าวว่า นิตยสารฉลาดซื้อได้นำเรื่องราวจากคุณผู้หญิงทางบ้านท่านหนึ่งที่เคยประสบกับเหตุการณ์ดังกล่าวมาลงไว้ เธอเล่าว่า วันนั้นเธอไปเดินห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง (ขอไม่ระบุชื่อ) ซึ่งภายในห้างบริเวณริมทางขึ้นบันได้เลื่อนในชั้นต่าง ๆ จะมีบูธมาตั้งอยู่ เมื่อเธอเดินผ่าน เธอก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะหยุด แต่ก็มีพนักงานที่บูธเชิญชวนว่า ขอเวลาแค่นาทีเดียวเท่านั้น เพราะคุณเป็นคนสวยมาก แต่คุณจะสวยมากกว่านี้ หากคุณตัดส่วนเกินหน้าท้องออกไปนิดเดียว...

          ผู้หญิงทางบ้านเล่าต่อว่า มันเหมือนต้องมนต์สะกด เธอคิดแค่ว่าหยุดแค่นาทีเดียวคงไม่เป็นไร แต่พอเธอเข้าบูธไป พนักงานก็พาเธอไปชั่งน้ำหนัก วัดไขมัน สัดส่วน รวมกันประมาณ 5 นาที จากนั้นพนักงานประจำบูธก็เริ่มเปิดฉากหว่านล้อม เป็นคอร์สลดน้ำหนักมูลค่า 100,000 บาท ใช้ได้ 1 ปี ถ้าชำระเป็นบัตรเครดิตก็จะได้ส่วนลดเพิ่มอีก พนักงานก็ขอดูบัตรเครดิต ปรากฎว่า โป๊ะเช๊ะ! ธนาคารนี้ร่วมรายการพอดี ลด 50 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 50,000 บาท ผ่อนได้ 10 เดือนเลยนะ

          แต่คุณผู้หญิงคนดังกล่าวก็ยังยืนยันว่า ไม่เอา ๆ มาเพื่อซื้อโทรศัพท์เท่านั้น พนักงานก็ไม่ลดละ พูดจาหว่านล้อมต่าง ๆ นานา จนกระทั่งลดค่าคอร์สให้เหลือ 45,000 บาท คุณผู้หญิงคนดังกล่าวก็ยังไม่ยินยอม พนักงานเลยลดค่าคอร์สลงเหลือ 40,000 บาทเท่านั้น หรือจะผ่อนชำระเป็นรายเดือน 10 เดือนก็ได้ พร้อมกันนี้หากลูกค้าไม่มั่นใจ ทางพนักงานก็จะทำสัญญาไว้ก่อนก็ได้ ด้วยคำพูดหว่านล้อมต่าง ๆ นานา ประกอบกับค่าคอร์สที่ลดลงเรื่อย ๆ ทำให้เธอใจอ่อนและยอมเซ็นสัญญา พร้อมกับรูดบัตรไปในที่สุด พอเดินออกมาจากตรงนั้นแหละ เธอจึงคิดได้ว่า ไม่อยากซื้อแล้ว จึงโทรไปยกเลิกการรูดบัตร แต่ก็ไม่ได้ เพราะเธอได้เซ็นยินยอมการรูดบัตรไปแล้ว

          คำถามคือ แล้วจะทำอย่างไรดี? ทางนิตยสารก็ได้มีข้อแนะนำในกรณีนี้ โดยเริ่มจากทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร ยกเลิกสัญญาดังกล่าว ส่งไปหน่วยงานบริการที่คุณไปเซ็นสัญญากับเขานั่นแหละ 1 ฉบับ และถ่ายสำเนาไว้อีก 2 ฉบับ ฉบับหนึ่งเก็บไว้ที่เรา อีกฉบับส่งไปที่ธนาคารเจ้าของบัตรเครดิต ซึ่งเมื่อธนาคารได้รับหนังสือร้องดังกล่าวแล้ว ธนาคารก็จะติดต่อไปที่สถานที่บริการนั้น ๆ เพื่อแจ้งขอเงินคืนให้ลูกค้า เพราะลูกค้าขอยกเลิกมา เพราะฉะนั้น เงินที่รูดไป ธนาคารจะต้องขอคืนให้ลูกค้า และแน่นอนว่าสถานที่ให้บริการนั้น ๆ ก็ต้องให้เงินคืนแก่ธนาคารไป ซึ่งใช้เวลาในกระบวนการดังกล่าวทั้งสิ้น 17 วัน แต่นั่นหมายถึงว่า คุณต้องยังไม่ได้ใช้บริการนั้น ๆ ซึ่งมันเป็นกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคอยู่แล้ว หากเรามีหลักฐานแสดงความต้องการเป็นลายลักษณ์อักษรที่ระบุรายละเอียดอย่างชัดเจน

          นี่ถือเป็นอุทาหรณ์ชั้นดีให้สาว ๆ ระวังภัยกับ Killing zone แบบนี้ อีกทั้งหากเกิดข้อสังสัย หรือมีอะไรไม่ชอบมาพากลก็ขอให้รีบปลีกตัวออกมาโดยไว เพื่อไม่ให้เหตุการณ์แย่ ๆ แบบคุณผู้หญิงจากทางบ้านคนนี้ เกิดขึ้นซ้ำรอยอีกต่อไป


-http://women.kapook.com/view42025.html-

.

http://women.kapook.com/view42025.html

.