ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องย่อในพระธรรมบท บทที่ 13 : โลกวรรค  (อ่าน 4218 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: เรื่องย่อในพระธรรมบท บทที่ 13 : โลกวรรค
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2012, 06:14:40 pm »



11. เรื่องนายกาละบุตรของอนาถบิณฑิกเศรษฐี

พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภนายกาละบุตรของอนาถบิณฑิกเศรษฐี  ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  ปฐพฺยา  เอกราเชน  เป็นต้น

นายกาละ บุตรของอนาถบิณฑิกเศรษฐี  จะปลีกตัวออกห่าง  เมื่อพระศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์เสด็จมาที่บ้าน  ท่านเศรษฐี มีความหวั่นเกรงว่า  หากบุตรชายยังประพฤติตัวอย่างนี้   ก็จะไม่แคล้วไปตกนรก   จึงต้องการแก้ไขพฤติกรรมของบุตรชาย  ด้วยการใช้กุศโลบายใช้เงินเป็นตัวล่อ   โดยท่านเศรษฐีได้บอกกับบุตรว่า  จะให้เงิน 100 กหาปณะ หากบุตรรักษาอุโบสถ และไปวัดฟังธรรม  นายกาละผู้บุตรก็ได้รับอุโบสถ แล้วนอนค้างที่วัดและกลับมาในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้นโดยที่ไม่ได้ฟังธรรม  เมื่อบุตรกลับมาจากวัด  ท่านเศรษฐีพูดขึ้นว่า   “บุตรของเราได้เป็นผู้รักษาอุโบสถ  ท่านทั้งหลายจงนำข้าวต้มเป็นต้นมาให้เขาเร็ว”  แต่บุตรบอกเศรษฐีผู้บิดาว่าจะรับประทานอาหารก็ต่อเมื่อได้เงิน 100 กหาปณะก่อนเท่านั้น  เศรษฐีก็ได้ให้เงินจำนวนนั้นแก่บุตร   และบุตรก็จึงยอมรับประทานอาหาร

ในวันรุ่งขึ้น  บิดาก็ได้กล่าวกับบุตรอีกว่า  “พ่อคุณ  เราจักให้กหาปณะพันหนึ่งแก่เจ้า  เจ้าจงยืนตรงพระพักตร์ของพระศาสดา  เรียนเอาบทแห่งธรรมให้ได้บทหนึ่งแล้วพึงมา”  นายกาละผู้บุตรก็ได้ไปที่วัดอีกครั้งหนึ่ง  และได้ตั้งใจว่าจะเรียนธรรมให้ได้สักบทหนึ่งก็จะรีบกลับบ้าน  พระศาสดาได้ทรงบันดาลให้นายกาละจำบทธรรมอะไรไม่ได้สักบท  แม้จะพยายามอย่างไรก็จำไม่ได้  แต่พอนายกาละยืนฟังนานๆเข้าด้วยจิตใจจดจ่อก็จึงได้บรรลุโสดาบัน

ในวันรุ่งขึ้น  นายกาละนั้นเข้าไปสู่กรุงสาวัตถี  พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์  มีพระศาสดาเป็นประมุข  ท่านเศรษฐีพอเห็นบุตรเดินมาก็นึกชอบใจ  แต่ทว่าในวันนี้  พฤติกรรมของนายกาละ  ไม่เหมือนวันวาน  วันนี้เขากลับตั้งจิตอธิษฐานขออย่าให้บิดานำเงินมาให้ตนต่อเบื้องพระพักตร์ของพระศาสดา  และขอให้ช่วยปกปิดเรื่องที่ตนไปรักษาอุโบสถเพื่อแลกกับเงินหนึ่งพันกหาปณะ 

เศรษฐีได้ถวายภัตตาหารแด่พระศาสดาและภิกษุสงฆ์  และสั่งให้คนยกอาหารมาให้บุตรด้วย   นายกาละก็ได้นั่งรับประทานอาหารด้วยอาการนิ่งสงบ  ในเวลาเสร็จภัตกิจของพระศาสดา  เศรษฐีให้คนวางห่อปหาปณะพันหนึ่งไว้ตรงหน้าบุตรแล้ว พูดว่า  “พ่อคุณ  นี่ไงเงินจำนวนหนึ่งพันกหาปณะที่พ่อรับปากว่าจะให้ลูกหากลูกไปสมาทานอุโบสถและฟังธรรมในวัด”    นายกาละเห็นบิดาให้คนนำถุงเงินมาให้ตนต่อเบื้องพระพักตร์ของพระศาสดา ก็นึกละอายแก่ใจ พูดว่า  ผมไม่รับ   แม้จะถูกคะยั้นคะยอให้รับอย่างไร  ก็บอกว่า  ไม่รับ ๆ

ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี   ถวายบังคมพระศาสดาแล้ว  กราบทูลว่า  “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ  วันนี้  ข้าพระองค์  ชอบใจอาการของบุตร”  เมื่อพระศาสดาตรัสถามว่า  “เรื่องอะไรหรือ มหาเศรษฐี”  จึงกราบทูลว่า  “ในวันก่อน  บุตรของข้าพระองค์นี้  อันข้าพระองค์พูดว่า  เราจักให้กหาปณะแก่เจ้า  แล้วส่งไปวิหาร  ในวันรุ่งขึ้น  ยังไม่ได้รับกหาปณะแล้ว  ไม่ปรารถนาจะบริโภคอาหาร  แต่วันนี้  เขาไม่ปรารถนากหาปณะแม้ที่ข้าพระองค์ให้
พระศาสดาตรัสว่า  “ อย่างนั้น  มหาเศรษฐี  วันนี้  โสดาปัตติผลนั่นแล  ของบุตรของท่าน  ประเสริฐแม้กว่าสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิ  แม้กว่าสมบัติในเทวโลก และพรหมโลก
จากนั้น  พระศาสดาได้ตรัสพระธรรมบท  พระคาถานี้ว่า

ปฐพฺยา  เอกรชฺเชน
สคฺคสฺส  คมเนน วา
สพฺพโลกาธิปัจฺเจน
โสตาปตฺติผลํ  วรํ ฯ


(อ่านว่า)
ปะถับพะยา  เอกะรัดเชนะ
สักคัดสะ  คะมะเนะ วา
สับพะโลกาทิปัดเจนะ
โสตาปัดติผะลัง  วะรัง.
 
(แปลว่า)
โสดาปัตติผล
ประเสริฐกว่าความเป็นเอกราชในแผ่นดิน
กว่าการไปสู่สวรรค์

และกว่าความเป็นใหญ่ในโลกทั้งปวง.

 
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง   ชนเป็นอันมาก  บรรลุอริยผลทั้งหลาย  มีโสดาปัตติผลเป็นต้น .



เรื่องย่อและพระคาถาพระธรรมบท 
(๑๗ พ.ย.๕๑)
-http://www.oknation.net/blog/dhammapada/2008/11/17/entry-4

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 16, 2012, 10:14:59 am โดย ฐิตา »