ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องย่อในพระธรรมบท บทที่ 18 : มลวรรค  (อ่าน 7274 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: เรื่องย่อในพระธรรมบท บทที่ 18 : มลวรรค
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2012, 05:40:49 pm »


11. เรื่องพระอุชฌานสัญญีเถระ

พระศาสดา  เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน  ทรงปรารภพระเถระรูปหนึ่งชื่อ อุชฌานสัญญี   ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  ปรวชฺชานุปสฺสิสฺส  เป็นต้น

พระอุชฌานสัญญีเถระ   มักจะคอยจับผิดและพูดไม่ดีกับภิกษุอื่นอยู่เสมอ  เช่น   ภิกษุนี้ นุ่งสบงอย่างนี้  ภิกษุนี้  ห่มจีวรอย่างนี้   เป็นต้น   ภิกษุทั้งหลายจึงได้นำเรื่องนี้กราบทูลพระศาสดา   พระศาสดาจึงตรัสว่า  “ภิกษุทั้งหลาย   ภิกษุตั้งอยู่ในข้อวัตร  กล่าวสอนอยู่อย่างนี้  ใครๆไม่ควรติเตียน  ส่วนภิกษุใด  แสวงหาโทษของชนเหล่าอื่น  เพราะความมุ่งหมายในอันกล่าวโทษ  กล่าวอย่างนี้แล้วเที่ยวไป  บรรดาคุณวิเศษมีฌานเป็นต้น  คุณวิเศษแม้อย่างหนึ่ง  ย่อมไม่เกิดแก่ภิกษุนั้น  อาสวะเท่านั้น  ย่อมเจริญอย่างเดียว
จากนั้น  พระศาสดาตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า

ปรวชฺชานุปสฺสิสฺส
นิจฺจํ  อุชฌานสญฺญิโน
อาสวา  ตสฺส  วฑฺฒนฺติ
อารา   โส  อาสวฺขยํ  ฯ


(อ่านว่า)
ปะระวัดชานุปัดสิดสะ
นิดจัง  อุดชานะสันยิโน
อาสะวา  ตัดสะ  วัดทันติ
อารา  โส  อาสะวักขะยัง.

(แปลว่า)
อาสวะทั้งหลาย  ย่อมเจริญแก่บุคคลนั้น
ผู้คอยดูโทษของบุคคลอื่น
ผู้มีความมุ่งหมายในอันกล่าวโทษเป็นนิตย์
บุคคลนั้น  เป็นผู้ไกลจากความสิ้นไปแห่งอาสวะ.


เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง  ชนเป็นอันมาก  บรรลุอริยผลทั้งหลาย  มีโสดาปัตติผลเป็นต้น


ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: เรื่องย่อในพระธรรมบท บทที่ 18 : มลวรรค
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2012, 07:41:10 pm »




12. เรื่องสุภัททปริพาชก

พระศาสดา  ผทมแล้วบนพระแท่นเป็นที่ปรินิพพาน  ในสาลวัน  ของเจ้ามัลละทั้งหลาย 
อันเป็นที่แวะพัก  ใกล้พระนครกุสินารา  ทรงปรารภปริพาชกชื่อว่า  สุภัททะ
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า  อากาเสว  ปทํ  นตฺถิ  เป็นต้น

สุภัททปริพพาชกผู้นี้   พำนักอยู่ที่เมืองกุสินารา   ในอดีตชาตินั้น
เมื่อน้องชายของเขา ถวายทานที่เกี่ยวข้องกับข้าวกล้าในนาถึง  9  ครั้ง  แต่เขามัวแต่โอเอ้
ไม่ยอมถวายทานในช่วงแรกๆ  แต่ได้มาถวายในช่วงท้าย ทำให้ในชาตินี้เขาไม่ได้เข้าเฝ้าพระศาสดา
ในช่วงปฐมโพธิกาล  และมัชฌิมโพธิกาล   แต่ได้มาเข้าเฝ้าพระศาสดาในช่วงปัจฉิมโพธิกาล


สุภัททปริพาชก  เมื่อได้ข่าวว่าพระศาสดาจะเสด็จดับขันธปริพพาน
จึงได้เข้าเฝ้าพระศาสดา
กราบทูลถามปัญหา  3  ข้อ   คือ 1.  รอยเท้าในอากาศ  มีหรือไม่
2.  ชื่อว่าสมณะภายนอกแต่พุทธศาสนามีหรือไม่
และ 3.  สังขารทั้งหลายชื่อว่าเที่ยง  มีหรือไม่
พระศาสดา   จึงได้ตรัสพระธรรมบท  สองพระคาถานี้ว่า

อากาเสว  ปทํ  นตฺถิ
สมโณ  นตฺถิ  พาหิโร
ปปญฺจาภิรตา  ปชา
นิปฺปปญฺจา  ตถาคตา ฯ

อากาเสว   ปทํ  นตฺถิ
สมโณ  นตฺถิ  พาหิโร
สงฺขารา   สสฺสตา  นตฺถิ
นตฺถิ  พุทฺธานมิญฺชิตํ  ฯ


(อ่านว่า)
อากาเสวะ  ปะทัง  นัดถิ
สะมะโน  นัดถิ  พาหิโร
ปะปันจาพิระตา  ปะชา
นิบปะปันจา  ตะถาคะตา.

อากาเสวะ  ปะทัง  นัดถิ
สะมะโน  นัดถิ  พาหิโร
สังขารา  สัดสะตา  นัดถิ
นัดถิ  พุดทานะมินชิตัง.

(แปลว่า)
รอยเท้าในอากาศนั่นเทียว  ไม่มี
สมณะภายนอก  ไม่มี
หมู่สัตว์เป็นผู้ยินดียิ่งแล้วในธรรมเครื่องเนิ่นช้า
พระตถาคตทั้งหลาย  หาธรรมเครื่องเนิ่นช้ามิได้.


รอยเท้าในอากาศเทียว  ไม่มี
สมณะภายนอกไม่มี
สังขารทั้งหลาย ชื่อว่าเที่ยง  ไม่มี

กิเลสเครื่องหวั่นไหว   ไม่มีแก่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย.

 
เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง  สุภัททปริพาชก  บรรลุอนาคามิผล
พระธรรมเทศนา  มีประโยชน์แม้แก่บริษัทผู้มาประชุมกัน.


-http://www.oknation.net/blog/dhammapada/page2

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 14, 2012, 02:25:31 pm โดย ฐิตา »