ผู้เขียน หัวข้อ: ۞๚ เถระคาถา ๚ะ๛ ۞  (อ่าน 43760 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: ۞๚ เถระคาถา ๚ะ๛ ۞
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2012, 02:08:48 pm »


   เพลัฏฐกานิเถรคาถา
                [๒๓๘]      ท่านละความเป็นคฤหัสถ์มาแล้ว ยังไม่ทันสำเร็จกิจ เป็นผู้มีปากห่างไถ
                             เห็นแก่ท้องเป็นคนเกียจคร้าน เป็นคนโง่เขลา เข้าห้องบ่อยๆ เหมือน
                             สุกรตัวใหญ่ที่เขาปรนปรือด้วยเหยื่อ ฉะนั้น.


   เสตุจฉเถรคาถา
                [๒๓๙]       ชนทั้งหลายถูกมานะหลอกลวงแล้ว เศร้าหมองอยู่ในสังขารทั้งหลาย
                             ถูกความมีลาภและความเสื่อมลาภย่ำยีแล้ว ย่อมไม่ได้บรรลุสมาธิเลย.


   พันธุรเถรคาถา
                [๒๔๐]       เราไม่มีความต้องการด้วยลาภ คือ อามิสนั้นมีความสุขพอแล้ว เป็นผู้อิ่ม
                             เอิบแล้วด้วยรสแห่งธรรม ครั้นได้ดื่มรสอันล้ำเลิศเช่นนี้แล้ว จะไม่
                             กระทำความสนิทสนมด้วยรสอื่นอีก.

   ขิตกเถรคาถา
                [๒๔๑]       กายของเราเป็นกายเบาหนอ อันปีติและสุขอย่างไพบูลย์ถูกต้องแล้ว
                             ย่อม
เลื่อนลอยได้เหมือนนุ่นที่ถูกลมพัดไป ฉะนั้น.


   มลิตวัมภเถรคาถา
                [๒๔๒]                 เราเกิดความกระสันขึ้นในที่ใด เราย่อมไม่อยู่ในที่นั้น แม้เราจะยินดี
                             อย่างนั้น ก็พึงหลีกไปเสีย แต่เราเห็นว่า การอยู่ในที่ใดจะไม่มีความ
                             เสื่อมเสีย
เราก็พึงอยู่ในที่นั้น.



ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: ۞๚ เถระคาถา ๚ะ๛ ۞
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2012, 06:18:35 pm »


   สุเหมันตเถรคาถา
   สุภาษิตชี้ลักษณะคนโง่และคนฉลาด
                [๒๔๓]      คนโง่เขลา มักเห็นเนื้อความอันมีความหมายตั้งร้อย ทรงไว้ซึ่งลักษณะ
                             ตั้งร้อย ว่ามีความหมายและลักษณะเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนคนฉลาด
                          ย่อมเห็นได้ตั้งร้อยอย่าง.


   ธรรมสังวรเถรคาถา
   สุภาษิตเกี่ยวกับการบวช
                [๒๔๔]                 เราได้พิจารณาแล้ว จึงออกบวชเป็นบรรพชิต เราได้บรรลุวิชชา ๓ แล้ว
                             บำเพ็ญกิจในพระพุทธศาสนาเสร็จแล้ว.


   ธรรมสฏปิตุเถรคาถา
   สุภาษิตเกี่ยวกับการบวชเมื่อแก่
                [๒๔๕]                 เรามีอายุ ๑๒๐ ปี จึงออกบวชเป็นบรรพชิต ได้บรรลุวิชชา ๓ แล้ว
                             บำเพ็ญกิจในพระพุทธศาสนาเสร็จแล้ว.

   สังฆรักขิตเถรคาถา
   สุภาษิตชี้โทษการไม่สังวร
                [๒๔๖] ภิกษุผู้อยู่ในที่สงัดนี้ เห็นจะไม่คำนึงถึงคำสอนของพระศาสดา ผู้ทรง
                             อนุเคราะห์สัตว์โลกด้วยประโยชน์อย่างเยี่ยมเป็นแน่ จึงไม่สำรวมอินทรีย์
                             เหมือนแม่เนื้อลูกอ่อนในป่าฉะนั้น.


   อุสภเถรคาถา
   สุภาษิตเกี่ยวกับอบรมจิต
                [๒๔๗]                 พฤกษชาติทั้งหลายบนยอดเขา ที่ถูกน้ำฝนใหม่ตกรดแล้วย่อมงอกงาม
                             จิตอันควรแก่ภาวนา ย่อมเกิดทวีขึ้นแก่เรา ผู้ชื่อว่าอุสภะ ผู้ใคร่ต่อวิเวก
                             มีความสำคัญไปแล้วในป่า



ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: ۞๚ เถระคาถา ๚ะ๛ ۞
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2012, 06:38:08 pm »


   เชนตเถรคาถา
   สุภาษิตเกี่ยวกับความยาก
                [๒๔๘] การบวชกระทำได้ยากแท้ การอยู่ครองเรือนก็ยากแท้ ธรรมเป็นของลึก
                             การหาทรัพย์เป็นของยาก การเลี้ยงชีพของเราด้วยปัจจัย ๔ ตามมีตามได้
                             ก็เป็นของยาก ควรคิดถึงอนิจจตาเนืองๆ.


   วัจฉโคตตเถรคาถา
   สุภาษิตเกี่ยวกับฉลาดในอุบาย
                [๒๔๙] เราเป็นผู้ได้ไตรวิชชา มักเพ่งธรรมอันประณีต ฉลาดในอุบายสงบใจ
                             ได้บรรลุประโยชน์ของตน เสร็จกิจพระพุทธศาสนาแล้ว.


   วนวัจฉเถรคาถา
   สุภาษิตเกี่ยวกับการอยู่ป่า
                [๒๕๐] ภูเขากว้างใหญ่ มีน้ำใสสะอาด เกลื่อนกล่นไปด้วยลิงและค่าง ดาดดื่นไป
                             ด้วยน้ำและสาหร่าย ย่อมทำใจของเราให้รื่นรมย์.

   อธิมุตตเถรคาถา
   สุภาษิตชี้โทษความเกียจคร้าน
                [๒๕๑] เมื่อชีวิตจะสิ้นไป ความเป็นสมณะที่ดีจักมีแก่ภิกษุผู้เกียจคร้าน ผู้ติดอยู่
                             ในความสุขในร่างกายแต่ที่ไหน.


   มหานามเถรคาถา
   สุภาษิตเตือนตน
                [๒๕๒]      ดูกรมหานาม ท่านนี้จะเสื่อมจากภูเขาชื่อเนสาทกะ ที่สะพรั่งไปด้วย
                             ต้นโมกมันและไม้อ้อยช้าง เป็นภูเขาที่สมบูรณ์ด้วยร่มเงาและน้ำเป็น
                             อันมากประดับด้วยต้นไม้และเถาวัลย์โดยรอบ.



ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: ۞๚ เถระคาถา ๚ะ๛ ۞
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2012, 06:43:44 pm »


   ปาราปริยเถรคาถา
   สุภาษิตเกี่ยวกับการกำจัดกิเลส
                [๒๕๓]                 เราละผัสสายตนะ ๖ ประการได้แล้ว เป็นผู้คุ้มครองทวารสำรวมด้วยดี
                             กำจัดเสียได้ซึ่งสรรพกิเลส อันเป็นมูลรากแห่งวัฏทุกข์ บรรลุความสิ้น
                             อาสวะแล้ว.


   ยสเถรคาถา
   สุภาษิตเกี่ยวกับการทำกิจศาสนา
                [๒๕๔]      เราเป็นผู้ลูบไล้ดีแล้ว มีเครื่องนุ่งห่มอันงดงาม ประดับด้วยสรรพาภรณ์
                             ได้บรรลุวิชชา ๓ บำเพ็ญกิจพระพุทธศาสนาเสร็จแล้ว.


   กิมพิลเถรคาถา
   สุภาษิตไม่ให้ลืมตน
                [๒๕๕]      วัยย่อมล่วงไปพลัน รูปที่มีอยู่โดยอาการนั้นย่อมปรากฏแก่เราเหมือนเป็น
                             อย่างอื่น เราระลึกถึงตนของเรา ผู้ไม่อยู่ปราศจากสติเหมือนของผู้อื่น.

   วัชชีปุตตเถรคาถา
   สุภาษิตเตือนให้ปฏิบัติธรรม
                [๒๕๖] ดูกรอานนท์ผู้โคตมโคตร ท่านจงเข้าไปสู่ชัฏแห่งโคนไม้ จงหน่วงนิพพาน
                             ไว้ในหทัยแล้วจงเพ่งฌาน และอย่าประมาท การใส่ใจถึงประชุมชน จักทำ
                             ประโยชน์อะไรให้แก่ท่านได้.


   อิสิทัตตเถรคาถา
   สุภาษิตเกี่ยวกับการรู้เห็นเบญจขันธ์
                [๒๕๗]      เบญจขันธ์ข้าพระองค์กำหนดรู้แล้ว ตัดรากขาดแล้ว ตั้งอยู่ ข้าพระองค์
                             บรรลุถึงความสิ้นทุกข์แล้ว บรรลุความสิ้นอาสวะแล้ว.



ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: ۞๚ เถระคาถา ๚ะ๛ ۞
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2012, 06:51:35 pm »


   อุตตรเถรคาถา
   สุภาษิตชี้โทษของภพ
                [๒๕๘]      ได้ยินว่า ท่านพระอุตตรเถระได้ภาษิตคาถาไว้ ๒ คาถาอย่างนี้ว่า ภพอะไร
                             ที่เที่ยงไม่มี แม้สังขารที่เที่ยงก็ไม่มี ขันธ์เหล่านั้นย่อมเวียนเกิดและ
                             เวียนดับไป เรารู้โทษอย่างนี้แล้ว จึงไม่มีความต้องการด้วยภพ เราสลัด
                             ตนออกจากกามทั้งปวง บรรลุถึงความสิ้นอาสวะแล้ว.


   ปิณโฑลภารทวาชเถรคาถา
   สุภาษิตชี้ทางดำเนินชีวิตที่ถูก
                [๒๕๙]       ได้ยินว่า ท่านพระปิณโฑลภารทวาชเถระได้ภาษิตคาถาไว้ ๒ คาถาอย่างนี้ว่า
                             ชีวิตของเรานี้ ย่อมไม่เป็นไปโดยไม่สมควร อาหารไม่ได้ทำจิตให้สงบ
                             เราเห็นว่า ร่างกายจะดำรงอยู่ได้เพราะอาหาร จึงได้เที่ยวแสวงหาอาหาร
                             โดยทางที่ชอบ นักปราชญ์มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ได้กล่าวการไหว้
                             การบูชาในตระกูลทั้งหลายว่า เป็นเปือกตม เป็นลูกศรอันละเอียด
                             ถอนขึ้นได้ยาก สักการะอันบุรุษชั่วละได้ยาก.


   วัลลิยเถรคาถา
   สุภาษิตเกี่ยวกับการฝึกจิต
                [๒๖๐]   วานรเข้าไปอยู่ในกระท่อมมีประตู ๕ ประตู พยายามเวียนเข้าออกทาง
                             ประตูนั้นเนืองๆ จงหยุดนิ่งนะเจ้าลิง อย่าวิ่งไปดังกาลก่อนเลย เราจับ
                             เจ้าไว้ได้ด้วยปัญญาแล้ว เจ้าจักไปไกลไม่ได้ละ.

   คังคาตีริยเถรคาถา
   สุภาษิตสรรเสริญความสันโดษ
                [๒๖๑]   เราทำกระท่อมด้วยใบตาล ๓ ใบ ที่ริมฝั่งแม่น้ำคงคา บาตรของเราเหมือน
                             ดังหม้อสำหรับตักน้ำรดศพ และจีวรของเราเป็นดังผ้าคลุกฝุ่น ในระหว่าง
                             ๒ พรรษา เราพูดเพียงคำเดียวเท่านั้น ในภายในพรรษาที่ ๓ เราทำลาย
                             กองความมืด คืออวิชชาได้แล้ว.


   อชินเถรคาถา
   สุภาษิตชี้ลักษณะคนพาล
                [๒๖๒] ถึงแม้บุคคลจะมีวิชชา ๓ ละมัจจุราชแล้วเป็นผู้หาอาสวะมิได้ คนพาล
                             ทั้งหลายผู้ไม่มีความรู้ ก็ย่อมดูหมิ่นบุคคลนั้นว่า เป็นผู้ไม่มีชื่อเสียง
                             ส่วนบุคคลใดในโลกนี้ เป็นผู้ได้ข้าวและน้ำ ถึงแม้ว่าบุคคลนั้นจะเป็น
                             คนชั่วช้าเลวทราม ก็เป็นที่สักการะนับถือของคนพาลทั้งหลาย.



ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: ۞๚ เถระคาถา ๚ะ๛ ۞
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2012, 06:57:05 pm »


   เมฬชินเถรคาถา
   สุภาษิตสรรเสริญพระพุทธองค์
                [๒๖๓] เมื่อใด เราได้ฟังธรรมของพระศาสดาผู้ทรงแสดงอยู่ เมื่อนั้นเราไม่รู้สึก
                             ความสงสัยในพระศาสดาผู้รู้ธรรมทั้งปวง ผู้อันใครๆ ชนะไม่ได้ ผู้นำหมู่
                             แกล้วกล้าเป็นอันมาก ประเสริฐสุดกว่าสารถีทั้งหลาย หรือว่าความสงสัย
                             ในมรรคปฏิปทา ย่อมไม่มีแก่เรา.


   ราธเถรคาถา
   สุภาษิตเกี่ยวกับการอบรมจิตใจ
                [๒๖๔] เรือนที่บุคคลมุงไม่ดี ฝนย่อมรั่วรดได้ ฉันใด จิตที่ไม่ได้อบรมแล้ว ราคะ
                             ย่อมรั่วรดได้ ฉันนั้น เรือนที่มุงดีแล้วฝนย่อมรั่วรดไม่ได้ ฉันใด จิตที่
                             อบรมดีแล้ว ราคะย่อมรั่วรด ไม่ได้ ฉันนั้น


   สุราธเถรคาถา
   สุภาษิตเกี่ยวกับผู้ปฏิบัติถูกต้อง
                [๒๖๕]       ชาติของเราสิ้นแล้ว คำสั่งสอนของพระชินเจ้าเราอยู่จบแล้ว ข่าย คือ
                             ทิฏฐิและอวิชชาเราละได้แล้ว ตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพเราถอนได้แล้ว
                             เราออกบวชเป็นบรรพชิตเพื่อประโยชน์ใด ประโยชน์นั้นเราได้บรรลุแล้ว
                             ความสิ้นสังโยชน์ทั้งปวงเราก็ได้บรรลุแล้ว.

   โคตมเถรคาถา
   สุภาษิตเตือนไม่ให้ติดกาม
                [๒๖๖]       มุนีเหล่าใด ย่อมไม่พัวพันในหญิงทั้งหลาย มุนีเหล่านั้นย่อมนอนหลับ
                             เป็นสุข สัจจะที่ได้ยากแสนยากในหญิงเหล่าใด หญิงเหล่านั้นอันบุคคล
                             ต้องรักษาทุกเมื่อแท้ ดูกรกาม เราประพฤติพรหมจรรย์เพื่อฆ่าท่าน บัดนี้
                             เราไม่เป็นหนี้ท่านอีก บัดนี้ เราไปถึงนิพพานอันเป็นที่บุคคลไปแล้วไม่
                             เศร้าโศก.


   วสภเถรคาถา
   สุภาษิตชี้โทษคนลวงโลก
                [๒๖๗] บุคคลผู้ลวงโลกย่อมฆ่าตนก่อน ภายหลังจึงฆ่าผู้อื่น บุคคลผู้ลวงโลกนั้น
                             ย่อมฆ่าตนได้ง่ายดาย เหมือนนายพรานนกที่หาอุบายฆ่านก และทำตน
                             ให้ได้รับความทุกข์ในอบายภูมิ ฉะนั้น บุคคลผู้ลวงโลกนั้นไม่ใช่พราหมณ์
                             เพียงแต่มีเพศเหมือนพราหมณ์ในภายนอกเท่านั้น เพราะพราหมณ์มีเพศ
                             อยู่ภายใน บาปกรรมทั้งหลายมีในบุคคลใด บุคคลนั้นเป็นคนดำ ดูกร
                             ท้าวสุชัมบดี ขอจงทรงทราบอย่างนี้.



ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: ۞๚ เถระคาถา ๚ะ๛ ۞
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: สิงหาคม 10, 2012, 07:34:12 pm »



   มหาจุนทเถรคาถา
   สุภาษิตสรรเสริญการฟัง
                [๒๖๘] การฟังดีเป็นเหตุให้ฟังเจริญ การฟังเป็นเหตุให้เจริญปัญญา บุคคลจะรู้
                             ประโยชน์ก็เพราะปัญญา ประโยชน์ที่บุคคลรู้แล้ว ย่อมนำสุขมาให้
                             ภิกษุควรส้องเสพเสนาสนะอันสงัด ควรประพฤติธรรมอันเป็นเหตุให้จิต
                             หลุดพ้นจากสังโยชน์ ถ้ายังไม่ได้ประสบความยินดีในเสนาสนะอันสงัด
                             และธรรมนั้น ก็ควรเป็นผู้มีสติรักษาตนอยู่ในหมู่สงฆ์.


   โชติทาสเถรคาถา
   สุภาษิตเกี่ยวกับกฎแห่งกรรม
                [๒๖๙]       ชนเหล่าใดแลพยายามในทางร้ายกาจ ย่อมเบียดเบียนมนุษย์ทั้งหลาย
                             ด้วยการกระทำอันเจือด้วยความผลุนผลันก็ดี ด้วยการกระทำมีความ
                             ประสงค์ต่างๆ ก็ดี ชนเหล่านั้นกระทำทุกข์ให้แก่ผู้อื่น ฉันใด แม้ผู้อื่น
                             ก็ย่อมทำทุกข์ให้แก่ตน ฉันนั้น เพราะนรชนทำกรรมใดไว้ดีหรือชั่วก็ตาม
                             ย่อมเป็นผู้รับผลแห่งกรรมที่ตนทำไว้นั้นโดยแท้.


   เหรัญญิกานิเถรคาถา
   สุภาษิตชี้โทษคนพาล
                [๒๗๐]       วันและคืนย่อมล่วงไปๆ ชีวิตย่อมดับไป อายุของสัตว์ทั้งหลายย่อมสิ้นไป
                             เหมือนน้ำในแม่น้ำน้อย ฉะนั้น เมื่อเป็นเช่นนั้น คนพาลทำบาปกรรมอยู่
                             ย่อมไม่รู้สึกตัว ต่อภายหลังเขาจึงได้รับทุกข์อันเผ็ดร้อน เพราะบาปกรรม
                             นั้นมีวิบากเลวทราม.

   โสมมิตตเถรคาถา
   สุภาษิตชี้โทษความเกียจคร้าน
                [๒๗๑] เต่าตาบอดเกาะขอนไม้เล็กๆ จมลงไปในห้วงน้ำใหญ่ ฉันใด กุลบุตร
                             อาศัยคนเกียจคร้านดำรงชีพ ย่อมจมลงในสังสารวัฏ ฉันนั้น เพราะฉะนั้น
                             บุคคลพึงเว้นคนเกียจคร้านผู้มีความเพียรเลวทรามเสีย ควรอยู่ร่วมกับ
                             บัณฑิตทั้งหลายผู้สงัดเป็นอริยะ มีใจเด็ดเดี่ยว ผู้เพ่งฌาน มีความเพียร
                             อันปรารภแล้วเป็นนิตย์.


   สัพพมิตตเถรคาถา
   สุภาษิตเกี่ยวกับคน
                [๒๗๒]                 คนเกี่ยวข้องในคน คนยินดีกะคน คนถูกคนเบียดเบียน และคนเบียด-
                             เบียนคน ก็จักต้องการอะไรกับคนหรือกับสิ่งที่คนทำให้เกิดแล้วแก่คน
                             เล่า ควรละคนที่เบียดเบียนคนเป็นอันมากไปเสีย.


ต่อ.. หน้าที่ ๑๐ #๑๓๕ มหากาลเถรคาถา
-http://agaligohome.fix.gs/index.php?topic=515.135


ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: ۞๚ เถระคาถา ๚ะ๛ ۞
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2012, 06:22:56 pm »


   มหากาลเถรคาถา
   สุภาษิตชี้โทษอุปธิ
                [๒๗๓]     หญิงชื่อกาฬี มีร่างกายใหญ่ ดำดังกา หักขาซ้ายขาขวา แขนซ้ายแขนขวา
                             และทุบศีรษะของซากศพ ให้มันสมองไหลออกดังหม้อทธิแล้ววางไว้
                             ตามเดิม นั่งอยู่ ผู้ใดแลไม่รู้แจ้งเป็นคนเขลา ก่อให้เกิดกิเลส ผู้นั้น
                             ย่อมเข้าถึงทุกข์ร่ำไป เพราะฉะนั้น บุคคลรู้ว่าอุปธิเป็นเหตุเกิดทุกข์
                             จึงไม่ควรก่อกิเลสให้เกิด เราอย่าถูกเขาทุบศีรษะนอนอยู่อย่างนี้อีกต่อไป.


   ติสสเถรคาถา
   สุภาษิตชี้โทษลาภสักการะ
                [๒๗๔]       ภิกษุศีรษะโล้น ครองผ้าสังฆาฏิ ได้ข้าว น้ำ ผ้า และที่นอน ที่นั่ง
                             ย่อมชื่อว่าได้ข้าศึกไว้มาก ภิกษุรู้โทษในลาภสักการะว่าเป็นภัยอย่างนี้แล้ว
                             ควรเป็นผู้มีลาภน้อย มีจิตไม่ชุ่มด้วยราคะ มีสติงดเว้นความยินดีในลาภ.


   กิมพิลเถรคาถา
   สุภาษิตสรรเสริญการยินดีในธรรม
                [๒๗๕]     พระศากยบุตรทั้งหลายผู้เป็นสหายกันในปาจีนวังสทายวัน ได้พากันละ
                             โภคะไม่น้อย มายินดีในการเที่ยวบิณฑบาต ปรารภความเพียร มีจิต
                             เด็ดเดี่ยว มีความบากบั่นมั่นเป็นนิตย์ ละความยินดีในโลก มายินดีอยู่
                             ในธรรม.

   นันทเถรคาถา
   สุภาษิตชี้ทางปฏิบัติ
                [๒๗๖]     เรามัวแต่ประกอบการประดับตกแต่ง เพราะไม่มีโยนิโสมนสิการ มีใจ
                             ฟุ้งซ่าน กลับกลอก ถูกกามราคะเบียดเบียน เราได้ปฏิบัติโดยอุบายที่ชอบ
                             ตามที่พระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าพันธุ์พระอาทิตย์ ฉลาดในอุบาย ได้ทรง
                             สั่งสอนแนะนำ แล้วถอนจิตจมลงในภพขึ้นได้.


   สิริมาเถรคาถา
   สุภาษิตเกี่ยวกับการสรรเสริญและนินทา
                [๒๗๗]     ถ้าตนมีจิตไม่ตั้งมั่น ถึงชนเหล่าอื่นจะสรรเสริญ ชนเหล่าอื่นก็สรรเสริญ
                             เปล่า เพราะตนมีจิตไม่ตั้งมั่น ถ้าตนมีจิตตั้งมั่นดีแล้ว ถึงชนเหล่าอื่น
                             จะติเตียน ชนเหล่าอื่นก็ติเตียนเปล่า เพราะตนมีจิตตั้งมั่นดีแล้ว.



ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: ۞๚ เถระคาถา ๚ะ๛ ۞
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2012, 06:49:08 pm »


   อุตตรเถรคาถา
   สุภาษิตชี้ผลการปฏิบัติธรรม
                [๒๗๘] ขันธ์ทั้งหลายเรากำหนัดรู้แล้ว ตัณหาเราถอนขึ้นแล้ว โพชฌงค์เราเจริญ
                             แล้ว ความสิ้นไปแห่งอาสวะเราบรรลุแล้ว ครั้นเรากำหนดรู้ขันธ์
                             ทั้งหลายแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะ จักนิพพาน


   ภัททชิเถรคาถา
   สุภาษิตชมปราสาททอง
                [๒๗๙] พระเจ้าปนาทะมีปราสาททอง กว้างโยชน์กึ่ง สูง ๒๕ โยชน์ มีชั้นพันชั้น
                             ร้อยพื้น สล้างสลอนไปด้วยธง แวดล้อมไปด้วยแก้วมณีมีสีเขียวเหลือง
                             ในปราสาทนั้น มีคนธรรพ์ประมาณ ๖ พัน แบ่งเป็น ๗ พวก พากัน
                             ฟ้อนรำอยู่.


   โสภิตเถรคาถา
   สุภาษิตชี้ผลการปฏิบัติธรรม
                [๒๘๐] เราเป็นภิกษุผู้มีสติ มีปัญญา ปรารภความเพียรเป็นกำลัง ระลึกชาติ
                             ก่อนได้ ๕๐๐ กัป ดุจคืนเดียว เราเจริญสติปัฏฐาน ๔ โพชฌงค์ ๗
                             มรรค ๘ ระลึกชาติก่อนได้ ๕๐๐ กัป ดุจคืนเดียว.

   วัลลิยเถรคาถา
   สุภาษิตเกี่ยวกับความเพียร
                [๒๘๑]       สิ่งใดอันบุคคลผู้มีความเพียรมั่นพึงทำ กิจใดอันบุคคลผู้ปรารถนาจะตรัสรู้
                             พึงทำ เราจักทำกิจนั้นๆ ไม่ให้ผิดพลาดตามคำพร่ำสอนของท่าน จงดู
                             ความเพียร ความบากบั่นของเรา อนึ่ง ขอท่านจงบอกหนทางอันหยั่งลงสู่
                             อมตมหานิพพานให้เรา เราจักรู้ด้วยปัญญา เหมือนกระแสแห่งแม่น้ำ
                             คงคาไหลไปสู่สาคร ฉะนั้น


   วีตโสกเถรคาถา
   สุภาษิตเกี่ยวกับการดูตัวเอง
                [๒๘๒]                 ช่างกัลบกเข้ามาหาเราด้วยคิดว่า จักตัดผมของเรา เราจึงรับเอากระจก
                             จากช่างกัลบกนั้นมาส่องดูร่างกาย ร่างกายของเรานี้ได้ปรากฏเป็นของ
                             เปล่า ความมืด คือ อวิชชาในกายอันเป็นต้นเหตุแห่งความมืดมน ได้หาย
                             หมดสิ้นไป กิเลสดุจผ้าขี้ริ้วทั้งปวงเราตัดขาดแล้ว บัดนี้ ภพใหม่มิได้มี.



ออฟไลน์ ฐิตา

  • ทีมงานดอกแก้วกลิ่นธรรม
  • ต้นสักทองเรืองรองฤทธิ์
  • *
  • กระทู้: 7459
  • พลังกัลยาณมิตร 2236
    • ดูรายละเอียด
Re: ۞๚ เถระคาถา ๚ะ๛ ۞
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2012, 07:03:23 pm »


   ปุณณมาสเถรคาถา
   สุภาษิตเกี่ยวกับแว่นธรรม
                [๒๘๓] เราละนิวรณ์ ๕ เพื่อบรรลุความเกษมจากโยคะ แล้วถือเอาแว่นธรรม
                             คือ ญาณทัสสนะของตน ส่องดูร่างกายนี้ทั่วทั้งหมดทั้งภายในภายนอก
                             ร่างกายของเรานี้ ปรากฏเป็นของว่างเปล่าทั้งภายในและภายนอก.


   นันทกเถรคาถา
   สุภาษิตเกี่ยวกับความพลาดพลั้ง
                [๒๘๔] โคอาชาไนยที่ดี ถึงพลาดแล้วก็ตั้งตัวได้ ได้ความสังเวชอย่างยิ่งแล้ว
                             นำภาระต่อไป ฉันใด ท่านทั้งหลายจงทรงจำข้าพเจ้าไว้ว่า เป็นอาชาไนย
                             ผู้สมบูรณ์ด้วยทัสสนะ เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นบุตรผู้
                             เกิดแก่อุระแห่งพระพุทธเจ้า.


   ภารตเถรคาถา
   สุภาษิตชี้ผลการบวช
                [๒๘๕]      มาเถิดนันทกะ เราจงพากันไปยังสำนักของพระอุปัชฌายะเถิด เราจัก
                             บันลือสีหนาท เฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ พระผู้มี-
                             พระภาคผู้เป็นมุนี มีความเอ็นดูเราทรงให้บรรพชาเพื่อประโยชน์อันใด
                             ประโยชน์อันนั้นเราก็ได้บรรลุแล้ว ความสิ้นไปแห่งสังโยชน์ทั้งปวงเรา
                             ก็ได้บรรลุแล้ว.

   ภารทวาชเถรคาถา
   สุภาษิตเกี่ยวกับความชนะ
                [๒๘๖] ธีรชนผู้มีปัญญา ชนะมารพร้อมทั้งพาหนะแล้ว ชื่อว่าผู้ชนะสงคราม
                             ย่อมบันลือสีหนาท ดังราชสีห์ในถ้ำภูเขา ฉะนั้น เราได้ทำความคุ้นเคย
                             กับพระศาสดาแล้ว พระธรรมกับพระสงฆ์เราได้บูชาแล้ว และเราปลาบ-
                             ปลื้มใจ เพราะเห็นบุตรหมดอาสวกิเลสแล้ว.


   กัณหทินนเถรคาถา
   สุภาษิตชี้ผลการปฏิบัติธรรม
                [๒๘๗]      สัปบุรุษเราเข้าไปหาแล้ว ธรรมทั้งหลายเราฟังแล้วเนืองนิตย์ ครั้นฟังธรรม
                             แล้ว จักดำเนินไปสู่ทางอันหยั่งลงสู่อมตธรรม เมื่อเรามีสติ กำจัดความ
                             กำหนัดยินดีในภพได้แล้ว ความกำหนัดยินดีในภพ ย่อมไม่มีแก่เราอีก
                             ไม่ได้มีแล้วในอดีต จักไม่มีในอนาคต ถึงแม้เดี๋ยวนี้ก็ไม่มีแก่เราเลย.