อิ่มกาย อิ่มใจ > สุขภาพกับชีวิต

108 เคล็ดกิน

<< < (7/85) > >>

sithiphong:
ประโยชน์จากงาขาวและงาดำ

ทราบหรือไม่ว่า งาขาวและงาดำมีประโยชน์อะไรบ้าง วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเรื่องนี้มาบอก

- งาดำและงาขาวมีฤทธิ์เป็นกลาง รสหวาน ส่วนน้ำมันงามีฤทธิ์เย็น แก้อาการท้องผูก ทำให้ลำไส้ชุ่มชื้น ลดกรดในกระเพาะอาหาร ลดการอักเสบของทางเดินอาหารและกระเพาะปัสสาวะ บำรุงตับและไต

- เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

- รักษาอาการเคล็ดขัดยอก บำรุงรากผมและผิว ช่วยให้หลับได้ดี
 
- รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกและแผลเปื่อยติดเชื้อ

รู้อย่างนี้แล้ว ลองหันมาทานงาขาวและงาดำกันดูได้.

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=424&contentId=87680

แก้วจ๋าหน้าร้อน:
 :45: ขอบคุณครับพี่หนุ่ม

sithiphong:
ค้นพบ กะเพราศักดิ์สิทธิ์ พืชชนิดใหม่ของโลก

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

คณะสำรวจพรรณไม้ค้นพบ พรรณพืชชนิดใหม่ 4 ชนิด หนึ่งในนั้นคือ กะเพราศักดิ์สิทธิ์

          วันนี้ (30 สิงหาคม) มีการแถลงข่าวการค้นพบพรรณพืชชนิดใหม่ของโลก 4 ชนิด โดนนายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า คณะสำรวจพันธุ์พืช ของกรมอุทยานฯ ที่นำโดย ดร.สมราน สุดดี ผู้เชี่ยวชาญพรรณไม้วงศ์กะเพราของไทย ได้ค้นพบ พรรณไม้สกุลโมก 3 ชนิด คือ โมกการะเกตุ , โมกพะวอ , โมกนเรศวร และ กะเพรา 1 ชนิด ที่บริเวณเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูวัว จ.หนองคาย

          โดย กะเพรา ที่ถูกค้นพบในครั้งนี้ เป็นกะเพรา ชนิด Labiatae ซึ่งจะขึ้นอยู่ตามดินตื้น  ๆ บนภูเขาหินทรายตามป่าเต็งรัง ลักษณะเป็นดังนี้

           มีลำต้นเป็น สี่เหลี่ยม

           สูงประมาณ 50-60 เซ็นติเมตร

           กิ่งมีขนสั้น ๆ นุ่ม ๆ

           ลักษณะใบเป็นใบเดี่ยวมีขนสาก ๆ ด้านบน เรียงตรงสลับตั้งฉาก ยาว 0.4 – 1 เซ็นติเมตร

           กลิ่นไม่ฉุนเหมือนใบกะเพราทั่วไป

           ออกดอกผล ตอนช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคม

           ยังไม่ทราบว่ารับประทานได้หรือไม่

          ซึ่งในขณะกำลังตีพิมพ์ประกาศเป็นพืชชนิดใหม่ของโลก ในวารสาร Thai Forest Bulletin ( Botany )เล่มที่ 38 ภายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้ผ่านการตรวจค้นข้อมูลแล้ว ไม่พบว่ากะเพราชนิดใหม่ที่พบเจอนี้ ไปซ้ำหรือใกล้กับกะเพราของชาติอื่น จึงสามารถเรียกได้ว่า เป็นกะเพราะชนิดใหม่ของโลก ที่จัดเป็นพืชหายากและใกล้สูญพันธุ์

          ส่วนชื่อเรียกสำหรับกะเพราชนิดใหม่นี้ อธิบดีกรมอุทยานฯ ตั้งให้ว่า กะเพราศักดิ์สิทธิ์ (Platostoma tridechii Suddee ) เพื่อเป็นการระลึกถึง ดร.ศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช อธิบดีกรมอุทยาน ที่เพิ่งเสียชีวิตไปจากการประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่ จ.น่าน ที่ทำหน้าที่ในการปกป้องดูแลสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอย่างเต็มความสามารถ จนกระทั่งจบชีวิตลงขณะปฏิบัติหน้าที่

          อย่างไรก็ตาม นายจตุพร อธิบดีกรมอุทยานฯ ยังอธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า ที่ตั้งชื่อว่า กะเพราศักดิ์สิทธิ์ นั้นเป็นเพราะคุณศักดิ์สิทธิ์ ท่านชอบกินกะเพรามาก อีกทั้งสถานที่ที่ค้นพบกะเพราชนิดนี้ก็คือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่เป็นบ้านเกิดของท่านศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก คมชัดลึก

http://hilight.kapook.com/view/51651




sithiphong:

"พริก" อุดมด้วยประโยชน์






คมชัดลึก :คน ไทยกับรสแซบนะคู่กันคู่กัน โดยเฉพาะรสเผ้ดของพริกถ้าไม่จัดจ้านถึงใจไม่มีที่จะอร่อยเด็ด(ยกเว้นคนไม่ กินเผ็ด) แต่รู้หรือไม่ว่านอกจากความเผ็ดแล้ว เจ้าพริกเม็ดเล็กๆ ยังอุดมด้วยประโยชน์มากมายที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง!!! และในโอกาสที่เบอร์เกอร์ คิง เปิดตัวเบอร์เกอร์ คิง แองกรี้ วอปเปอร์ ที่นำพริกชี้ฟ้ามาเป็นส่วนสำคัญ พร้อมยังเชิญผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้เรื่องพริก



 นาวาอากาศโทแพทย์หญิง อรวรรณ กิจเชวงกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแบบองค์รวมและความงาม เผยว่า คนไทยคุ้นเคยกับรสชาติเผ็ดร้อนของพริกมานานแล้ว ซึ่งพริกถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเพิ่มรสชาติอาหารไทยให้จัดจ้าน และทำให้เจริญอาหาร นอกจากนี้ในพริกยังมีส่วนประกอบของสารแคปไซซินในปริมาณสูง สารตัวนี้มีฤทธิ์ในการลดความเจ็บปวด ช่วยระบบย่อยอาหารและพริกยังสามารถสร้างสารเคลือบกระเพาะทำให้กรดกัดกระเพาะได้น้อยกว่าคนที่ไม่กินพริก รสเผ็ดร้อนในพริกยัง ช่วยบำรุงธาตุไฟ เพิ่มการเผาผลาญ ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย จะสังเกตได้ว่าเมื่อทานเข้าไปร่างกายจะอบอุ่นขึ้น และยังช่วยขับเหงื่อ บรรเทาอาการหวัด ลดน้ำมูก ช่วยให้หลอดลมขยายตัวและช่วยในระบบการไหลเวียนของเลือด

 "ปัจจุบันพริกไม่ เพียงมีประโยชน์ทางด้านโภชนาการเท่านั้น แต่ในด้านการแพทย์ผิวหนังและด้านความสวยความงามยังสกัดสารแคปไซซินออกมาใน รูปแบบของครีม เจลเพื่อใช้บรรเทาอาการเจ็บปวดที่ผิวหนัง อาทิ ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก งูสวัด ฯลฯ และใช้ในการนวดสลายไขมัน ลดเซลลูไลท์ ทั้งนี้เชื่อว่าจะช่วยขยายเส้นเลือดบริเวณนั้น เมื่อใช้ร่วมกับตัวยาสลายไขมันอื่นๆ ด้วย

 นอกจากนี้ในแพทย์แผนจีนยังใช้ประโยชน์จากพริกเพื่อบำรุงพลังหยาง ในช่วงที่ผู้ป่วยเป็นหวัดหรือโดนความเย็นมากระทบ โดยให้ทานอาหารรสเผ็ดร้อน อาทิ พริก พริกไทย จะช่วยบรรเทาอาการหวัด  ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อร่างกายแล้ว ยังส่งผลต่อจิตใจทำให้คึกคัก สดชื่น กระฉับกระเฉง เลือดลมสูบฉีด ร่างกายและจิตใจตื่นตัวมากขึ้น แต่สำหรับคนที่ธาตุไฟแกร่งควรทานพริกแต่น้อย เพราะอาจเกิดพลังหยางมากเกินไป ทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นและเป็นแผลร้อนในปากได้” ผู้เชี่ยวชาญ ให้ความรู้

.
http://www.komchadluek.net/detail/20101001/74888/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C.html

.


.

แก้วจ๋าหน้าร้อน:
 :06: เวลาผมสั่งข้าวขาหมูผมชอบทานพริกสดเม็ดสีเขียวเล็กๆ นะครับ ได้รสชาติดีครับ
แต่ถ้าอาหารอื่น อย่างสมตำนี่ผมไม่ค่อยใส่ เยอะ บอกเค้าใส่แค่เม็ดเดียวตลอด..
ขอบคุณครับพี่หนุ่ม^^

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

ตอบ

Go to full version